ดีใจที่จินตนาการชื่อหนังสือเล่มใหม่ เพื่อครูและนักเรียน เป็นนักพัฒนาตนเอง ได้รับการยอมรับ จากทีมงานที่เคยทำหนังสือด้านการเรียนรู้ด้วยกันมาหลายปี และจะเกิดโครงการเรียนรู้ไปด้วยกัน ระหว่างทีมทำหนังสือ กับครูจาก ๑๑ โรงเรียนที่อาสาเข้ามาทดลองเอาแนวคิด ครูและนักเรียน เป็นนักพัฒนาตนเอง ไปทดลองประยุกต์ใช้ แล้วนำมาสะท้อนคิดเพื่อเรียนรู้ไปด้วยกัน และเขียนออกมาเป็นหนังสือ
เป็นการเรียนรู้และสื่อสารว่า ทั้งครูและนักเรียนต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน นักเรียนเรียนรู้ร่วมกับครูและเพื่อนๆ ครูเรียนรู้ร่วมกับศิษย์และเพื่อนครู โดยที่ในความเป็นจริงแล้ว การเรียนรู้ซับซ้อนกว่านั้นมาก เพราะนักเรียน (และครู) มีการเรียนรู้จากบ้าน จากคนรอบข้าง จากสื่อต่างๆ และทางอินเทอร์เน็ต มีทั้งการเรียนรู้ด้านบวก และการเรียนรู้ด้านลบหรือด้านที่เป็นโทษ โดยด้านที่เป็นโทษคือด้านที่ชักจูงค่านิยม (V – values) ผิดๆ เช่นค่านิยมใช้ของหรูราคาแพง ค่านิยมอวดรวยอวดเด่น
การพัฒนาตนเองด้านค่านิยม (V – values) จึงน่าจะสำคัญที่สุด โดยครูทำตัวเป็นตัวอย่าง เช่น ค่านิยมในการแต่งกาย (พอเหมาะพอดี สุภาพเรียบร้อย) ค่านิยมในความประพฤติด้านกาย วาจา ใจ ที่สมัยนี้อาจเรียกว่าเป็นด้าน socio-emotional (สังคม-อารมณ์) ที่วง PLC ในโรงเรียนน่าจะเอามาตีความร่วมกัน จะร่วมกันส่งเสริมให้ครูและนักเรียนพัฒนาด้านค่านิยมอย่างไรบ้าง โดยมีค่านิยมเดิมอะไรบ้างที่ควรร่วมกันแก้ไข และจะหาทางส่งเสริมให้ครูพัฒนาค่านิยมอะไร ส่งเสริมให้นักเรียนพัฒนาค่านิยมอะไร โดยที่ในทางปฏิบัติจริง จะดำเนินการอย่างบูรณาการ คือพัฒนา VASK ไปพร้อมๆ กัน แต่ตอนประเมิน (assessment for learning – formative assessment) จะประเมินแยกกัน
สำคัญรองลงมาคือด้านเจตคติ (A - attitude) หรือความคิด/กระบวนทัศน์ ต่อสิ่งต่างๆ ที่เป็นเจตคติเชิงบวก กระบวนทัศน์เชิงพัฒนา มีความเมตตากรุณาต่อตนเอง และเมตตากรุณาต่อกันและกัน มีความคิดว่ามนุษย์เรามีความไม่สมบูรณ์ ต้องเอาใจใส่พัฒนาตนเอง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เรื่องทักษะ (S – skills) และความรู้ (K – knowledge) ได้เสนอรายละเอียดไว้แล้วในบันทึกเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ (๑) จะเห็นว่ามิติการเรียนรู้เชิงทักษะและความรู้นั้น ไม่แยกกัน ต้องเรียนไปด้วยกัน คือใช้การฝึกหรือการลงมือปฏิบัติ ซึ่งจะมีเป้าหมายที่ซับซ้อน และระดับของผลลัพธ์การเรียนรู้ก็มีความซับซ้อนมาก ดังนั้น เรื่องการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้จึงท้าทายมาก ว่าผู้เรียนได้เรียนรู้ระดับใด การเรียนรู้ของครูในด้านการทำความเข้าใจระดับของการเรียนรู้ และหาวิธีการประเมินที่วัดระดับของการเรียนรู้ได้อย่างแยกแยะ จึงท้าทายมาก
เอาเข้าจริง ครูต้องประเมินทั้ง V, A, S, K เป็นระยะๆ ทั้งของนักเรียนและของครูเอง เพื่อใช้ผลประเมินเป็นข้อมูลป้อนกลับสู่การปรับปรุงวิธีทำหน้าที่ครู หรือป้อนกลับสู่การเรียนรู้ของครูนั่นเอง โดยต้องไม่ลืมว่า การป้อนกลับนั้นต้องเป็น constructive feedback – การป้อนกลับเพื่อสร้างสรรค์
วิจารณ์ พานิช
๓๐ พ.ค. ๖๕
ไม่มีความเห็น