“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (7) : ครูมองวัยรุ่น...ความไม่ยุติธรรมในสังคม


เพียงเพราะไม่ยอมปล่อยวาง จึงติดคุกติดกับดักหลุมพรางที่ตนขุดไว้เพื่อดักคนอื่น แต่ตนเองกลับตกไปอยู่ในหลุมพลางนั้นเสียเอง


ต่อจากความเดิมตอนที่แล้ว...
“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (1)
"บ้าน"...ฉันไม่อยากอยู่ (2)
“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (3) : วัยรุ่น ลมร้อน
“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (4) : วัยรุ่น ลมร้อน และการเปลี่ยนแปลงชีวิต
“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (5) : ครูมองวัยรุ่น...ผ่านประสบการณ์ 
“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (6) : ครูมองวัยรุ่น...พฤติกรรมก้าวร้าว

          บ่อยครั้งในความถูกต้อง มักจะถูกเคลือบแฝงไว้ด้วยความไม่ยุติธรรม หากตื่นเช้าขึ้นมาในวันหนึ่งมีคนมายื่นข้อเสนอให้คุณเลือกวิถีชีวิตให้กับตัวเอง ข้อเสนอแรก คือ วิถีชีวิตที่อยู่ในความถูกต้อง แต่ตั้งอยู่บนฐานของความไม่ยุติธรรม ข้อเสนอสอง คือ วิถีชีวิตที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความยุติธรรม แต่อยู่ในความไม่ถูกต้อง และคุณก็จำเป็นจะต้องตัดสินใจเลือก คุณจะเลือกวิถีชีวิตแบบไหน? แล้วทำไมคุณถึงตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตแบบนั้น? มีเพื่อนคนหนึ่งกล่าวว่า “ไม่มีความยุติธรรมบนโลกใบนี้...โลกของความยุติธรรมอยู่ในจิตนาการของเธอเท่านั้น...หากเธอตื่นมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงน้อยครั้งมากที่เธอจะค้นหาความยุติธรรมนั้นเจอ”

          ความเหลื่อมล้ำของสังคม...ทำให้มนุษย์เรียกหาแต่ความยุติธรรมให้กับตนเองเพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น ที่กล่าวเช่นนี้ดูจะเป็นคนเห็นแก่ตัวแต่เพราะเชื่อในฐานคิดที่ไม่เคยหรอกตัวเองว่ามนุษย์ทุกคนรักตัวเองมากกว่ารักผู้อื่นเสมอ ดังนั้นความยุติธรรมที่เรียกร้องเรียกหาก็เพียงเพื่อตนเองเพราะเชื่อว่าตนเองทำดีแต่ไม่ได้รับผลดีตอบแทนบางคนกล่าวว่า  “ทั้ง ๆ ที่ปฏิบัติตนตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม อยู่ในความดีความถูกต้องเสมอมา แต่แล้วผลที่ได้รับกลับไม่ยุติธรรมกับชีวิตเอาเสียเลย” จึงพยายามเรียกหาความยุติธรรมจากสังคม บ้างก็เที่ยวป่าวประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้กล่าวโทษคนอื่นอยู่ร่ำไป   บางเรื่องราวยิ่งเรียกร้องก็ยิ่งเป็นวัวพันหลักผูกมัดตัวเองเรื่อยไปจนกลายเป็นคนแพ้ไม่เป็น ชีวิตเลยวนเวียนผูกมัดติดอยู่กับความอาฆาตพยาบาท มาถึงตอนนี้ความดีที่เคยสั่งสมไว้ก็หมดหดหายไปกับไฟแห่งความโกรธแค้นนั้น ทีนี้เห็นจะจริงที่ว่าทำดีไม่ได้ดีอีกแล้ว เนื่องจากจิตใจเล่าร้อนไม่เป็นอันต้องทำอะไร หมกมุ่นอยู่กับความคิดเชิงลบค้นหาความสุขในชีวิตไม่เจอ เพียงเพราะไม่ยอมปล่อยวาง จึงติดคุกติดกับดักหลุมพรางที่ตนขุดไว้เพื่อดักคนอื่น แต่ตนเองกลับตกไปอยู่ในหลุมพลางนั้นเสียเอง

          การปฏิบัติตนนำพาชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควร ยึดมั่นอยู่ในความดีความถูกต้อง บางครั้งไม่จำเป็นเลยที่จะต้องได้รับความยุติธรรมจากสังคมเสมอไป “การปิดทองหลังพระ” ใครไม่รู้ไม่เห็นแต่ตัวเองย่อมรู้ย่อมเห็นเท่านี้ใจก็เป็นสุขและเพียงพอแล้ว อันคนเราจะเรียกร้องเรียกหาความสุขใดเท่าความสุขใจไม่มีสุขใดเทียมเท่า พ่อแม่ยังรักลูกไม่เท่ากัน โรงเรียนยังแบ่งแยกเกรด สีกายังเลือกวัดที่จะไปทำบุญ บางครั้งสถาบันแห่งความยุติธรรมยังขาดความยุติธรรม แล้วจะแปลกอะไรหากในโลกบูด ๆ เบี้ยว ๆ ใบนี้จะไม่มีความยุติธรรมให้เราบ้างในบางครั้ง ก็เพราะสังคมเกิดความเหลื่อมล้ำสลับซับซ้อนอยู่ จึงพบว่า “ความยุติธรรมยังหลบซ่อน...ซ่อนเร้น อยู่ในความถูกต้องเสมอ” 

"เมื่อใดที่เราดับกิเลสในใจตนได้ เมื่อนั้นเราจะพบกับความยุติธรรมในชีวิต"

หมายเลขบันทึก: 69451เขียนเมื่อ 26 ธันวาคม 2006 12:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ชีวิตคนทุกคน

            ต้องตั้งคำถาม และหาคำตอบ

            เมื่อมีคำตอบ ก็จะมีคำถามใหม่

            ชีวิตคนจึงเวียนว่ายตายเกิด

 

ขอบคุณคุณ เม็กดำ 1 ค่ะ

ทุกชีวิตเวียนว่ายตายเกิด...เมื่อได้คำตอบของคำถามหนึ่ง ก็มีคำถามใหม่อีกหนึ่ง เพื่อให้เราหาคำตอบ...อยู่เรื่อยไป เมื่อมีปัญหาหนึ่งก็ต้องแก้หนึ่ง เมื่อแก้เสร็จก็มีปัญหาใหม่เข้ามาให้เราแก้ต่อไป ชีวิตเวียนว่ายตายเกิด เป็นธรรมดามนุษย์โลก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท