การณ์...เวลาเปลี่ยนไปเร็วจริงๆ (จบบริบูรณ์)


"ใครหนอทำให้ความคิดของเด็กน้อยเปลี่ยนไป"

              

            เนื่องจากมีน้องที่รู้จักคนหนึ่ง น้องคนนี้มีญาติที่นับถือศาสนาคริสต์ เมื่อถึงเทศกาลคริสต์มาสก็จะต้องไปเข้าโบสถ์ คือวันที่ 24 และ 25 ธันวาคม  เพื่อขอพรพระเจ้าและก็ถือเป็นวันที่จะได้สนุกสนานกันเต็มที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

            หลังจากวันคริสต์มาสผ่านไปมาดๆ น้องเค้าได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ผมฟังเรื่องราวแล้วอยากมาถ่ายทอดให้ตริตรอง ถึงสภาพสังคมปัจจุบันว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น และก็ได้แต่ภาวนาให้พระผู้เป็นเจ้าที่เด็กน้อยนับถือ ดลบันดารความสุขให้กับเด็กน้อยผู้นี้ในเร็ววันด้วยเถิด

           แต่เนื่องจากปีนี้เด็กน้อยไม่สบายจึงไม่สามารถไปร่วมงานได้ ก็ได้แต่นั่งร้องเพลงใต้ต้นคริสต์มาสเพียงลำพัง น่าแปลกที่ปีนี้ใต้ต้นคริสต์มาสไม่มีถุงเท้าแขวนอยู่เหมือนทุกปี ดังเช่นทุกปีที่ผ่านมาเด็กน้อยคนนี้จะนำถุงเท้ามาแขวนเพื่อรอของขวัญจากลุงซานตาผู้ใจดีของเค้า

          "ดึกแล้ว ได้เวลานอนแล้วจ๊ะ" เสียงเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่นและนุ่มนวลดังขึ้นข้างหลังเด็กน้อย ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนเลยแต่เป็นเสียงแม่ที่แสนดีของเค้า เด็กน้อยมองมายังเสียงนั้นและพร้อมที่จะลุกไปนอนอย่างโดยดี เมื่อเด็กน้อยลุกขึ้นจากเตียงเล็กๆใต้ต้นคริสต์มาส แม่ของเด็กน้อยก็เอ่ยถามว่า "ปีนี้ลูกลืมอะไรหรือเปล่าจ๊ะ" เด็กน้อยมองแม่ด้วยสายตาที่สงสัย แม่ถามต่อว่า "แม่ว่าปีนี้ลูกของแม่คงลืมลุงซานตาที่จะนำของขวัญมาให้แน่เลยใช่มั้ยลูกรัก ลูกจึงลืมแขวนถุงเท้าในคืนนี้" เด็กน้อยมองแม่นิ่งไปสักพัก แล้วตอบว่า "ผมไม่ได้ลืมหรอกครับแม่

           ทุกปีที่ผ่านมาผมได้รับของขวัญที่ผมอยากได้เสมอ แต่ปีนี้ผมไม่อยากได้อะไรจากลุงซานตาเลยครับ ผมแค่อยากให้ลุงซานตาแค่แวะมาบ้านผมแค่เสี้ยวนาทีก่อนที่จะไปบ้านเด็กคนอื่นๆๆที่กำลังรอลุงซานตาเหมือนผม เพื่อที่จะนำความทุกข์ โรคภัย และสิ่งที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราตลอดเวลาที่ผ่านมานำไปทิ้งให้ผมที่ครับแม่"

           แม่มองลูกชาย นิ่งเงียบไปสักพักก่อนเดินมาสวมกอดลูกชายและกล่าวว่า "ความทุกข์ที่ลูกมีในวันนี้ มันอาจกลายเป็นฐานความสุขในวันข้างหน้าของลูกก็ได้นะลูกรัก เพราะลูกได้เรียนรู้แล้วว่าสิ่งใดคือความทุกข์ ลูกก็จะสามารถหลีกเลี่ยงไปให้ห่างไกลมันได้ ไม่ปรารถนาที่จะเข้าใกล้มันอีก เพราะฉะนั้นลูกต้องหัดเรียนรู้มันไว้นะจ๊ะ"

           จากที่ฟังเรื่องนี้จบผมพอมองเห็นว่าเด็กน้อยผู้นี้คงผ่านเหตุกาณ์อันแล้วร้ายมากมาย ซึ่งคงมาจากสภาพสังคมในปัจจุบันที่บีบรัดไม่ปราณีแม้กระทั้งเด็กตาดำๆๆ

หมายเลขบันทึก: 69444เขียนเมื่อ 26 ธันวาคม 2006 11:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านแล้วสงสารเด็กจังเลยนะคะ สังคมเราปัจจุบันมีปัญหามากซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างขึ้นทุกที ต้องสร้างพลังครอบครัวที่เข้มแข็งรักษาเด็กๆ ของเราเพื่อให้เติบโตเป็นเด็กดีในอนาคต

  • ขอบคุณครับพี่มอม เราจะต้องดูแลครอบครัว เด็กๆ และเยาวชนให้ดีที่สุดครับ.
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท