อยู่กับปัจจุบัน...จึงจะมีความสุข...จริงไหม


ทำง่ายในบางสถานการณ์ แต่แสนยากในหลายๆโอกาส

วันพฤหัสที่แล้ว เป็นวันที่รู้สึกว่าตัวเองทดท้อใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว คิดว่าการที่จะเข้าใจความคิดของคนนั้นยากนักหนา ได้รับการยืนยันความเชื่อของตัวเองที่ว่าเงินคือสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาเสมอ นึกถึงบันทึกต่างๆที่อ.หมอวิจารณ์เขียนไว้เกี่ยวกับการทำงานและการบริหารจัดการเงิน เห็นจริงเป็นยิ่งนัก ความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ความไม่รู้ ก่อให้เกิดความเสียใจ ซึ่งสำหรับตัวเอง เมื่อความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว เข้าใจและเห็นใจว่าจะเยียวยาได้ยาก ตัวเองได้รับรู้เพียงเสียงสะท้อน แต่ก็สะเทือนใจไม่น้อย คิดว่าเข้าใจความตั้งใจของทุกฝ่าย แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจกันได้ ต่างก็อยู่ในสถานะที่แตกต่าง และยากที่จะเข้าใจกันอย่างแท้จริง รู้สึกได้ว่าทำใจให้ปลอดโปร่งไม่ได้เลยทั้งวัน ถึงแม้จะมีงานมากและต้องตั้งสมาธิกับงานตรงหน้าที่ทำ ซึ่งช่วยความรู้สึกได้บ้างที่ทำให้ไม่หยุดอยู่กับความไม่สบายใจ แต่ถึงแม้จะ...อยู่กับปัจจุบัน...ก็ไม่ได้มีความสุข

วันศุกร์ ไปร่วมงานโรงเรียนลูก...เมื่ออยู่กับปัจจุบัน..ตอนนั้น...มีความสุขได้ วางเรื่องที่หนักใจได้หมด...มองและคิดเฉพาะสิ่งที่อยู่รอบตัว กังวลเฉพาะว่างานจะจบทันเวลาที่ต้องไปพูดเรื่อง KM กับบล็อกให้ชาวกิจกรรมนักศึกษาหรือไม่เท่านั้น..

2 วันสุดสัปดาห์ พวกเราทั้งหน่วยฯยกขบวนไปเที่ยวกรุงชิง นครศรีธรรมราช ได้เข้าถ้ำหงส์ ที่ต้องเข้าทีละคน คลานบ้าง ย่อเข่าบ้าง ปีนป่ายบ้าง เปียกปอนกันไปทั้งตัว ได้ล่องแก่งชมธรรมชาติป่าเขา ลำธาร ได้จิบกาแฟท่ามกลางทะเลหมอกกับอากาศบนยอดดอยที่แสนสดชื่น ได้ชมพระอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนพ้นขอบฟ้าขึ้นมาเยี่ยมโลก ได้โดดหอด้วยน้ำตาเพราะความกลัว (เพิ่งรู้ว่า ถ้าหลับตากระโดดคงจะดีกว่านี้ เพราะไม่ได้กลัวการกระโดดจากที่สูง แต่กลัวการมองเห็นพื้นที่อยู่ไกลลงไปในแนวดิ่ง) ได้ไปเดินป่า เพื่อไปชมน้ำตกกรุงชิงด้วยเส้นทางไปกลับรวมแล้ว 5600 เมตร ได้บริจาคเลือดให้ทากตัวเล็กๆ (เพิ่งรู้จริงว่า หน้าตาท่าทางทากเป็นอย่างนี้เอง มันชูเรดาร์เตรียมกระโดดอยู่ตามพื้น ดูน่าอัศจรรย์) ได้เรียนรู้ว่าการขึ้นไปอยู่บนที่สูงแบบนั้น เป็นโลกที่เราทำความคุ้นเคยไม่ได้แน่ (เป็นคนกลัวความสูงชนิดร้ายแรง ไม่มีใครเท่า)...เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไปทั้งตัว แต่จำได้ว่า...มีความสุขกับปัจจุบัน ณ ตอนนั้นๆจริงๆ (แม้ผสมด้วยความกลัวสุดๆเป็นครั้งคราว)

กลับมาหาดใหญ่ เริ่มงานวันนี้ มีทั้งงานประจำ ที่ต้องตรวจโปรตีนในปัสสาวะและน้ำไขสันหลัง และงานพิเศษ ที่โดนโทรนัดแนะกันตั้งแต่เช้า เดินไปเดินมาพร้อมๆกับการร้องเรียนของกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ขยับโอย ลุกโอย นั่งโอย กันไปหลายๆคน กลับมาสู่ปัจจุบันและเรื่องค้างใจต่างๆ ...จะมีความสุข ก็เมื่อใจจดจ่อจริงๆ ...เท่านั้น เมื่อรับฟัง รับรู้ เรื่องต่างๆ ก็ยังคง...ทำใจ..ได้ไม่ดีนัก

สรุปว่า ความสุขหาได้ หากใจอยู่กับเราจริงๆเท่านั้น  

หมายเลขบันทึก: 69351เขียนเมื่อ 25 ธันวาคม 2006 23:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
บันทึกนี้อ่านแล้วได้หลากรส..จริงๆค่ะ มีความสุข...มีหวาดเสียว...ทากตัวเล็กๆ เพิ่งรู้จริงว่า หน้าตาท่าทางทากเป็นอย่างนี้เอง มันชูเรดาร์เตรียมกระโดดอยู่ตามพื้น ดูน่าอัศจรรย์ และมีนิดนึงค่ะ วิจารณ์ สะกดด้วย..ณ..ค่ะ

อ่านบันทึกคุณโอ๋แล้ว...นึกถึงคำว่า sensitive.....หากมีโอกาสจะ ลปรร.ค่ะ

  • บรรทัดที่ 5 ครับ ... หมอวิจารณ์ ..
  • รู้สึกได้ว่าทำใจให้ปรอดโปร่ง

    อ่านจบแล้วครับ และคิดว่าเข้าใจตามที่เล่ามา
"อยู่กับปัจจุบัน" ทำได้ไม่ง่ายเลยใช่มั้ย  แค่คิดถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไปเมื่อสักครู่  มีความวิตกกังวล หรือ หนักใจ เสียใจกับมัน ก็สูญเสียความเป็นปัจจุบันไปเสียแล้ว ในพริบตา .. ทุกข์ก็ตามมาแบบสายฟ้าแลบ.
    เข้าใจเสมอ และขอเป็นกำลังใจให้ตลอดไปครับ.


   

ขอบคุณคุณเมตตาและคุณ Handy ค่ะ รู้สึกเหมือนกันว่าความ sensitive นี่ทำร้ายเราจัง แต่ก็ยังฝึกตัวเองให้อุเบกขาไม่ได้จริงๆ รู้สึกเดือดร้อนกังวลใจที่ไม่สามารถทำให้สถานการณ์บางอย่างดีขึ้นได้ รู้ว่าเวลาคือเครื่องช่วย แต่ก็ทำใจให้"นิ่ง"รอเวลาได้ยากค่ะ

ขอบคุณจริงๆค่ะ สำหรับกำลังใจและความเข้าใจ เข้ามาอ่านเองซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะเดินหน้าไปไม่รอดค่ะ ดีใจที่แม้ไม่มีใครที่เราจะพูดด้วยเข้าใจ ก็มีคนเข้าใจในโลกแห่งนี้ค่ะ

ดิฉันอยากบอกว่า "เข้าใจ" ค่ะ

ความ sensitive อาจจะทำร้ายหัวใจเราในหลายๆครั้ง

แต่ความพิเศษของคน sensitive คือเข้าใจคนอื่นได้เร็ว   อ่านใจคนอื่นได้ดี  ช่วยให้วางท่าทีความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม .....ซึ่งมีค่ามาก

ดิฉันอ่านบันทึกคุณโอ๋แล้วอยากรู้จักตัวจริงมากค่ะ  คนที่จิตใจละเอียดอ่อน  ในโลกใบนี้...หาได้ยากขึ้นทุกวันค่ะ

ขอให้โชคดีและมีความสุขมากๆตลอดปีใหม่นี้นะคะ 

 

 

ขอบคุณ สาวน้อยมหัศจรรย์ คนแรกของ GotoKnow ค่ะ สำหรับคำเตือนใจที่จริงที่สุด

ขอบคุณคุณ ดอกไม้ทะเล มากค่ะ สำหรับคำวิเคราะห์ที่ทำให้รู้สึกดีกับตัวเองจัง มีหลายๆครั้งที่คิดว่าเราทำไมมองอะไรไม่เหมือนใคร เราเป็นคนประหลาด แต่เมื่อมี GotoKnow ก็ได้พบเพื่อนที่เข้าใจ ทำให้เรารู้ว่า มีคนที่เข้าใจและคิดเหมือนเราอยู่อีกมากมายค่ะ หวังว่าสักวันเราจะได้พบกันนะคะ มี sense บางอย่างบอกว่า คุณ ดอกไม้ทะเล น่าจะเป็นคน "คอเดียว"กัน เขียนบันทึกความคิดตัวเองออกมาสิคะ เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ขอบคุณสำหรับคำอวยพร และขอให้คุณ ดอกไม้ทะเล ได้รับพรนั้นเช่นเดียวกันค่ะ

คุณโอ๋คะ

ขอบคุณสำหรับประโยคนี้นะคะ    "ทำไมเรามองอะไรไม่เหมือนใคร  ทำไมเราเป็นคนประหลาด"

 ดิฉันรอประโยคนี้จากคนที่ "เป็นเหมือนกัน...เป็นเหมือนเรา" อยู่หลายสิบปี เพราะดิฉันรู้สึกแบบที่ว่าข้างต้น  ตั้งแต่เด็กจนแก่ 

สมัยอายุยังน้อย  ดิฉันมีหนังฝรั่งที่มีตัวละคร ที่มีความซับซ้อนทางจิตใจเป็นเพื่อน และให้คำตอบหลายๆแบบในชีวิต  ทำให้ดิฉันเข้าใจชีวิตมากขึ้น  ทำให้ดิฉันหายจากความรู้สึกโดดเดี่ยว  ดิฉันมีมิตรเป็นหนังสือดีๆจำนวนมาก  แต่ดิฉันมีเพื่อนที่"เข้าใจ"กันจริงๆ..นับคนได้ 

ดิฉันเคยสงสัยว่าสิ่งที่เราคิดนั้น  ผิดประหลาดมากหรือ  จึงหาคนร่วมสนทนาในเรื่องเดียวกันได้น้อยเต็มที  จนกระทั่งดิฉันได้มาเป็นครู  ดิฉันก็ได้มีโอกาสพบและเจอคนที่"มองเห็นและเข้าใจในสิ่งที่เราเลือกคิดและลงมือทำ" มากขึ้น (ถึงแม้ว่าจะนับคนได้อีกเช่นกัน)

และดิฉันได้พบเด็กๆที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางของความโดดเดี่ยว เช่นเดียวกับดิฉันในอดีตอยู่เป็นจำนวนมาก   ดิฉันโชคดีที่เด็กๆให้โอกาส   และเต็มใจที่จะสื่อสารกับครูที่สอน"วิชา" ไม่เก่ง  แต่ตั้งใจมุ่งมั่นที่จะมา"สอนคน"(ที่ยังเล็กกว่าเรา) ให้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก  ดิฉันรักคนดี  อยากอยู่ใกล้ๆคนดีที่มีจิตใจดีงามโดยเนื้อแท้ 

คือดิฉันคิดตรงๆว่าอยากเจอคนดีด้วย  อยากสร้างคนดีด้วย  อยากทำให้ดีที่สุดในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ด้วย 

ว่าแล้วดิฉันก็ลงมือสร้างแบบเรียนรู้ไปพร้อมเด็กๆอย่างสนุกสนาน  กล่าวได้ว่าดิฉันสนุกสนานมากแต่เด็กๆก็เวียนหัวมากต่อเนื่องกันมาทุกรุ่นจนถึงปัจจุบัน   

อันที่จริงในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัย  (คือคำนี้ปรับให้ดูดีมีระดับขึ้น  จากสำนวนเดิมว่า ครูถือถุงพุงป่องน่องทู่" ) ดิฉันควรเริ่มทำผลงานวิชาการ หรือเรียนต่อปริญญาเอก หรืออะไรทำนองนี้ แต่ดิฉันยังมีห่วงกังวลกับสิ่งที่ดิฉันทุ่มใจสร้างและเทใจทำ

 ดิฉันสนใจเรื่อง การรู้เท่าทันการสื่อสาร  " Communication Literacy "   ซึ่งเป็นเรื่องที่ว่าด้วยการรู้เท่าทันกระบวนการสื่อสารทั้งกระบวนการ  และเน้นไปที่การรู้เท่าทันจิตใจคนและจิตใจตน มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างคนดีโดยจิตใจเนื้อแท้ 

คือดิฉันมุ่งมั่น  อยากสร้างคนที่พูด คิด เขียน และ ทำ ...เป็นเนื้อเดียวกัน

ดิฉันเริ่มโพสต์เรื่องนี้ครั้งแรกในเว็บไซต์วิชาการ.คอม  ด้วยความตั้งใจจะสื่อสารเรื่องนี้กับคุณครูที่สอนภาษาไทยโดยตรง  แต่คงเป็นเพราะการเขียนที่อาจสับสนวกวนของดิฉัน  หรือเป็นเพราะเรื่องที่ดิฉันสื่อสาร ยังไม่ชัดเจน  ก็เลยยังไม่ได้มีโอกาสสื่อสารกับคุณครูภาษาไทย  มีแต่ผู้รู้ทางสายวิทย์คณิต กรุณาร่วมสนทนาด้วย 

สิ่งที่ทำให้ดิฉันออกจะรันทดนิดหน่อยคือ  เรื่องที่ดิฉันสนใจนี้ ยังไม่มีปรากฏเป็นวิชาในหลักสูตรใดๆในประเทศไทย  เมื่อดิฉันต้องสอนเด็กเรื่องนี้ จึงไม่รู้จะเอาฐานวิชาอะไรมาอ้าง  แถมเว็บไซต์อ้างอิงที่เป็นภาษาไทย ก็ไม่มีเลยสักเว็บไซต์เดียว  ดิฉันก็เลยเขียนเองงงเองมาจนจะครบปีแล้ว กะว่าเขียนจบจะทุ่มทุนทำหนังสือเล็กๆแจกฟรี  (...ทั้งนี้ โดยหวังว่าจะเขียนเสร็จก่อนเกษียณ)

ตอนนี้ดิฉันเข้ามาโพสต์ในเว็บบล็อกของ Gotoknow ด้วยแล้วค่ะ  และกะว่าจะโพสต์ต่อไปจนกว่าจะจบเรื่อง  ซึ่งก็ยังไม่รู้จริงๆว่าจะยาวสักแค่ไหน แต่ดิฉันก็จะเขียนให้จบ  และเพียรฝึกเด็กๆให้เต็มที่  (แม้จะเหนื่อยหน่อยและจะไม่ได้อะไรเป็นพิเศษตอบแทน  นอกจากความรำคาญครูขี้บ่นของเด็กๆ)  ซึ่งเด็กๆทุกคนก็คล้ายๆจะทำใจได้  และดิฉันเองก็ได้ทำใจแล้ว  ดิฉันจึงเต็มใจเลือกและมีความสุขที่จะเลือกชีวิตเช่นนี้   

 ขอบคุณคุณโอ๋มากนะคะ  ดิฉันกับคุณโอ๋อยู่ไม่ไกลกันเลย ...สักวันเราคงได้พบกันนะคะ

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท