การกินดื่ม ถือเป็นเรื่องปกติที่เราทำเป็นกิจวัตรประจำวันในทุกๆวัน เพื่อการเจริญเติบโต ให้พลังงานแก่ร่างกายและเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ แต่ในหลายๆครั้ง เวลาเราทานหรือกลืนอาหาร แล้วเกิดการสำลักขึ้นมา ทำให้เรานั้นลำบากต่อการกลืนในครั้งถัดๆไป ไม่อยากทานอาหารบางชนิดหรือบางคนถึงขั้นกลัวต่อการกลืนไปเลย
ภาวะกลัวการกลืน คือ เป็นภาวะที่ผู้รับบริการมีความรู้สึกกลัวต่อการกลืน วิตกกังวล เครียด ไม่อยากทานอาหาร หลีกเลี่ยงการทานอาหารบางชนิด โดยมีความลำบากในการเริ่มต้นกลืนอาหาร หรือความยากลำบากในการเคลื่อนอาหารหรือของเหลวจากปากให้ผ่านคอหอย และหลอดอาหารไปสู่กระเพาะอาหาร อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อาทิเช่น พยาธิสภาพของโครงสร้างการกลืนหรือเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการกลืน เป็นต้น
สภาวะที่ทำให้กลัวการกลืน
การป้องกันภาวะกลัวการกลืน
วิธีเบื่องต้นในการประเมินการกลืนของตนเอง
ท่าที่ 1
▶️การสังเกต : หากลูกกระเดือกขึ้นและค่อยๆลง ภายใน 1-2 วินาที แสดงว่าการกลืนมีความราบรื่น
ท่าที่ 2
▶️การสังเกต : หากกลืนยาก แสดงว่าลิ้นและกล้ามเนื้อการกลืนไม่ค่อยแข็งแรง
ท่าที่ 3
▶️การสังเกต : หากมีการก้มศรีษะขณะกลืน แสดงว่าการกลืนเริ่มลำบาก
โดยให้กลืนน้ำเริ่มจาก 3 ml, 5 ml, 10 ml, 20 ml ตามลำดับ
▶️สังเกต : อาการผิดปกติต่างๆ เช่น สำลัก ไอ กระแอมเสียงพร่าหรือเปลี่ยน กลืนช้า และภาวะสำลักเงียบ ถ้ามีถือว่าไม่ผ่าน การกลืนมีปัญหา
การลดความกลัว เพิ่มความกล้าในการกลืนอาหาร
1.) ฝึกการรู้สติ : กายป่วยแต่ใจไม่ป่วย เป็นการระบายอารมณ์ออกมาให้หมด กล้าเรียนรู้ ทดลองทำ ผิดเป็นครู จิตรู้จริงกายเข้มแข็ง หายป่วย คิดยืดหยุ่น อารมณ์ มั่นคง ยิ้มสู้ รู้เวลา ทําทีละอย่าง ฝึกทํางานยาก ทิ้งงานย้อนอดีต ละวางแผนเยอะ ต้ังสติทําความดี อยู่อย่างพอดี ขอบคุณและรักษาลมหายใจให้ตัวเองสงบสุขทุกวันรักษาใจ ให้ภาวนา“ป่วยแต่กาย...ใจไม่ป่วย”
2.) ให้ทบทวนความคิดให้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย มีสติเอาชนะใจตัวเอง หายใจให้เย็นจิต : โดยให้หายใจเข้าลึก-ค้าง 3 วินาที-เป่าปากหายใจออก เป็น 1 รอบ ทํา 4 รอบ ต่อด้วย หายใจเข้าลึก-เป่าปากหายใจออกติดต่อกัน 10 รอบ ต่อด้วย หายใจเข้าออกทางจมูก เป็น 1 รอบ ทํา 20 รอบ สุดท้าย หายใจเข้าลึก-ค้าง 3 วินาที-เป่าปากหายใจออก เป็น 1 รอบ
3.) ฝึกจินตนาภาพให้นึกถึงภาพของขณะรับประทานอาหารที่อร่อย กินเก่ง กินได้ทุกอย่าง แล้วปรับภาพให้ชัด เมื่อมีภาพที่กล้าๆกลัวๆ ก็ให้พูดเสียงดังให้ตัวเองได้ยินว่า “ ลบออกไป มั่นใจ กลืนได้ดี “ ให้พูด 3 ครั้ง
4.) ซ้อมการขยับฟันบนสบฟันล่าง ลิ้นแตะฟันบนล่าง ทำ 3-5 รอบ หรือบริหารกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการกลืน เพื่อเตรียมพร้อมระบบการเคี้ยว-กลืนอาหาร ให้มีความแข็งแรงและง่ายต่อการกลืน
ท่าบริหารกล้ามเนื้อการกลืน : ให้ทำครั้งละ 5-10 ครั้ง ต่อ 4-5 รอบ
5.) ก่อนทานอาหาร เพื่อกระตุ้นการทํางานของสมองกับจิตเพื่อจดจ่อรับรู้สึกนึกคิดผ่านกิจกรรมการเคี้ยว กลืน กินบริโภคอาหารอย่างมีสติสัมปชัญญะ
6.) ตักอาหารแบ่งให้เป็นคำเล็กๆเข้าปาก ให้เคี้ยวอย่างช้าๆ ใช้ลิ้นตวัดอาหารไปที่ฟันกรามล่างข้างขวาสลับข้างซ้ายช้าๆนานข้างละ 5-10 วินาที แล้วค่อยๆกลืนลงขณะก้มคอ โดยปรับลักษณะของอาหารให้เหมาะสมกับระดับความสามารถการกลืนของผู้รับบริการ ซึ่งจะช่วยให้ผู้รับบริการรับประทานได้อย่างปลอดภัย
อาหารระดับที่ 1 : อาหารปั่นข้น มีลักษณะเป็นเน้ือเดียว มีส่วนผสมของของเหลวน้อยมาก เหมาะ สาหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคี้ยวอาหารแข็งหรือกลืน อาหารเหลวได้ มักใช้ในผู้ป่วยที่เร่ิมฝึกกลืน เช่น โจ๊กปั่นข้น ข้าวสาลี ไข่ตุ๋น น้ำสลัดเนื้อสัตว์ปั่น เต้าหู้ เป็นต้น
อาหารระดับ 2 : อาหารเหลวข้นมีลักษณะเป็นเน้ือเดียว อาหารชนิดนี้จะมีส่วนผสมของของเหลว มากกว่าชนิดแรกแต่ไม่ถึงกับเหลวเป็นน้ำ เน้ืออาหารไม่ละเอียดเท่าอาหารระดับแรกสามารถปรับให้มีลักษณะข้นมากและข้นปานกลางได้เหมาะสาหรับผู้ป่วยที่มี ความสามารถเคี้ยวอาหารได้เล็กน้อย และยังไม่สามารถ กลืนอาหารที่มีเนื้อเหลวมากได้ เช่นโจ๊ก ข้าโอ๊ต ไข่ลวก เป็นต้น
อาหารระดับ 3 : อาหารอ่อนย่อยง่าย ลักษณะ เป็นอาหารอ่อน เคี้ยวง่าย มีเนื้อผสมได้หลายชนิด ไม่แข็งจนเกินไป หากมีชิ้นใหญ่ควรบดหรือสับหยาบ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ยังเคี้ยวอาหารได้ไม่เต็มที่ และกลืนของเหลวไดเ้ล็กน้อย เช่นข้าวต้มข้น มักกะโรนี สปาเก็ตตี้ ไข่ดาวน้า ไข่ต้ม โยเกิร์ต เป็นต้น
อาหารระดับ 4 : อาหารปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยง อาหารแข็งท่ีกลืนยาก เช่น อาหารทอดกรอบ ถั่ว หรือเมล็ดพืช ขนมปังกรอบ เป็นต้น เพราะอาจกระตุ้นให้ ผู้ป่วยไอ สำลักได้
7.) ทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกมั่นใจและไม่กลัวการกลืน หากรู้สึกกลัวขณะกลืน ให้พักจิบน้ำก่อน หากมีอาการกลัวหรือตึงเครียดมากๆในระดับมากกว่า 6/10 ให้ชวนเคาะอารมณ์ลบพร้อมกันกับผู้ประเมิน คือ ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางสองข้าง เคาะระหว่างหัวคิ้ว พร้อมพูดว่า “มั่นใจ มั่นใจ มั่นใจ หายกลัว หายกลัว หายกลัว”
เคาะบริเวณกลางอกใต้ต่อปุ่มกระดูกไหปลาร้า พร้อมพูดว่า “เข้มแข็ง เข้มแข็ง เข้มแข็ง หายเศร้า หายเศร้า หายเศร้า”
เคาะสีข้างลําตัวใต้ต่อรักแร้หนึ่งฝ่ามือ พร้อมพูดว่า “ให้อภัย ให้อภัย ให้อภัย หายโกรธ หายโกรธ หายโกรธ” ทำอย่างละ 3 ครั้ง แล้วสอบถามระดับความกลัว ความตึงเครียด หากยังไม่ดีขึ้นให้ทำซ้ำอีกรอบ
8.) หากมีปัญหาการกลืนกับการหายใจ ให้การฝึกสหสัมพันธ์ของการกลืนและการหายใจ โดยใช้เทคนิค “ หยุดคิด กลืน แยก หายใจ ” พร้อมกับนักกิจกรรมบำบัด
9.) ให้การบ้านทางกิจกรรมบำบัด : ฝึกทักษะการจัดการความกังวล ความกลัวด้วยตนเอง : ให้ขยับร่างกายเดินเร็วช้าสลับกัน 3-6 นาที หายใจ ออกยาวๆ 20 ครั้ง ต่อด้วยหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกเปล่งเสียง อา ยาวๆ ดังๆ ถ้า สดช่ืนข้ึนก็ลุยฝึกการกลืนต่อได้เลย
หมายเหตุ : ให้ทำการฝึกแบบนี้ในการปรับจิตใจในทุกๆมื้อ โดยให้แบ่งมื้ออาหารออกเป็น 5 มื้อในทุกๆวัน ระยะเวลาต่อเนื่อง 21 วัน✌️
Thank you 😊
แหล่งอ้างอิง
ตำรากิจกรรมการดำเนินชีวิตจิตเมตตา,ผศ.ดร.ก.บ.ศุภลักษณ์ เข็มทอง https://drive.google.com/file/d/1l2uNhjAUBeJXVlrjkfUo9gbdNt-3XIBF/view
ชนะความกลัว...การกลืนอาหาร - GotoKnow
กลืนอย่างไร...ไม่ให้กลัว - GotoKnow
ไม่มีความเห็น