เกือบไปแล้ว เกือบตั้งชื่อบันทึกนี้ว่า .. เหตุเกิดเพราะท่าน .. ดร. แสวง รวยสูงเนิน อีกแล้ว .. อีกแล้ว ครับท่าน ! แต่ท่านที่ผมกล่าวพาดพิงมาสะกิดว่า เดี๋ยวใครเขาจะหาว่าเรา ซูเอี๋ย กัน เลยเปลี่ยนใจ ตั้งชื่อใหม่อย่างที่เห็นนี่แหละครับ แต่ก็สารภาพว่า เหตุก็ยังคงอยู่ที่ บันทึกนี้ ของท่าน ที่แหย่ให้ผมต้องทบทวนสิ่งที่คิดที่ทำและนำมาเขียน ไว้ต่อท้ายบันทึกของท่าน และ นำมาวางต่อที่นี่เช่นเคย ก่อนรีบอาบน้ำไปทำงาน เช้าวันนี้ครับ .. ความว่า ..
ผมเองนั้นโดยรวมใครๆก็กล่าวหาว่าใจดี ก็คงจะมีส่วนจริงอยู่ แต่เรื่องการเรียนการสอนนั้นจะใจดีในฐานะเพื่อนร่วม ลุ้น ร่วม ให้ความสะดวก ร่วม ส่งเสริม ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ เพื่อให้เขาประสบความสำเร็จ ในการ ทำงาน ที่เขาต้องทำ ในกระบวนการเรียนรู้ แต่ในขั้นประเมินผล ตามมาตรฐานที่ตกลงกัน เกรด D และ D+ ก็มีให้เห็นอยู่เป็นปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่การอุดมศึกษากลายเป็น ธุรกิจ ที่ แข่งขันกันหว่านล้อม และกวาดต้อนผู้คนเข้าเรียน โดย ไม่ต้องสอบเข้า
เมื่อผมไดรับคำถามว่า ทำไมให้เกรดอย่างนั้น อย่างนี้ คำตอบคือ ผมไม่เคย ให้ เกรดใครเลย เป็นแค่กรรมการช่วยตัดสิน ส่วนที่ ได้ อะไรไป เขาทำเอาเองทั้งนั้น มีบ่อยๆที่ผมเชียร์ให้นักศึกษาออกไปเสีย เพราะเห็นอาการแล้ว อยู่ไปก็มีแต่จะทุกข์ทั้งคนสอน คนเรียน แต่ไม่ใช่ไล่ส่งนะครับ แค่บอกว่ายังมีทางเลือกที่น่าจะเหมาะกว่าสำหรับเขา เช่นรีบหางานทำ ถ้ามีโอกาส เมื่อทำอย่างไรใจมันก็ ไม่รักที่จะเรียนก็อย่าเพิ่งเรียน ไปเรียนรู้ชีวิตนอกห้องเรียน ทำมาหากิน จนค้นพบ ทุกข์จากการไม่ได้เรียน อยากเรียนขึ้นมาก็ค่อยเรียน เพราะไม่มีใครแก่เกินเรียน ฯลฯ
สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์
ขอให้อาจารย์มีความสุขมากๆ ไม่โรคภัย สุขภาพแข็งแรงนะค่ะ
เห็นด้วยค่ะ ทุกวันนี้การศึกษาเป็นเหมือนธุรกิจอย่างหนึ่ง ซึ่งนำเงินไปแลกกับใบประกาศนียบัตร เพราะคิดว่าการมีใบประกาศนียบัตรก็จะสามารถมีงานทำที่ดี
แต่อาจารย์ก็ช่วยหนูด้วยนะค่ะ ช่วยแนะนำให้ความรู้ อย่าหมดกำลังใจในการสอนพวกหนู
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ
เข้ามาอ่านแล้ว 1 ครั้ง
หลังสอบเข้ามาดูอีกที ถึงเข้าใจว่า อาจารย์เป็นแค่กรรมการช่วย ให้ความสะดวก ร่วมส่งเสริม ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ การจะได้เกรดนั้น มาจาก "เขาทำเอาเองทั้งนั้น"