เมื่อกล่าวว่า "การใช้ชีวิตคู่ เป็นเสมือนคนคนเดียวกัน”
ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าใดนัก เพราะเห็นว่าการใช้ชีวิตคู่ ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า ...ต้องเป็นสอง ...
สมการนี้จึงไม่น่าจะกลายมาเป็นหนึ่งได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณคิดจะเปลี่ยนใครสักคนให้เหมือนคุณเพื่อการรวมเป็นหนึ่ง... ความแปลกแยกของสองชีวิตที่มาจากพื้นฐานที่แตกต่างกัน....การเปลี่ยนจะกลายเป็นการบังคับความพยายามที่จะให้กลมกลืน...อาจจะกลายเป็นความแตกแยกการใช้ชีวิตคู่ ...จึงควรเป็นการที่คนสองคนจะเดินไปพร้อม ๆ กัน ...โดยไม่มีการแย่งการเพื่อนำหน้าหรือบังคับให้ตามหลัง “ชีวิตคู่” ในมุมมองของฉัน นั่นคือ เจตนาเข้าตกลงกันเพื่อเป็น หุ้นส่วนชีวิต
หุ้นส่วนชีวิต จึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายเฉกเช่น ธรรมดาการค้าไม่ใช่เรื่องของ ...รายรับ – รายจ่าย หรือ กำไร – ขาดทุน... แต่เป็นเรื่องของการเติมเต็มให้สิ่งที่เคยโดดเดี่ยวลำพัง ได้มีกำลังมากขึ้น เมื่อเป็นสอง คุณอาจไม่สามารถมีบ้านที่อบอุ่น มีรถที่เหมาะสมตามฐานานุรูปได้เมื่อมีเพียงหนึ่ง... แต่การตกลงเป็นหุ้นส่วนชีวิตกับใครสักคน ด้วยหัวใจที่ไม่ได้คิดเอารัดเอาเปรียบ ... เมื่อมีการระดมทุนด้วยความมานะอุตสาหะของคนสองคน คุณจะมีทั้งบ้านและรถ... รวมถึงการก้าวเข้าสู่การเป็นครอบครัวที่อบอุ่น กับทั้งมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งบางคู่อาจไม่เป็นเช่นนั้น....คุณอาจพบความเหนื่อยยากลำบากตามมามากมายคุณอาจต้องขายบ้าน ขายรถ และมีหนี้สินตามมาก็เป็นได้ ...หากหุ้นส่วนชีวิตของคุณ.. หวังแต่จะรับ ...และไม่ได้เกิดมาเพื่อเกื้อกูลซึ่งกันและกัน การตัดสินใจเข้าสู่ระบบ หุ้นส่วนชีวิต จึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะชีวิตไม่ได้งดงามตลอดเวลา...เฉกเช่นนิทานปรัมปรา... ที่เจ้าชายและเจ้าหญิงต่างครองรักกันอย่างมีความสุขนิรันดร หากแต่มีความแปรปรวนของภาวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพจิตใจ อารมณ์ และสิ่งแวดล้อม เข้ามาปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา การใช้ชีวิตด้วยกันของคนสองคน...จึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความใจเย็นค่อนข้างมาก และยึดหลักการให้อภัยเป็นหลัก
การให้อภัยเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับคนที่ต้องอยู่ด้วยกันไม่จำกัดเฉพาะชีวิตคู่เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงเพื่อนร่วมงานและคนในสังคม ที่พร้อมจะกระทบกระทั่งกันได้ทุกเมื่อ ฉะนั้น...เมื่อใดก็ตาม...ที่คุณรู้สึกอยากจะโกรธใครสักคน...ให้คุณนึกตามไปด้วยว่า... คุณอาจเหนื่อยเปล่า... ถ้าภายหลังต้องกลับมาให้อภัยเพื่อให้ชีวิตคู่อยู่ต่อไปอย่างราบรื่น หรือเพื่อให้การทำงานไม่สะดุดหยุดลง ก่อนจะปล่อยใจให้เคร่งเครียดไปกับความโกรธที่จะทำให้ใบหน้าทรุดโทรมไปในทุกวัน
คุณลองคิดให้อภัยตั้งแต่เริ่มจะโกรธดูก่อน แล้วใบหน้าอันอ่อนกว่าวัยจะกลับคืนมาในไม่ช้า...
ขออนุญาตต่อเติมนะค่ะ อีกมุมหนึ่ง
นิยามความผูกพัน
เมื่อมีรัก บางทีก็เหนื่อยใจ แต่ถ้าไม่มีคนรัก ชีวิตก็เงียบเหงา ไม่รู้จะทะเลาะกับใคร เลยมีความรักแบบสุกๆ ดิบๆ ต่อไป เพื่อให้ชีวิตมีรสชาด เป็นสัจธรรมของชีวิต ยกเว้นคนที่รักกันแบบแท้จริง
เมื่อมีรัก ก็ต้องมีทุกข์ และมีสุข ไปพร้อมๆ กันค่ะ
ช่วงเวลาที่อ่านข้อความนี้ โดนใจมาก กินใจ ถูกต้องในช่วงเวลานี้มากๆมาก พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จริงแท้แน่นอน.. สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมีไว้เพื่อความไม่แน่นอน..จิตใตเป็นของเรา อยู่ในอกเราอันนี้แน่นอน แต่ยากไซร์บังคับลดโลภ โกรธหลง ซึ่งเป็นวิบากกรรมของทุกชีวิต..มีใครหนอจะชี้แจงได้บ้าง หยุด...คืออะไร..ทำไมทำยากนัก..หัวใจดวงน้อยแต่มากซึ่งความหลง..