วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2549
วันนี้ช่วงเช้ามีตัดต่องานมุทิตาจิตที่พี่ทวิได้มอบหมายไว้ให้ทำครับ ก่อนที่จะตัดต่อก็ต้องCapture ภาพจากม้วนMini DV (การCapture ก็คือการทำให้ภาพที่เราถ่ายด้วยกล้องวีดีโอแปลงให้เป็นไฟล์avi. เพื่อที่จะได้นำไปตัดต่อในลำดับต่อไป หรือถ้าCapture จากม้วนเทปจะเรียกกันว่าแปลงจากAnalog ให้เป็น Digital ครับ) การตัดต่องงานมุทิตานั้นถ้าเกิดคนถ่ายวีดีโอถ่ายมาดี การถ่ายดีที่ว่านี้ก็คือการลำดับเหตุการณ์ก่อนหลังครับเช่นเริ่มด้วยภาพของสถานที่จัดงานก่อนในหลายๆมุม แล้วึงจะเข้าสู่เนื้อหาของงานครับอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าถ่ายดีครับ บางคนถ่ายดีเหมือนกันมุมกล้องดีหมดทุกอย่างแต่ไม่มีการลำดับเรื่องราวก็ถือว่าสักแต่ว่าถ่ายอย่างเดียวครับอย่างนี้เรียกว่าถ่ายไม่เป็นครับ(ผมไม่อยากให้หลายๆ คนเป็นแบบคนประเภทหลังที่ผมกล่าวมานะครับ) ถ้าถ่ายเป็นลำดับเรื่องราวแล้วจะสะดวกต่อการตัดต่ออย่างมากถึงแม้ว่าผู้ตัดต่อจะไม่ใช่คนที่ถ่ายวีดีโอเองก็ตามครับ การตัดต่อนั้นผมใช้เอฟเฟคClose Dissove เป็นหลักเลยครับ ผมว่าเอฟเฟคนี้เป็นเอฟเฟคที่ธรรมดาแต่ว่างานออกมาแล้วดูดีครับและผมว่าเหมาะกับงานตัดต่อประเภทงานพิธีต่างๆ มากที่สุดครับ
นั่งตัดต่อไปได้สักพัก ก็มีงานเข้ามาใหม่ครับนั่นก็คือพี่สัญชัยให้ผมนำแผ่นDVD ที่ทำเสร็จแล้วไปส่งที่มูลนิธิโรคไต จากนั้นพี่สัญชัยก็ให้ไปเอากำหนดการประชุมของภาควิชาอายุรศาสตร์ เพราะว่าต้องเอากำหนดการมาทำไตเติ้ลครับตอนแรกก็คิดว่าเป็นกำหนดการของวันอื่น แต่จริงๆ แล้วเป็นกำหนดการของวันนี้ครับ คือว่าจะมีการประชุมในวันนี้ก็เท่ากับว่าผมต้องทำไตเติ้ลทันทีหลังจากได้รับกำหนดการครับ เมื่อกลับมาถึงห้องตัดต่อก็ลงมือทำไตเติ้ลทันที่ครับ มีเวลาให้ทำ 1 ชั่วโมงครับต้องทำให้เสร็จเพราะจะเริ่มประชุมตอน 13.00 น.ครับ ถือว่างานนี้เป็นงานด่วนมากครับ การทำไตเติ้ลนี้ดูจะคล่องมากครับเพราะว่าช่วง 1 เดือนแรกที่ฝึกงาน งานของผมจะหนักไปทางทำไตเติ้ลเป็นหลักครับ ก็เรียกได้ว่ามีประสบการณ์มากพอสมควรแล้วครับ ทำให้การทำไตเติ้ลเสร็จในเวลาที่กำหนดครับ พอทำไตเติ้ลเสร็จก็นำไตเติ้ลที่ทำนั้นลงแผ่นDVD และนำกลับไปส่งให้พี่สัญชัยทันทีครับ จากนั้นก็ได้ลงไปทานข้าวกลางวันครับ
ช่วงบ่ายนั้นมีเวลาให้กลับมานั่งตัดต่องานมุฑิตาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ต้องลงไปถ่ายวีดีโอกับพี่ศิริพงษ์ที่ตึกอดุลยเดชวิกรมต่อครับ การถ่ายเป็นการถ่ายบรรยายประกอบสไลด์เหมือนเดิมครับ กล้องจะจับภาพที่หน้าจอโปรเจคเตอร์เป็นหลักครับ เมื่อถ่ายวีดีโอเสร็จก็เดินทางกลับมาที่หน่วยโทรทัศน์เวลาก็ 16.30 น. พอดีครับนั่งเล่นแป๊ปนึงก็เดินทางกลับบ้านครับ
ประสบการณ์ในวันนี้ที่ได้คืองานจะมาเมื่อไหร่เราไม่รู้ครับ ก็คือว่าเราต้องคอยอยู่ประจำที่หน่วยไว้ตลอดเวลาถึงแม้ไม่มีงานก็ต้องอยู่ครับห้ามไปไหนเด็ดขาด และเมื่อมีงานด่วนเข้ามาเราต้องหยุดงานอื่นไว้เลยครับแล้วทำงานนั้นให้เสร็จทันเวลาที่พี่เค้าต้องการ และเราก็จะเป็นที่รักและได้รับความไว้วางใจจากคนในหน่วยงานครับ
จิรอาจ สมิงชัย
ไม่มีความเห็น