ใครพิการ...ยกมือขึ้น


“เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส...เปลี่ยนส่วนที่ขาดด้วยการเติมเต็มจากส่วนที่เหลือ”

          ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้รางวัลกับชีวิตหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมามากพอแล้ว...โดยเดินทางขึ้นเหนือไปชมเทือกเขา ภูผา สายน้ำ ดอกไม้ ใบหญ้า เมฆ หมอกกับความเหน็บหนาว...ล้อมวงนั่งผิงไฟเพื่อขับไล่ความหนาวบนภูชี้ฟ้า พอเริ่มรู้สึกว่าตัวอุ่น ๆ ควันไฟเจ้ากรรมก็ถาโถมเข้ามาเล่นงานอีกจนได้ทำเอาน้ำตาล่วงไปหลายหยด แถมสำลักควันอยู่พักใหญ่ตอนแรกก็คิดว่าหมอก ที่ไหนได้กลับกลายเป็นควันไฟไปได้ไง นั่งต่อไม่ไหวจึงมุดเข้าเต็นท์นอนดีกว่า หลับทั้ง ๆ ที่ลมหนาวเข้ามาเยือนนี่แหละ ก็อุตส่าห์หนีร้อนจากทางใต้กะจะมาหาไออุ่นทางเหนือ ดันมาเจอความหนาวยิ่งเหน็บเจ็บหัวใจแทบจะเป็นไข้ แต่ก็คุ้มค่าจริง ๆ กับคุณค่าและความงามของธรรมชาติ

          ตัดบทจากเหนือ...กลับลงใต้ เหยียบพื้นดินที่คุ้นชิน...ปั๊บ พี่ชายคนดี...ที่แสนดีก็มารอรับ เห็นยืนยิ้มฟันเขียวเชียว เฮ้ย!! ฟันขาว หรือเหลืองอ่อน ๆ ก็ไม่แน่ใจ พอตกช่วงเย็นของวันที่ 10 ธ.ค. พี่ชายพาไปวางพวงหรีด และไว้อาลัยแก่ประธานสภาคนพิการทุกประเภทจังหวัดสงขลา “คุณสมศักดิ์” ณ วัดสระเกศ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ในงานมีแต่ความเศร้าของบรรดาญาติมิตร สายตาเหลือบไปเห็น ณ มุมหนึ่งของงานซึ่งก็น่าจะเศร้าเช่นกัน ชายหนุ่มพิการคนหนึ่งจากอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา นั่งอยู่บนรถสำหรับคนพิการใช้มือทั้งสองข้างขยับล้อเลื่อนเพื่อเข้ามาคุยกับพี่ชาย...ทราบว่าครั้งหนึ่งท่านเคยเป็นทหารอยู่นราธิวาส แต่มาเจออุบัติเหตุทางรถยนต์ในขณะที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ทำให้สูญเสียขาทั้งสองข้าง ด้วยความสนใจในประเด็นที่สองท่านพูดคุยกันจึงขอเข้าร่วมวงเสวนาด้วย ท่านเล่าให้ฟังว่า “ตอนเป็นทหาร เวลาปะทะกับผู้ก่อการร้าย...รอดมาได้ทุกครั้ง ลูกปืน ลูกระเบิดไม่เคยได้แอ้ม!! แต่ดันมาเสียเหลี่ยม (เสียเชิง) ให้กับอุบัติเหตุทางรถยนต์” ก็มันได้ชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุนี่นะ ไม่มีใครคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าด้วยสิ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับเราวันไหนเวลาใด แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือพึงระมัดระวังให้มากที่สุด ท่องไว้ทุกครั้งว่า “ความประมาทคือหนทางแห่งความวิบัติ”

          การนั่งสนทนากับคนพิการ หากดูเผิน ๆ บรรยากาศดูเหมือนจะสลดหดหู่  แต่ตอนนี้ตัวเองกลับมีความสุขยิ่งที่ได้รับรู้เรื่องราวจากการบอกเล่าด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ท่านเล่าว่า “ผมไม่ใช่คนพิการแต่กำเนิด จึงเข้าใจในมุมมองของคนปกติที่มองคนพิการ คนพิการที่มองคนปกติที่ครบ 32 และคนพิการที่มองตัวเองที่พิการดีว่ารู้สึกอย่างไร ตอนแรก ๆ ผมก็รับกับสภาพนี้ไม่ได้หรอก แต่พอนานวันก็เริ่มทำใจได้เพราะแท้ที่จริงแล้วเราต้องสู้ เราต้องสร้างพลังเพื่อชีวิต จะไม่ยอมงอมืองอเท้าเด็ดขาด” และตัวเองก็ได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วคนพิการต้องการความเข้าใจจากสังคมมากกว่าความสงสาร ทุกคนมีศักยภาพอยู่ในความพิการ หากสังคมได้ให้โอกาสในด้านต่าง ๆ อย่างพึงมีพึงได้ก็คงจะดี คำพูดหนึ่งของท่านประโยคหนึ่งทำให้รู้สึกถึงพลังที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป “ตอนนั้นผมเริ่มคิดได้ว่าอวัยวะของคนปกติมี 32 แต่ผมขาดไป 2 ผมก็ยังเหลืออีกตั้ง 30 แล้วทำไมผมต้องให้ 30 ที่เหลือต้องกลายเป็นส่วนที่ใช้การไม่ได้ตามส่วนที่ขาดไปด้วยล่ะ จริง ๆ แล้วมันหายไปแค่ 2 เอง ทำไมผมจะดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้ส่วนที่เหลือ 30 ของผมพิการไปด้วยหรอก...ถ้าผมหายไป 3 ผมก็ยังเหลืออีกตั้ง 29 หายไป 4 ก็ยังเหลืออีก 28 ส่วนที่เหลือมากกว่าส่วนที่ขาดอีกทำไปผมจะต้องสิ้นหวังล่ะ เอาส่วนที่เหลือมาใช้ประโยชน์ได้เยอะแยะ...ขอให้อยู่ด้วยใจ ของมันอยู่ที่ใจคุณว่าใหม?” คนพูด ๆ ด้วยความภาคภูมิใจ และรอยยิ้มที่ส่งมาทางแววตาทำให้รู้ว่าเขามีความสุขกับความพิการที่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตเลย ก็ในเมื่อใจเขาไม่ได้พิการตามไปด้วย

          เห็นแนวความคิดที่ “เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส...เปลี่ยนส่วนที่ขาดด้วยการเติมเต็มจากส่วนที่เหลือ” ด้วยใจที่มีด้วยพลังแห่งชีวิตที่ไม่ได้พิการ วันนี้...คนครบ 32 อย่างเราได้พลังเยอะแยะจากคนที่ขาด แต่ไม่ได้ขาดพลังทางด้านความคิด พลังที่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ พลังที่จะเดินไปข้างหน้า พลังที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พลังที่อยากให้คนปกติที่ครบ 32 ได้สัมผัสดูบ้างว่ามันเข้มข้นแข็งแกร่งขนาดไหน  ตอนนี้เชื่อแล้วค่ะ...ว่าคนที่ทำงานกับผู้พิการที่เขาบอกว่าเวลากลับบ้านเขาจะกลับไปพร้อมพลัง และมีความสุขทุกครั้ง มันเป็นเช่นนี้เอง แล้วคุณล่ะ...ครบ 32 หรือเปล่า เช็คดูตัวเองหน่อยว่าส่วนใดขาดหายไป หากพิการ...ยกมือขึ้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่ร้อมตำรวจไว้หมดแล้ว!! ยอมให้จับไปซ่อมแซมจิตใจซะดี ๆ

พิการส่วนใดไม่โหดร้ายเท่ากับใจพิการ...คนเราอยู่ได้ด้วยพลังใจค่ะ

ขอบคุณพลังใจที่ไม่เคยพิการ ทำให้ชีวิตฉันได้ดำเนินต่อไป

หมายเลขบันทึก: 68052เขียนเมื่อ 18 ธันวาคม 2006 18:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (30)

น่ายกย่องค่ะ ขอบคุณค่ะ ที่สำคัญคือ คนที่ประมาทแล้วทำให้คนอื่นพิการนี่แย่ที่สุดเลยนะค่ะ

ปีใหม่นี้ ขับรถกันไปไหนมาไหนก็ต้องระวังนะค่ะ เมาแล้วขับ ยังมีให้เห็นอยู่เยอะค่ะ

    พิการส่วนใดไม่โหดร้ายเท่ากับใจพิการ...คนเราอยู่ได้ด้วยพลังใจ
  • เป็นบันทึกที่ให้คติและแง่คิดมาก ๆ เลยครับ ช่วยสร้างเสริมพลังให้กับคนที่กำลังพิการด้านโอกาสอย่างยิ่งเลยครับ

 

ขอบคุณท่าน ดร. จันทวรรณ น้อยวัน คนสวย ที่แวะมาเยี่ยมค่ะ ปราบปลื้มทุกครั้งที่ท่านแวะเข้ามาค่ะ เป็นพลังใจที่ดีในการเขียนบล็อกเลยค่ะ

มีสติก่อนเสมอสตาร์ท...อุบัติเหตุในชีวิต ความพิการถาวรไม่สามารถเรียกกลับคืนดังเดิมได้ รักชีวิต ขับรถอย่างมีมารยาทและมีสติ

ขอให้เที่ยวปีใหม่นี้อย่างมีความสุข เดินทางอย่างสวัสดิภาพนะคะ

  • แวะมาเยี่ยมค่ะ
  • รูปถ่ายสวยนะคะ
  • อยากเห็นน้องเขียน blog บ่อยๆ ค่ะ
  • คิดถึงนะคะ
ว๊าว...กลับมาแล้ว
มาพร้อมกับรูปใหม่สดใสกว่าเดิม
.
ใจไม่พิการค่ะ   แต่บางทีบางหน   พลังใจก็แหว่งๆ  ขาดๆ บ้าง

ขอบคุณน้อง ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ ที่แวะเข้ามาทักทายค่ะ สบายดีนะคะ...ไม่ได้ทักทายกันนานโขแล้วนะคะ คิดว่าลืมกันซะแล้ว ขอบคุณสำหรับคำชื่นชมค่ะ มีแรงเขียนบันทึกอีกแล้วพอเจอคำชมอะนะเนียะ เป็นคนประเภทบ้าค่ะ แต่บ้ายอนะคะ...อย่างนี้ถือว่าพิการหรือเปล่า

ดีใจนะคะหากบันทึกนี้ช่วยสร้างเสริมพลังให้กับคนที่กำลังพิการด้านโอกาสจริง ๆ ได้คุยกับคนพิการเขามีแง่คิดในการดำเนินชีวิตดี ๆ เชียวค่ะ ยิ่งเห็นเขาคุยด้วยความภาคภูมิใจไม่รู้สึกว่าตนเองมีปมด้อยทำให้คนปกติอย่างเรา ๆ มีความสุขตามไปด้วย ตอนที่สอนอยู่ก็มีเด็กนักเรียนพิเศษเช่นกันค่ะ แต่เขาไม่ทำตัวเป็นปัญหาในห้องเรียนเลย ช่วยเหลือตัวเองได้ดีมาก ๆ แถมยังเป็นเด็กที่อารมณ์ดี ตลกอีกต่างหากทำให้ครูและเพื่อนยิ้มได้ทั้งวัน แถมป้อสาว ๆ เก่งมากเลยค่ะ ดีใจที่เขาไม่มองตัวเองว่าเป็นปัญหาสังคม ซึ่งแท้ที่จริงแล้วในมุมมองของเราเขาก็ไม่ได้เป็นปัญหาของสังคมค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ Bright Lily ดีใจค่ะที่แวะมาเยี่ยมน้องสาว

ขอบคุณที่ชมภาพถ่ายนะคะ แต่คงสวยสู้พี่ไม่ได้กระมังค่ะ เห็นพี่แวะมาเยี่ยมทำเอาน้ำตาเอ่อ...เพราะควันไฟที่นั่งผิงหรือเปล่าไม่แน่ใจค่ะ ขอบคุณยิ่งสำหรับความห่วงใยนะคะ รับรู้ได้จากสัมผัสพิเศษค่ะว่าพี่คงเป็นห่วง จะพยายามเขียนเท่าที่เวลาจะอำนวยค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

คิดถึงเช่นกันค่ะ...พี่สาวที่แสนดี

  • จำน้องสาวตัวเอง ไม่ได้ ดีใจ ดีใจเหมือนได้แก้ว อ้าวไม่ใช่ลิงเหรอ ดูรูปแล้ว งง งงเห็นตอนเย็นแล้ว ขจิต ก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี
  • ไปทักทายหลายครั้งเงียบไป
  • ขอให้มีกำลังใจในการทำงานการเรียนนะครับ
  • ดีใจจัง เอย ดีใจ

ขอบคุณ คุณ nidnoi ค่ะ ที่แวะมาเยี่ยม

ว๊าว!! ด้วยคนนะคะ เห็นภาพหน้าบล็อกคุณ nidnoi ก็เปลี่ยนไป...เขียวสดใสเชียวค่ะ ไม่ต้องตั้งใจกินขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ระวังนะคะค่อย ๆ คีบค่ะ เดี๋ยวหล่นอดกินนะคะ คงจะอร่อยน่าดู

พลังใจเหว่ง ๆ เหนื่อยนักก็พักเสียบ้างนะคะ เติมพลังให้เต็มใจแล้วค่อยว่ากันใหม่ ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาทักทาย

ว๊าว!! กับคุณ nidnoi มารอบนึงแล้ว มา ว๊าว!! อีกครั้งกับพี่ชาย นาย ขจิต ฝอยทอง สุดหล่อ...ละมุนละไมและแสนดี กลับมาแว้ว!! ดีใจมากถึงมากที่สุดเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวจะวิ่งเข้าไปกระโดด...เป็นเพื่อนด้วยคนนะพี่นะ

ขอบคุณที่คอยห่วงใย ขอบคุณที่คอยถามหา ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ขอบคุณ ขอบคุณ...เยอะแยะมากมายที่บรรยายไม่ถูกถึงพี่ชายนาย "ขจิต" มิตรภาพของพี่ชายที่มอบให้น้องสาวคนนี้ รูปใหม่หน้าบล็อกหล่อดีนะคะ แต่ชอบรูปอายุ 28 มากกว่าแหละตัวเอง ดูเด๊กเด็กดีค่ะ Vij เห็นเขาเปลี่ยนเลยเปลี่ยนกับเขามั่ง ทีนี้ดูเต็มจอเลย

ระลึกถึงเสมอค่ะ

 

  • ขำ ขำ ไปงาน KM  มามีใครบางคนมาเล่าให้ฟังว่างานยุ่ง สัมมนา เรียน
  • ขอให้พักผ่อน ทำงานด้วยความสุข มีกำลังที่จะต่อสู้ต่อไปนะครับ
  • รูป เสื้อเหลือง หน้าอ่อน จริงหรือ ชัก งง ตัวเอง ไม่ชอบรูปใส่แว่น รำคาญสายตาตัวเอง
  • แสดงว่ารูปเป็นผลต่อการดูให้อายุมากได้เหมือนกัน เพราะไปงานKM เขาจำผมไม่ได้ สงสัยตัวจริงดูอายุมากกว่า ยิ้ม
  • ตามไปลบความคิดเห็นที่ 4 ใน ไฟล์อัลบั้มรูปหน่อยนะครับ
  • คนเรานี่แปลกนะ ไม่กล้าแสดงตน

รูปใส่แว่นดูน่ารักค่ะ ส่วนรูปนี้ดูหล่อค่ะ จะรูปไหน ๆ ก็เป็นคุณพี่ชาย นาย ขจิต ฝอยทอง คนเดิมที่น่ารักอยู่ดีแหละค่ะ

ช่างเถอะค่ะ...ความสุขของเขาเราห้ามไม่ได้ คนเรามีความสุขคนละแบบกันค่ะ บางคนสุขที่ได้ดึงคนอื่นให้ตกต่ำเหมือนตนเอง โดยไม่กล้าแม้จะแสดงตน กลัวคนประนาม เหมือนเด็กอันธพาลที่ชอบพ่นสี ขีดเขียน คำหยาบคายตามฝาผนัง ตามกำแพงบ้านคนอื่นให้เกิดเป็นรอย เป็นคราบสกปรก แล้วเขาก็นั่งยิ้ม...กับการกระทำ หารู้ไม่ว่าใจเขานั้นสกปรกยิ่งกว่าบคำที่เขาเขียนซะอีก ปล่อยให้คนพวกนี้มีความสุขกับกิจกรรมที่เขาไม่เคยได้ทำตอนเด็กเถอะค่ะ

เชื่อว่าเขาทุกข์กว่าเราก็ปล่อยให้เขาได้เขียนระบายไป ถือว่าเราได้บุญค่ะ อย่าไปสนใจปล่อยเขาไปเถอะค่ะ...เฉย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุขทุกข์อยู่ที่ใจค่ะ...สาธุ

  • คิดได้อย่างนี้ก็ดีครับ
  • สาธุ สาธุ
  • เอน้องนิวเราหายไปไหนน่า

"...และตัวเองก็ได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วคนพิการต้องการความเข้าใจจากสังคมมากกว่าความสงสาร ทุกคนมีศักยภาพอยู่ในความพิการ หากสังคมได้ให้โอกาสในด้านต่าง ๆ อย่างพึงมีพึงได้ก็คงจะดี..."

  • confirm ค่ะ ^__
  • ขอบคุณค่ะ  อยากให้สังคมเรามีคนคิดแบบนี้เยอะๆนะคะ
  • โดยส่วนตัว  คิดแบบนี้มาตลอดค่ะ ที่ละจากอาชีพ พยาบาล  มาทำงาน DSS ก็เพราะใจสั่งมา  อิอิ ^__^  เชื่อว่า คนพิการทุกคนมีศักยภาพค่ะ  และเราต้องให้โอกาสเขาได้แสดงศักยภาพด้วยนะ
  • เคยมีบางท่านบอกว่า  "ทำงานช่วยคนพิการได้นี่เป็นคนใจดีนะ  สงสารเขานะ ทำไปเถอะทำแล้วได้บุญ"  ^__^ ขอสารภาพว่า  " หนิงไม่เคยสงสารคนพิการในมหาวิทยาลัยเลยค่ะ "

Vij เข้าไปทักน้องนิวตอนค่ำรอบนึงแล้วค่ะ เดี๋ยวจะลองไปดูอีกรอบค่ะ

อาฮ้า!! พี่ชาย นาย ขจิต ฝอยทอง ของเราแอบทำสไปร์ หรือโค๊ก ไม่แน่ใจ เล่นไปแอบเปลี่ยนรูปใหม่หน้าบล็อก กลายเป็นแป้งเด็กหน้ารักซ๊ะแล้ว ว๊าว ๆ พูดปุ๊บทำให้ปั๊บ แบบนี้แสดงว่ารักกันจริงให้ติงนังสิเออ น่ารักจริงพี่ชายเรา

สวัสดีค่ะคุณ DSS@MSU ( หนิง ) ที่แวะเข้ามาทักทายตอนดึก

คุณหนิงหน้าตาสดใส ดูอิ่มเอิบ คงอิ่มแอมที่ได้ทำงานที่ใจรัก จึงทำให้มีความสุขกับการทำงาน ส่งผลให้ใบหน้าผิวพรรณผุดผ่องตามไปด้วย คนพิการน่ารักมากค่ะ ยังประทับใจไม่หายเมื่อได้สนทนากับเขา ก่อนกลับจากงานศพพี่ชายยังถามเลยค่ะว่าได้อะไรจากประเด็นที่สนทนากับเขาบ้าง ตัวเองรีบบอกเลยว่า ชอบคำพูดประโยคที่ว่าคนปกติมีอวัยวะ 32.... ของเขามากค่ะ พอฟังเขาพูดเรายิ้มตามพยักหน้าหยอย ๆ เลยค่ะ เขานั่งพูดยิ่งเป็นการสอนเราซึ่งเป็นคนที่มีอวัยวะครบ 32 ให้รู้ถึงคุณค่าของชีวิต ความอดทน พลังในการมีชีวิตอยู่เริ่มกระจ่างขึ้นมาเลยค่ะ ดิฉันเชื่อค่ะว่าคนพิการมีพลังมากจริง ๆ

ดิฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่ชายดิฉันถึงนั่งอยู่ที่เก้าอี้เฉย ๆ โดยไม่ลุกขึ้นไปช่วยเขาหรือเดินไปที่เขา แต่ปล่อยให้เขาถ่อรถมาหาเอง เขาทำงานกับคนพิการมานานค่ะ เขาเข้าใจในศักยภาพของคนพิการและเขาก็มองคนพิการเหมือนคนปกติธรรมดาอย่างเรา ๆ ดิฉันได้อะไรมากมายจากการไปวางพวงหรีดครั้งนี้มากกว่าคำว่า "การไปไว้อาลัย...คนพิการ" ยิ่งพูดยิ่งยาวเพราะเกิดความประทับใจจริง ๆ ค่ะ 

ดีใจจังที่คุณ "หนิง" รักคนพิการ และได้ทำงานที่ตนเองรักด้วยใจ เป็นกำลังใจให้ในการทำงานนะคะ

คุณVij

  • จำไม่ได้จริง ๆ อ่ะ
  • คนเรา(เข้าขั้นแก่) จะใช้จิตใต้สำนึกในการมอง(รึเปล่าหนอ) เพราะจะคุ้นกับรูปเก่าของคุณVij
  • กลับมา ก็มีเรื่องดี ๆ มาเล่ากันสู่กันฟังเสมอนะคะ
  • หมอกจาง ๆ หรือควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้ (แต่บางครั้งก็ทำเราน้ำตาซึมทั้งหมอกและควันนั่นแหละ)
  • “เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส...เปลี่ยนส่วนที่ขาดด้วยการเติมเต็มจากส่วนที่เหลือ”
  • พิการส่วนใดไม่โหดร้ายเท่ากับใจพิการ...คนเราอยู่ได้ด้วยพลังใจค่ะ

ถูกใจจริง ๆ ค่ะ ถูกใจจริง ๆ

  • เยพี่หนิง พี่สมพรก็มา
  • เห็นรูปน้องเขาผมก็จำไม่ได้เหมือนกันครับ
  • พี่สมพรกับพี่หนิงเห็นแป้งเด็กตราน่ารักหรือยังครับ

สวัสดีค่ะคุณ Miss somporn poungpratoom ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่ะ เห็นไปประกาศหาคนหาย...แถว ๆ บล็อก Vij เจอหรือยังค่ะ สงสัยเจอกันแล้ว คิดถึงคุณสมพรเช่นกันค่ะ ขอบคุณที่ถามไถ่ถึงกันนะคะ

รูปเก่า Vij แม่บอกว่าขอไปตั้งคู่กับรูปยายจะดีกว่า ดูแล้วหน้าตาน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ขอบคุณนะคะ ยังไงก็ยังชอบหมอกอยู่ดีล่ะค่ะถึงจะทำให้น้ำตาซึมไปบ้างแต่ก็ดูนุ่มนวลละมุนละไม บางครั้งก็ดูอบอุ่นดีค่ะ

ขอบคุณนะคะที่ถูกใจ ดีใจค่ะที่ทำให้คุณสมพรถูกใจ...แล้วจะแวะไปเยี่ยมนะคะ

ชอบค่ะ..โดยเฉพาะข้อความสุดท้าย..

คนที่พิการทางร่างกาย..มีอีกเยอะในสังคมที่เค้าไม่ทำตัวให้เป็นภาระของสังคม..ไม่เหมือนกับคนที่พิการทางจิตใจ..มักทำตัวเองให้เป็นปัญหาของสังคม!!

ตอนเรียน ป.ตรี ก็เรียนวิชาเอกจิตวิทยาเหมือนกันค่ะ..ตอนเรียนรู้สึกชอบมากเลย..แต่..เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อทางด้านนี้..(เริ่มใช้คำว่า "แต่" เหมือนกันค่ะ  หุหุ)

คุณ Miss Arjaree joy Choosuwan เจ้าของบล็อกมีชีวิต

ดีใจค่ะ ที่เจอคนที่ชอบเรียนวิชาจิตวิทยาเหมือนกัน จิตวิทยาทำให้รู้จักความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงของมนุษย์ค่ะ ได้รู้จักตนเองและเข้าใจคนอื่น ได้รู้อะไรเยอะแยะในความเป็นมนุษย์และการใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคม แต่...ในสังคมปัจจุบันมนุษย์เราบกพร่องทางจิตกันเยอะค่ะ และตัวเองโชคดีที่ได้ศึกษาต่อในสาขาวิชาที่ชอบค่ะ เพื่อหวังจะนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้างอย่างน้อยก็เพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาสังคมที่อยู่อาศัยไม่ให้เสื่อมลงไปกว่าเดิมค่ะ แต่จะเรียนทางด้านไหนก็ไม่สำคัญเท่าเป็นคนดีของสังคมนะคะ

  • ^__* ขอบคุณค่ะ คุณ Vij  กลับมาอีกครั้ง  ก็ยังบอกว่า  ดีใจมากเลยค่ะ  ที่ได้ลปรร กับหลายๆท่านที่เข้าใจคนพิการ
  • ส่วนใบหน้าที่อิ่มนั่นเพราะน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเกือบสิบโลหรอกค่ะ 

คุณ DSS@MSU ( หนิง ) ค่ะ ดิฉันบอกตรง ๆ ค่ะ ว่าได้เพิ่มสัมผัสกับแนวคิดของคนพิการคนนี้เป็นคนแรกค่ะ และเกิดความประทับใจเอามาก ๆ แต่ก่อนหน้านี้ได้รับทราบความเป็นไปของการทำงานกับคนพิการจากพี่ชายคนหนึ่งค่ะ เขามักจะมาเล่าให้ฟังเสมอว่าคนเหล่านี้เขาต้องการอะไร และเขาจะกลับมาพร้อมพลังเสมอ บอกดิฉันว่ามีความสุขทุกครั้งซึ่งดิฉันก็รับทราบดีว่าเขามีความสุขทุกครั้งที่พูดถึงการทำงานกับคนพิการ ดิฉันอาจจะซึมซับความสุขนั้นมาด้วยก็เป็นได้ แต่ตอนนั้นยังไม่เจอกับตัวค่ะ 

จนกระทั่งตอนนี้ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ ว่าพลังและสุขนั้นคืออะไร ดิฉันยังหวังเลยค่ะว่าคงได้มีโอกาสได้เข้าไปร่วมทำงานกับคนพิการบ้าง และก็คงได้มีโอกาสเข้าร่วมแน่ ๆ ค่ะ เนื่องจากได้เห็นพลังอะไรสักอย่างที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันมีพลังมากจริง ๆ สำหรับการอยู่ต่อไปเพื่อชีวิตนี้ และชีวิตของคนในสังคมค่ะ

หน้าอิ่ม ๆ สวยแล้วค่ะ ดีกว่าหน้าแห้งเพราะไม่มีตังค์

  • ^__* เขินนะเนี่ย..
  • คุณ Vij นี่น่ารักนะคะ แต่ตัวจริงคงสวยค่ะ  เห็นหลายๆคนบอก (อ่านเจอในหลาย blog แล้วค่ะ )

ไปอ่านที่ไหนมาหน่า...ใครขี้จุ๊ให้ฟังค่ะ แค่พอไปวัดไปวาตอนเย็น ๆ กับเขาได้แค่นั้นแหละค่ะ แก้มดิฉันคงสู้แก้มใส ๆ ของคุณ DSS@MSU ( หนิง ) ไม่ได้หรอกค่ะ ดิฉันชอบคนแก้มป่องค่ะ...ดูแล้วน่ารักดี ประมาณว่าบ้ายอกันทั้งคู่ (ไม่มีใครชมก็ชมกันเองซะเลย)

  • ไม่ได้มายกมือขึ้นตามชื่อบันทึกนะคะ  แต่แวะมาทักทาย อ.vij ค่ะ
  • หายไปนานเชียวนะคะ พี่เม่ยก็คิดถึงอยู่เหมือนกัน(เป็นครั้งคราวนะคะ ไม่ใช่ทุกลมหายใจเข้าออก)  กลับมาคราวนี้ดูสวยสดใสมากขึ้นแยะเชียวค่ะ
  • ชอบประโยคนี้ค่ะ...ขอให้อยู่ด้วยใจ ของมันอยู่ที่ใจคุณว่าใหม?”

สวัสดีค่ะ พี่เม่ย เชื่อค่ะว่าอย่างพี่เม่ยไม่ต้องยกมือค่ะ แค่มองตาก็รู้แล้วว่าไม่พิการใจ ขอบคุณนะคะที่แวะมาทักทายและบอกว่าคิดถึงพี่เม่ยเช่นกันค่ะ

"กลับมาคราวนี้ก็เห็นพี่เม่ย...ดูสวยสดใสมากขึ้นแยะเชียวค่ะ"...Vij ขอยืมคำพูดนี้ส่งต่อไปให้พี่เม่ยด้วยแล้วกันค่ะ

ขอบคุณพี่เม่ยค่ะ

มาช้าไปนิดนึงไหม หรือช้ามากเสียแล้ว แต่มาจะบอกข้อมูลสำคัญครับว่า "ชายหนุ่มพิการคนหนึ่งจากอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ท่านชื่อ ทวีป เสนขวัญแก้ว" น่าจะคนเดียวกันนะครับ ท่านทำงานเคียงคู่กับพี่สมศักดิ์ ผู้ที่เสียชีวิตมาโดยตลอด และในงานท่านก็เป็นเจ้าภาพคอยต้อนรับเครือข่ายฯ อยู่ตลอดงานเลยครับ

มาช้าดีกว่าไม่มาค่ะ...เอะ!! หรือไม่มาจะดีกว่า (ล้อเล่นค่ะ...ยิ้ม ๆ) ใช่ค่ะท่านชื่อ "ทวีป  เสนขวัญแก้ว" คนเดียวกันค่ะ ท่านน่ารักมากเลยค่ะ อารมณ์ดี ใบหน้ามีรอยยิ้มตลอดเวลาค่ะ นัยตาก็ยิ้มร่วมรับกับใบหน้าค่ะ

ขอบคุณนะคะ...ที่มาให้ความกระจ่าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท