นับตั้งแต่การดำเนินงานโครงการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี 2546 - 2548 เป็นระยะเวลา 3 ปีเป็นโครงการที่ดีที่สร้างความตระหนักให้แก่คนในชุมชนในด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งมีการดำเนินงานเพียง 16 จังหวัดเท่านั้นและจังหวัดนำร่องดังกล่าวดำเนินกิจกรรมได้ไม่ครอบคลุมตามวัตถุประสงค์หลักของโครงการที่มุ่งเน้นการปกป้องฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมจึงทำให้โครงการไม่สามารถขยายผลได้ตามเป้าหมาย
การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม สามารถทำได้หลายมิติโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่สนับสนุนให้ประชาชนคิดและแก้ปัญหาของชุมชนด้วยตนเองก่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง
จังหวัดน่านได้ปรับวิธีการทำงานภายใต้โครงการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อมใหม่ในปี 2548 / 2549 ลักษณะการทำงานเชิงรุกโดยมุ่งเน้นการพัฒนาคน ทั้งเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและชาวบ้านให้เป็นนักวิจัยชุมชน แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติงานตามกรอบเดิมควบคุมไปด้วยเพียงแต่ว่ามีการบันทึกหรือถอดองค์ความรู้และความพึงพอใจแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอีกทั้งยังมีคำตอบให้กับชุมชนโดยชุมชนเป็นผู้ดำเนินการเอง จากเหตุผลดังกล่าวจังหวัดน่าน จึงแสวงหาพันธมิตรในการทำงานลักษณะนี้ เพื่อขยายผลไปสู่กิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นงานปกติของชุมชน อีกทั้งเป็นการพัฒนาคนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
และแล้วในวันที่ 14 ธันวาคม 2549 ทีมงานทั้งนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกร รวม 34 คน มานั่งถอดบทเรียน "กระบวนการเรียนรู้ของนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรและนักวิจัยชุมชน" ภายใต้การดำเนินงานโครงการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในการถอดบทเรียนครั้งนี้ ได้ให้โจทย์แก่ผู้เข้าร่วมประชุม 3 ประเด็น
1.เล่าประสบการณ์การเรียนรู้ของแต่ละคนมีอะไรบ้าง โดยมีข้อสรุปเปรียบเทียบให้เห็นถึงประสบการณ์ของแต่ละคนดังนี้ <table border="1" cellspacing="0" cellpadding="0" width="607" class="MsoTableGrid" style="width: 455.4pt; border-collapse: collapse; border: medium none"><tbody>
นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร
เกษตรกร (นักวิจัยชุมชน)
· การทำงานตามระบบราชการ
· กระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วมโดยยึดชุมชนเป็นศูนย์กลางในการทำงาน
· การรับเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ กับงานปกติ
· เรียนรู้การบริหารจัดการ คน
งบประมาณ และงาน ที่ทำอยู่อย่างเป็นระบบ
· การทำตามกันในท้องถิ่น
· การประกอบอาชีพของบรรพบุรุษ
· วัฒนธรรมและความเชื่อดั้งเดิมของท้องถิ่น
· อาชีพทางเลือกใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ให้
กับชุมชนและเป็นแหล่งอาหาร
· พัฒนาการทำนาโดยเปลี่ยนจากแรงงานสัตว์
ไปใช้เครื่องจักรกลแต่ทำให้วิถีชีวิต
แบบดั้งเดิมหายไป
· เรียนรู้บทบาทของผู้นำจึงทำให้เกิดการปรับ
เปลี่ยนพฤติกรรม เรียนรู้กับการอยู่ในสังคม
</tbody></table> <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> 2. กระบวนการเรียนรู้นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร </p><p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">ได้สรุปการเรียนรู้ทั้งเจ้าหน้าที่และเกษตรกร ดังนี้ </p><p>นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร</p><p>บทบาทหน้าที่และภาระกิจ</p><p>- ระบบราชการ</p><p>- การเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ </p><p>- จิตอาสา</p><p>- บูรณาการกับภาคีพัฒนา</p><p>- จุดไฟ ใส่เชื้อ เกื้อกูล</p><p>- ประสบการณ์เดิมผสมผสานกับความรู้ใหม่</p><p>- การทำงานแบบมีส่วนร่วม</p><p>สิ่งที่เกิดขึ้น</p><p>- องค์ความรู้ใหม่ที่เป็นของท้องถิ่น</p><p>- การปรับพฤติกรรม</p><p>- การพัฒนาบุคลาการที่ตัวเองมีความพร้อม</p><p>เกษตรกร : ความอยู่ดีกินดีของคนในชุมชน</p><p>ประสบการณ์เดิม</p><p>- อาชีพดั้งเดิม</p><p>- บรรพบุรุษ</p><p>- วัฒนธรรม</p><p>- ความเชื่อ</p><p>- วิถีชีวิต</p><p></p><p>กระบวนการ </p><p>- ลองทำ</p><p>- โอกาสที่เกิดขึ้นจากภาคีที่เข้ามาสนับสนุน</p>- ความเป็นชุมชนต้นแบบ <p></p><p>- การศึกษาดูงาน / อบรมนอกสถานที่</p><p>- ความเป็นผู้นำชุมชน</p><p>- การแลกเปลี่ยนประสบการณ์</p><p>- ปัญหาและอุปสรรคของชุมชน</p><p>สิ่งที่เกิดขึ้น</p><p>- การปรับตัว / พฤติกรรม</p><p>- การปรับประยุกต์ใช้ความรู้ใหม่กับภูมิปัญญาเดิม</p><p>- ผลผลิตเพิ่ม</p><p>- ทางเลือกใหม่ในอาชีพ</p><p> จะเห็นได้ว่าประสบการณ์การเรียนรู้ของแต่ละคนทั้งนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรมมีความแตกต่างกันเนื่องจาก "ภารกิจ" ของแต่ละคนแล้วสิ่งที่เหมือนกัน คือเป้าหมายสุดท้าย คือ "ชุมชน"</p><p style="margin: 0in 0in 0pt; tab-stops: .75in" class="MsoNormal"> 3. คุณลักษณะของนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรที่พึงประสงค์ของเกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานส่งเสริมการเกษตร</p><p style="margin: 0in 0in 0pt; text-indent: 0.5in; tab-stops: 1.0in" class="MsoNormal"> ในประเด็นนี้ได้ให้ทั้งเจ้าหน้าที่และเกษตรกร ค้นหาคุณลักษณะของนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรที่พึงประสงค์ โดยให้แยกคุณลักษณะภายในและคุณลักษณะภายนอก จึงสรุปได้ดังนี้</p><p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">* กลุ่มนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร : ที่บอกว่าตนเองควรมีคุณลักษณะอย่างไร</p><p>คุณลักษณะภายใน</p><p>ด้านความรู้</p><p>- มีองค์ความรู้ที่เป็นทั้งความรู้ภายในและความรู้จากภายนอก</p><p>- รู้จักและติดตามปัญหาของชุมชนโดยเฉพาะด้านการเกษตร</p><p>ด้านภาวะผู้นำ</p><p>- มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล</p><p>- การวางตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะ</p><p>- เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก</p><p>- เปิดโอกาสและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นได้</p><p>ด้านวุฒิภาวะ</p><p>- มีหลักการทำงานอย่างมีสติและสามารถควบคุมอารมณ์ได้เมื่อพบกับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์</p><p>- มองโลกในแง่ดี</p><p>- ใช้คุณธรรม / จริยธรรมในการทำงาน</p><p>- ร่าเริง แจ่มใส อารมณ์ดี</p><p>- การคิดนอกกรอบเพื่อประสิทธิภาพของงาน</p><p>ด้านทักษะ</p><p>- การคิดนอกกรอบเพื่อความมีประสิทธิภาพของงาน</p><p>- ยึดหลักการทำงานแบบมีส่วนร่วม</p><p>- ความสามารถเป็นผู้นำการปฏิบัติด้านการเกษตร</p><p>ด้านบุคลิกภาพ</p><p>- มองโลกในแง่ดี</p><p>- พูดจาสุภาพ ไม่ติดสุราเรื้อรัง</p><p>- สง่างาม</p><p>คุณลักษณะภายนอก</p><p>ด้านความรู้</p><p>- มีองค์ความรู้ที่เป็นสหวิทยาการรู้เท่าทันสถานการณ์โลก</p><p>- นำองค์ความรู้ใหม่ ๆ มาถ่ายทอดต่อเกษตรกรได้อย่างเหมาะสม</p><p>ด้านภาวะผู้นำ</p><p>- ยึดหลักประชาธิปไตย</p><p>- มีภาวะผู้นำและผู้ตามที่ดีมีเหตุผล</p><p>- มีความมั่นคงในอาชีพและทรัพย์สิน</p><p>ด้านวุฒิภาวะ</p><p>- มีบุคลิกภาพที่น่าเลื่อมใสและปรับพฤติกรรมที่เหมาะสม</p><p>- มนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง</p>ด้านทักษะ <p>- ความสามารถในงานที่รับผิดชอบรู้กว้าง รู้ลึก สนองตอบต่อเกตรกรได้</p> <p>- รู้จัก คนในชุมชนว่ามีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร มีวัฒนธรรมในการทำงานอย่างไร</p><p>- รู้ใจ เพื่อนร่วมงานและคนในชุมชน</p><p>- รู้ใช้ รู้จักใช้คนและทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด</p><p>- รู้รักษา ทรัพยากรให้ธำรงอยู่ต่อไป</p><p>ด้านบุคลิกภาพ</p><p>- บุคลิกที่ดีน่าเชื่อถือ แต่งกายสุภาพ</p><p>- สุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรงมีพร้อมกับการทำงาน</p><p>- อยู่อย่างพอเพียง / ไม่มีหนี้สินรุงรัง</p><p>- แต่งกายเหมาะสมกับกาลเทศะ</p><p>* กลุ่มเกษตรกร : ที่บอกว่านักวิชาการส่งเสริมการเกษตรควรมีคุณลักษณะอย่างไร</p><p>คุณลักษณะภายใน</p><p>ด้านความรู้</p><p>- มีคุณวุฒิเหมาะสมกับสายงานเพื่อเป็นที่พึ่งพาของเกษตรกรได้</p><p>- รู้จักและติดตามปัญหาของชุมชนโดยเฉพาะด้านการเกษตร</p><p>ด้านภาวะผู้นำ</p>- ต้องมีลักษณะผู้นำและเสียสละ <p></p>
</span></font><p>- ต้องเป็นคนที่มีความคิดกว้างไกล</p><p>- เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก</p><p>ด้านวุฒิภาวะทางอารมณ์</p><p>- มีจิตใจโอบอ้อมอารี</p><p>- ไม่เห็นแก่ตัว</p><p>- เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม</p><p>- ร่าเริง แจ่มใส อารมณ์ดี</p><p>- เคารพและยอมรับความคิดเห้นของคนอื่น</p><p>- ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี</p><p>ด้านทักษะ</p><p>- เสนอแนวทางเลือกอาชีพเกษตร</p><p>- ช่วยประสานกับแหล่งทุนและแหล่งตลาดให้กับชุมชน</p><p>- สามารถเสนอแนวคิดวิธีการในการพัฒนาด้านการเกษตรต่อชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p><p>ด้านบุคลิกภาพ</p><p>- สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง</p><p>- แต่งกายสุภาพเหมาะสม</p><p>คุณลักษณะภายนอก</p><p>ด้านความรู้</p><p>- นำความรู้ด้านการเกษตรใหม่ ๆ มาสู่ชุมชนเพื่อให้เป็นทางเลือก</p><p>- แสวงหาความรู้อยู่เป็นนิจ</p><p>- รู้จริง รู้แท้ สามารถแนะนำให้ผู้อื่นทำตามได้โดยใช้ข้อมูลของชุมชน</p><p>ด้านภาวะผู้นำ</p><p>- ร่วมรับรู้ปัญหาของชุมชน</p><p>- สามารถบริหารจัดการโครงการที่ได้รับมอบหมายลงสู่ชุมชนได้</p><p>- มีลักษณะผู้นำ</p><p>- ต้องเข้าร่วมการประชาคมหมู่บ้านทุกครั้ง</p><p>ด้านวุฒิภาวะทางอารมณ์</p><p>- ไม่โกรธง่าย เก็บความรู้สึกของตนเองได้ดี</p><p>- มีจิตสาธารณะ</p><p>- มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี</p><p>- ให้ความร่วมมือกับชุมชน</p><p>- ไม่เห็นแก่ตัว</p><p>ด้านทักษะ</p><p>- มีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนา</p><p>- เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทางด้านวิชาการเกษตรต่อชุมชน</p><p>- การทำงานเชิงบูรณาการ</p><p>- รู้ปัญหาของชุมชน</p><p>- ความรู้เฉพาะทาง</p><p>ด้านบุคลิกภาพ</p><p>- ไม่ควรมีหนี้สิน รุงรัง และไม่ยืมเงินชาวบ้าน</p><p>- สุขภาพร่างกาย สมบูรณ์แข็งแรง</p><p>- ไม่ติดเหล้า</p><p>- ยอมรับและสามารถเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทุกด้าน</p><p> นี่ก็คือบทสรุปของการเรียนรู้ที่นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรได้รับถือเป็นแนวทางในการปรับปรุงการทำงานต่อไป</p><p></p><p> </p><p></p><p></p><p></p><p></p>
พี่พยอม
ขอบคุณครับ