ในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการ R2R ประเทศไทย ที่ศิริราชเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ผมได้รับทราบการหากินจากการเป็นวิทยากรฝึกอบรมและให้บริการผลิตผลงาน R2R ในวงการสุขภาพด้วยความเศร้าใจ
เขาเอ่ยชื่อ และเราเข้าไปดูเว็บไซต์ของสำนักนี้ด้วย มีคนบอกว่าท่านผู้นี้ทำมาหากินจากธุรกิจนี้จนรวยทีเดียว โดยตามที่สื่อในเว็บไซต์ว่าให้บริการฝึกอบรม แต่มีคนบอกว่า ค่าบริการหลักสูตรละ ๓๐๐,๐๐๐ บาท การันตีผลงานตีพิมพ์ ๑๐ เรื่อง ถ้าเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานทำได้ไม่ครบ วิทยากรทำให้จนครบ นี่คือคำบอกเล่านะครับ ผมไม่ยืนยันความแม่นยำ และเป็นเหตุให้ไม่กล้าลิ้งค์เว็บไซต์ของท่านผู้นี้
ที่จริงการหากินจากการเป็นวิทยากรไม่มีอะไรผิดทั้งกฎหมายและจริยธรรม แต่ในทางหลักการของ R2R ที่ผมเข้าไปร่วมพัฒนาตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๗ เราไม่เริ่มจากการฝึกอบรมวิทยาการวิจัย
สิ่งที่ผิดคือการการันตีจำนวนผลงานตีพิมพ์ หากเจ้าหน้าที่ที่เข้ารับการอบรมทำได้ไม่ครบ มีบริการทำให้จนครบ ๑๐ เรื่อง บริการทำงานวิจัยแทนและเขียนต้นฉบับให้นี่แหละครับที่ผมว่าผิดจริยธรรม
ผิดทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ
เป็นพฤติกรรมหาผลประโยชน์แบบหลอกลวง ผิดจริยธรรม คนดีเขาไม่ทำกัน
มันผิดเพราะเป็นพฤติกรรมที่ถ่วงความเจริญของสังคม
หน่วยงานที่ใช้บริการทำผิด เพราะเป็นการสร้างผลงานลวง และมีผลสืบเนื่องให้พนักงานอ่อนแอทางวิชาการ เพราะจะไม่ได้ฝึกทำงานวิจัยแบบจริงจัง ทำวิจัยเพียงเพื่อให้ได้จำนวนการตีพิมพ์ และที่ร้ายที่สุดคือ บ่มเพาะความด้อยคุณธรรม เป็นการสร้างหน่วยงานที่ระดับมาตรฐานคุณธรรมต่ำ
เรื่องนี้สอนเราว่า กฎกติกาดีๆ ทำขึ้นด้วยเจตนาดี มันเปิดช่องให้มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือแบบคาบลูกคาบดอก เป็นกิจการสีเทา ได้เสมอ เมื่อออกกติกามาแล้ว ต้องมีการจัดการให้มีการใช้กติกาไปในทางที่ก่อความเจริญตามเจตนารมณ์ และหาทางป้องกันและกำจัดมิจฉาชีพสีเทาด้วย
วิจารณ์ พานิช
๑๘ ก.พ. ๖๓
บนรถเดินทางจากบ้านไปศิริราช
ทีมงานเรามีการไปช่วยเสนอแนะและช่วย WS กับพี่เลี้ยงในหน่วยงานบาง รพ เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้ตั้งราคาอะไรค่ะ จนหน่วยงานมีการพัฒนางานได้มากกว่า 20 เรื่อง