เสียคนไข้ไปอีกคน



“ดีใจนะ ที่ได้ดูแลเธอ ถ้าสิ่งใดมันเป็นการละเมิดเธอทั้งทางกาย วาจา และใจ ก็ขออโหสิกรรมนะครับ”

แล้วผมก็ค่อยๆปักธูปก้านเดียวดอกนั้นอย่างมีสติ หลังจากที่ได้เพ่งมองไปยังโลงศพที่ตั้งอยู่ตรงหน้าอยู่พักหนึ่ง

“กล้วย(สอง)” คือชื่อของเจ้าของร่างไร้ลมหายใจที่นอนอยู่ในโลงศพใบนั้น เธอคือคนไข้ที่ได้เข้ามาอยู่ในการดูแลของทีมผมเมื่อราว ๔ เดือนที่ผ่านมา

ด้วยอายุที่เพิ่งผ่านพ้นเลข ๓๐ มาได้ไม่นาน กับโรคที่เป็นนั้น มันจึงมีความน่าสนใจที่จะต้องหยุดคุยด้วยในการราวนด์วันหนึ่ง

“หนูเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้ายค่ะ” ร่างผอมบางนั้นตอบคำถามผมอย่างฉะฉาน เธอส่งยิ้มมาให้อย่างเหนื่อยๆ

“ทำไมจึงคิดว่าเป็นระยะสุดท้ายล่ะ ลูกศิษย์ผมบอกว่าเธอเป็นระยะที่ ๓ เอง” นี่คือการทดสอบ

“ก็มันกลับมาเป็นใหม่ไงคะ เป็นเยอะด้วย ตอนนี้ก็เริ่มรับยาเคมีไปแล้วครั้งหนึ่งค่ะ” เธอบอก

กล้วย(สอง) เธอเป็นมะเร็งที่ปากมดลูกระยะที่สามตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี ในคราวนั้นการรักษาด้วยการฉายแสงร่วมกับยาเคมีบำบัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่เมื่อราวต้นปี อาการผิดปกติก็เริ่มกลับมา นั่นคือการมีลำไส้อุดตัน 

และในคราวนั้นนั่นเอง ที่ทำให้เธอทราบว่า “มะเร็ง” มันกลับมาแล้ว และกลับมาแบบรุนแรงกว่าเดิม 
มะเร็งมันกัดกินกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ใหญ่ส่วนใกล้ทวารหนัก ลำไส้เล็กบางส่วน รวมทั้งท่อไตทั้ง ๒ ข้าง

อาการไตวายมันคงเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งโดยที่เธอไม่รู้ตัว กระทั่งถึงวันที่ร่างกายทนไม่ไหว เธอก็เกิดอาการไตวายเฉียบพลับ ฉี่เธอไม่ออก และมีอาการซึม หายใจหอบเหนื่อย และเพ้อ เพราะมีของเสียคั่งอยู่ในเลือดปริมาณมาก
ทีมรักษาในขณะนั้นจึงตัดสินใจสอดสายพีซีเอ็น จากผิวหนังทางด้านแผ่นหลังเข้าไปยังกรวยไตด้านขวาของเธอ

สติและวิญญาณของเธอจึงกลับมา 

และการรอดพ้นจากความตายในตอนนั้น จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เธอได้มารับการรักษาในทีมของเรา

“แล้วที่ว่าระยะสุดท้ายน่ะ สุดท้ายแค่ไหนเหรอ” ผมยังคงถามเธอไม่หยุด

“ไม่รู้สิคะหมอ นี่ก็ได้รับยาเคมีไปแล้วรอบหนึ่ง ยังไม่รู้เลยว่ามันตอบสนองแค่ไหน” 
“แล้วเธอว่าไงล่ะ”
“หนูว่าไม่ตอบสนองเลยค่ะ เพราะหนูรู้สึกว่า มันมีอาการปวดกระดูกบริเวณด้านหลังเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง แล้วหนูก็เพลียอย่างมากเลยค่ะหมอ” ในแววตานั้นมีร่องรอยของความท้อแท้

“ฉันว่าตอนนี้ที่กำลังเพลียอย่างมากนั้นอาจจะเป็นเพราะยาเคมีบำบัดก็ได้นะ ไม่ก็จากอาการท้องเสียที่เธอเป็นอยู่ขณะนี้” ใช่สิ เธอต้องเข้ามานอนโรงพยาบาลรอบนี้ก็เพราะมีอาการถ่ายเหลวปริมาณมาก มันมากเสียจนระดับเกลือแร่ในร่างกายมันลดลงอย่างเสียสมดุล ระดับโพแทสเซี่ยมต่ำจนเกือบวิกฤต

“น้ำเกลือโพแทสเซี่ยมนี่หนูกินไม่ได้ มันเค็มจนหนูอาเจียนทุกครั้ง และหมอกับพยาบาลก็บอกให้พยายามกินตลอดเวลา” เธอบ่น ส่วนผมหัวเราะ
“ไปเอาโพแทสเซี่ยมมา” ผมบอกให้นักเรียนแพทย์เดินไปหยิบยาน้ำโพแทสเซี่ยมที่ว่านั้นออกมาจากห้องยา แล้วรินใส่ช้อนให้นักเรียนแพทย์เอานิ้วมาจิ้มแล้วลองดูดดู

“เป็นไง อร่อยไหม” ผมหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นหน้าลูกศิษย์แต่ละคน
“รสชาติมันโคตรห่วย เค็มสุดชีวิต” พวกเราสรุปตรงกัน
“แล้วคนไข้ที่กำลังป่วยแบบนี้ ขี้แตกมวนไส้มวนท้องแบบนี้จะกินลงเหรอ ไหนจะอ๊วกจากยาเคมีบำบัดอีก”

ที่ผมให้นักเรียนแพทย์ในทีมได้ลองชิมมัน เพราะผมเองก็เคยชิมมาแล้ว ในวันที่น้องจ้าอาเจียนจนระดับโพแทสเซี่ยมในเลือดต่ำ และถูกผมบังคับให้กินยาน้ำสีเขียวชื่อโพแทสเซี่ยมนี้แหละ เล่นเอาน้ำตาร่วงทั้งลูกทั้งพ่อ

“ก็ไม่ต้องกิน เราให้เธอทางน้ำเกลือก็ได้” ผมบอกกล้วย(สอง)

นั่นคือคราวแรกที่เราได้รู้จักกัน ผมยังเห็นผู้หญิงอีก ๒ คนนั่งยิ้มอยู่ข้างเตียงเมื่อเห็นผมสอนลูกศิษย์ กล้วย(หนึ่ง) คือพี่สาวที่คลานออกมาก่อนเธอไม่ถึงสิบนาที และอีกคนคือแม่ แม่ที่เบ่งกล้วยทั้ง ๒ ลูกนี้ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

กว่าการรักษาเรื่องท้องเสียและอ่อนเพลียในคราวนั้นจนอาการเริ่มฟื้นตัวก็กินเวลาไปหลายวัน และก็เป็นหลายวันที่ผมสามารถสร้างความคุ้นเคยจนถึงเวลาที่จะต้องบอกเรื่องสำคัญ

“เธออยากจะให้หมอสรุปการดำเนินของโรคทั้งหมดให้ฟังไหม” การที่จะพูดแบบนี้ จำเป็นต้องมีสัมพันธภาพที่ดีระดับหนึ่งนะครับ ไม่ใช่ว่าเจอกันครั้งแรกแล้วจะบอกข่าวร้ายได้เลย

“ค่ะหมอ”
“อะไรที่ทำให้เธอตอบมาอย่างนั้นเหรอ” ผมถาม
“ก็เพราะหนูจะได้เข้าใจ ได้เตรียมใจ และได้เตรียมตัวด้วยไงคะ ลูกก็ยังเล็ก”

แล้วผมก็บอกถึงสิ่งที่ตรวจพบ ซึ่งมันก็ตรงกับสิ่งที่เธอรู้มาส่วนหนึ่ง และที่สำคัญก็คือมันไม่น่าจะตอบสนองต่อการรักษาสักเท่าไหร่

เธอตัดสินใจที่จะไม่รับยาเคมีบำบัดครั้งที่สอง

“แล้วหนูจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่คะหมอ” 
“ฉันก็ไม่รู้หรอก เพราะตอนนี้ไอ้สายระบายฉี่ของเธอมันก็ยังทำงานดี เธอจะไม่ตายจากไตวายเหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนแล้วแน่ๆ” กล้วย(สอง) ตีมือผมเบาๆ 

“มันอาจจะสิ้นสุดลงจากการติดเชื้อรุนแรง การเสียเลือด การหายใจเหนื่อย แต่ทั้งหมดนั้นเราสามารถจัดการได้พอสมควร” มันคือการเขียนเล่าแบบสรุป อันจริงๆแล้ว เราคุยกันเรื่องนี้ยาวมาก

“อะไรคือสิ่งที่เธอห่วงมากที่สุดล่ะ”

“ลูกสาวค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนประถมอยู่เลย”

“แล้วลูกรู้เรื่องราวอะไรบ้าง”

“ก็รู้นะคะหมอ แต่หนูยังไม่ได้บอกเขาเรื่องความตายของแม่” แล้วเมื่อถึงจุดนี้ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา ผมเว้นช่วงให้เธอได้ร้องไห้จนผ่อนคลายลงมา

“แล้วพ่อเค้าล่ะ” 
“เราเลิกกันตั้งแต่ลูกยังเดินไม่ได้ค่ะหมอ เค้าเจ้าชู้ หนูรับไม่ได้”
“แล้วลูกรู้จักพ่อไหม”
“รู้ค่ะ แต่ลูกไม่สนิทด้วย หลังๆมานี้เค้าก็ไม่ยอมออกไปกินข้าวกับพ่ออีกแล้ว”
“แล้วเธอจะจัดการเรื่องนี้ยังไงเหรอ”
“กล้วย(หนึ่ง) ไงคะหมอ รายนั้นรักลูกหนูเหมือนลูกตัวเอง และลูกหนูก็เรียกเค้าว่าแม่ด้วย” พูดถึงตรงนี้ หน้าตาเธอก็สดชื่นขึ้นนิดหนึ่ง

“หมอคะ ถ้าหนูจะต้องตาย หนูขอให้หมอเป็นคนดูแลหนูนะ” คือคำร้องของเธอและผู้เป็นแม่

“ไม่มีปัญหาหรอก แต่อย่าเพิ่งฝากฝังอะไรกันตอนนี้เลย เธอไม่ได้จะตายพรุ่งนี้สักหน่อย” การจากกันแบบนี้มันคือสไตล์ และผมก็ไม่ลืมที่จะนวดน่องให้ครั้งหนึ่งก่อนการออกจากโรงพยาบาลในคราวนั้น

....................

“มีความสุขมากนะหมอ ได้นอนเล่นนอนคุยกับลูกทั้งวัน” ใช่สิ มันคือช่วงปิดเทอมนี่นา 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา การได้เจอลูกนั้นเป็นเพียงโอกาส หรือเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ นั่นเพราะว่าเธอต้องไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด และก็ได้กล้วย(หนึ่ง)นี่แหละ ที่คอยดูแลเจ้าตัวเล็กให้ตั้งแต่เล็กๆ

“แต่หมอรู้ไหม หนูกลับกลายเป็นคนขี้หงุดหงิด” 
“ใครเป็นเหยื่อของเธอล่ะ” ผมหัวเราะ
“กล้วย(หนึ่ง)ค่ะ” เธอตอบ
“น่าสงสารมันนะ กลายเป็นเหยื่ออารมณ์ของเธอไปได้” ผมเย้า
“ก็หนูรักมันมาก เราโตมาด้วยกันนะหมอ หนูอยากให้กล้วย(หนึ่ง)ใส่ใจหนูมากกว่านี้ นี่หนูป่วยหนักมากนะหมอ” เธอปาดน้ำตาเหมือนเด็กๆ
“แล้วกล้วย(หนึ่ง)ทำอะไรอยู่ล่ะ เธอจึงว่ามันใส่ใจเธอน้อย” 
“เค้าต้องไปทำงาน ไปส่งลูกที่โรงเรียน กลับบ้านมาก็ต้องดูแลลูกหนูจนหลับ กว่าจะเสร็จมันก็เหนื่อย แล้วก็หลับไปก่อน หนูก็รอมันอยู่ทั้งวัน” เธอยังคงปาดน้ำตา

“นะ” ผมมองหน้าเธอแล้วทำหน้ากวนตีนใส่ประหนึ่งกำลังเข้าข้างกัน

“แต่หนูก็เข้าใจนะคะ เพราะเค้านี่แหละ ที่ต้องเป็นทุกอย่างแทนหนูต่อไป” ถึงตรงนี้ผมต้องยื่นกระดาษทิชชูให้เธออีกใบ
...........................

เราได้เจอกันอีกหลายครั้ง เพราะเธอต้องรับการปรับยาแก้ปวด

ในช่วงหลังๆ อาการปวดมันมีมากขึ้น “จะขยับตัวก็ลำบาก เพราะมันปวดกระดูกเหลือเกิน” เธอบ่นเบาๆ แววตาดูเข้มแข็งขึ้นกว่าในช่วงแรกๆ
...........................

การเข้ารับการรักษาในช่วงท้าย อาการของเธอดูแย่ลงมาก ยาแก้ปวดปริมาณสูงร่วมกับยานอนหลับชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดถูกน้ำมาใช้

กล้วย(สอง) เริ่มกินไม่ได้ อาการอาเจียนกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ 

อาจารย์พี่เปิ้ลเข้ามาช่วยดูแลเป็นหัวเรือใหญ่ อาจารย์ศุภกรณ์ ซึ่งเป็นหมอเวชศาสตร์ครอบครัวที่ดูแลเธอทั้งในโรงพยาบาลและที่บ้านก็มาเยี่ยมบ่อยๆ พี่แอ๊ด พยาบาลวอร์ดนรีเวชก็เป็นอีกคนหนึ่งที่คอยบอกพวกเราถึงความเจ็บป่วยและทางเลือกในการรักษาเพิ่มเติมแบบต่างๆ

กล้วย(สอง) ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนอนหลับ โครงกระดูกที่ปูดโปนบนใบหน้าบอกถึงการขาดสารอาหารมาระยะหนึ่ง เพราะเธอกินไม่ได้ และเรา ซึ่งหมายถึงทั้งทีมหมอ กล้วย(สอง)เอง แม่ และพี่น้องคนอื่นๆ เห็นตรงกัน ว่าเราจะไม่ใส่สายยางให้อาหาร และไม่เจาะเลือดเธออีกต่อไป

“มีใครจะมารับเธอไปบ้างแล้วหรือยังกล้วย(สอง)” ผมจะทักทายแบบนี้เกือบทุกครั้งที่เข้าไปเยี่ยม
เธอลืมตาขึ้นมามอง ยื่นมือมาให้ผมจับ ส่ายหน้าและยิ้มให้

“ยังไม่มีใครมารับหนูเลยล่ะหมอ” เราเข้าใจตรงกัน

“เมื่อวานพ่อของลูกเค้ามา” แม่เธอกระซิบผม
“เหรอครับ แล้วเป็นไงบ้าง”

“พ่อเค้ารับปาก ว่าจะดูแลลูกสาว เค้ามากับเมียอีกคนด้วย เค้าดีกันนะหมอ เค้าขออโหสิกรรมต่อกัน เมื่อคืนกล้วย(สอง)นอนยิ้มทั้งคืน ยาแก้ปวดก็ไม่ขอเพิ่มเลย” แม่เธอซับน้ำตา

.................................

“อาจารย์”
“กล้วย(สอง) เสีย แล้ว นะคะ”

ข้อความกระเด้งขึ้นมา ลักษณะการเขียนเว้นวรรคอย่างนั้น ผู้เป็นพี่สาวคงกำลังสะกดใจ

“ถ้ามีโอกาส ไปงานกล้วย(สอง) พวกเราจะยินดีและดีใจมากนะคะ”
“กล้วย(สอง)ก็คงจะดีใจ” แล้วก็มีสติกเกอร์รูปร้องไห้ส่งมา

ร่างไร้ชีวิตของเธอ ถูกส่งไปยังบ้านเกิดที่เกาะสมุย วัดประจำตำบลคือสถานที่บำเพ็ญกุศลศพ

ผมนึกถึงวันที่เคยคุยเรื่องความตายกับเธอเมื่อคราวนอนในโรงพยาบาลครั้งก่อนๆ เธอบอกว่าหากเธอตาย อยากให้ผมไปงานศพที่สมุย

“บ้าเหรอเธอ ไกลออกอย่างนั้น ส่งค่าตั๋วเครื่องบินมาสิ” ผมบอกไปสนุกๆ

แต่ก็เหมือนว่าทุกอย่างนั้นถูกกำหนดขึ้นมาแล้ว เพราะในวันที่เธอสิ้นลม มันคือวันที่ผมมีกำหนดต้องเดินทางไปทำธุระที่สมุยพอดี

“ดีใจนะ ที่ได้ดูแลเธอ ถ้าสิ่งใดมันเป็นการละเมิดเธอทั้งทางกาย วาจา และใจ ก็ขออโหสิกรรมนะครับ” แล้วผมก็ปักธูปดอกนั้น บ๊ายบายไปยังโลงศพ ก่อนที่จะเดินทางกลับหาดใหญ่ให้ทันเรือรอบเที่ยง

ธนพันธ์ ชูบุญได้ส่งคนไข้อีกราย
๑๓ พย ๖๒



คำสำคัญ (Tags): #มะเร็ง#palliative
หมายเลขบันทึก: 673155เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 17:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 17:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เขียนมาเป็นชุดเลยค่ะ เดี๋ยวจะมาตามอ่านนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท