คนท้องหัวใจวายมาอีกแล้ว



“เปลมาถึงแล้ว” เสียงพยาบาลแจ้งให้พวกเราทราบ

“เตียง ๕ เลยครับ เวลาย้ายคนไข้ ระวังเรื่องสายต่างๆนะครับ” ผมบอกให้ทุกคนช่วยกันประคองอุปกรณ์ต่างๆที่ติดตัวคนไข้อยู่ เธอยังพอที่จะเคลื่อนย้ายตัวเองได้แม้ว่าเหนื่อยเต็มทน 

“ไม่ต้องกังวล หมอจะเดินตามเปลของเธอออกไปด้วยเลย” ผมบอกให้เธอทราบ 

การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตั้งครรภ์ที่กำลังมีอาการหัวใจวายอยู่นั้นดูทุลักทุเล ด้วยเพราะสายพะรุงพะรังทั้งหลายเหล่านั้น และตัวคนไข้เองที่กำลังหอบเหนื่อยและนอนราบไม่ได้ นี่จึงเป็นเหตุที่ผมต้องเดินตามเปลที่ขนย้ายเธอออกจากห้องคลอดไปยังห้องผ่าตัด

และเมื่อเรากำลังจะออกจากประตูห้องคลอดไปนั้น ผมเหลือบมองไปยังห้องๆหนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านหน้าสุดของห้องคลอดซึ่งปกติจะไม่ได้ถูกใช้งาน มันมีแสงไฟเปิดอยู่

แล้วผมก็ขนลุกซู่ หัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็น “เธอ” 

ผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก เธอแต่งชุดไทยสวมชฎา เสื้อแขนยาวสีแดงและมีสไบสีทองพาดไหล่ซ้าย ผ้านุ่งของเธอคือซิ่นสีเขียวสดที่มีลวดลายอะไรสักอย่าง เธอยืนหันหน้าเข้าหาผนังห้อง ผิวหน้านวลขาวตัดกันกับสีของริมฝีปากที่ถูกทาด้วยสีแดงชาด

ดูไม่เหมือนผีเพราะมีชฎา หรือหากจะเป็นผีก็คงเป็นผีชั้นนางฟ้า เธอดูเหมือนนางรำ หรือเธอเป็นแม่ซื้อที่มาคอยเด็กแรกเกิดอยู่ในห้องคลอดแห่งนี้ ใช่สิ ใครสักคนบอกผมว่า เด็กทุกคนเกิดมาจะมีแม่ซื้อประจำตัว

“ไม่เอานะ ผมไม่โอเค” หัวใจที่แทบจะหยุดเต้นไปเมื่อครู่ เปลี่ยนมาเป็นการเต้นด้วยจังหวะที่รุนแรงจนแทบทะลุผนังหน้าอกจนผมรู้สึกได้ 

“ผมไม่โอเค ผมจะทำงาน ผมต้องมีสมาธิในการผ่าตัดคนไข้ อย่ามาให้ผมเห็นในตอนนี้” บอกไม่ถูก ว่ากำลังกลัว หรือกำลังโกรธ

หรือนี่ผมถูกผีหลอกเข้าเสียแล้วจริงๆ
…...............................

วันนั้นผมอยู่เวร และได้รับรายงานว่าจะมีการส่งต่อผู้ป่วยมาให้เรารักษา
“คนไข้ท้อง ๓๔ สัปดาห์และหัวใจล้มเหลวค่ะอาจารย์” คุณหมอแป๋มส่งเสียงมาทางโทรศัพท์

วูบหนึ่งก็รู้สึกใจหาย เพราะเมื่อไหร่ที่คนไข้มีปัญหาเรื่องโรคหัวใจและตั้งท้องมา มันคือเรื่องใหญ่มาก วินาทีแรกนั้น ผมคิดถึงอาจารย์พี่เปิ้ลขึ้นมาในทันที เธออยู่หาดใหญ่ ไม่ได้เดินทางไปเที่ยวที่ไหน ผมคงต้องขอความช่วยเหลือจากเธอ

“เล่ามาเลย” หมอแป๊ะบอกหมอแป๋ม

“คนไข้ท้องที่ ๖ ค่ะ คลอดเอง ๒ ครั้ง ผ่าท้องคลอดมาแล้ว ๒ ครั้ง แท้งและขูดมดลูกอีก ๑ ครั้ง เริ่มมีอาการหัวใจล้มเหลวมานานราว ๑ เดือน นอนราบแล้วเหนื่อยมาก” นี่คืออาการที่คลาสสิกมากครับ เมื่อไหร่ที่หัวใจด้านซ้ายทำงานล้มเหลว ปั๊มเลือดได้ไม่มีประสิทธิภาพ คนไข้จะเหนื่อยง่าย นอนราบแล้วจะเกิดอาการหอบเหนื่อย บางคนนอนหลับอยู่ดีๆก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะหอบ หรือสำลัก หลายคนไม่รู้ตัวว่าเกิดหัวใจวาย เพราะปรับตัวเองจนนอนหนุนหมอนสูงขึ้นเป็น ๒ หรือ ๓ ใบ

“เป็นมาราว ๑ เดือนค่ะ จนกระทั่ง ๔ วันมานี้เหนื่อยมากขึ้นจนไม่สามารถนอนราบได้เลย จึงไปโรงพยาบาล” แหม่..แบบนี้เรียกว่าโคตรจะทน มันจะทนกันไปถึงไหน ผมพึมพำในใจ แล้วก็รีบคิดประมวลผลในหัวสมอง ว่าคนไข้คนนี้เป็นโรคอะไรได้บ้าง เราต้องเตรียมทรัพยากรอะไรในการรับเธอมารักษาบ้าง

“ที่สำคัญคือ โรงพยาบาลต้นทางได้อัลตราซาวนด์มา แล้วพบว่ามีแอ่งเลือดในรกค่ะ เค้าสงสัยว่าอาจจะมีรกกินลึก” นั่นไง ยังจำคุณเป็ดได้ใช่ไหม ผมนี่ถึงกับขนลุก

แล้วเราก็ได้เจอเธอราวบ่ายโมงเศษๆ

คนท้องกำลังแก่ (ผมหมายถึงอายุครรภ์ใกล้กำหนดคลอดนะครับ แบบว่า ท้องแก่ ไง) นั่งบนเตียงในห้องคลอด หายใจเร็ว เธอนอนราบไม่ได้เลย

“มันแน่นหน้าอก นอนไม่ไหวค่ะหมอ” เธอพูดไป หอบไป

ออกซิเจนถูกนำมาให้ในทันที พร้อมด้วยอุปกรณ์ให้น้ำเกลือ สายตรวจคลื่นหัวใจ ตัวรัดท้องเพื่อดูการเต้นของหัวใจเด็ก มันระโยงระยาง

“ทำไมมันรุงรังอย่างนี้” เธอบ่น

“แล้วใครใช้ให้ท้องตอนแก่ และใครใช้ให้หัวใจวายล่ะ” ผมยืนยิ้มอยู่ข้างเตียงของเธอ หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จ พูดคุยสอบถามถึงอาการอย่างละเอียด จนเมื่อเริ่มคุ้นเคยก็เริ่มใช้ภาษาที่ผมเลือกแล้วว่าน่าจะทำให้เธอลดความกังวลได้บ้าง

อาจารย์พี่เปิ้ลมาถึงแล้ว และผมก็เชิญอาจารย์น้องทราย ผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลคนท้องที่มีการตั้งครรภ์ความเสี่ยงสูงมาช่วยกันประเมินคนไข้ 

“พี่คิดว่าตอนนี้คนไข้มีอาการครรภ์เป็นพิษรุนแรงร่วมด้วยนะครับ เมื่อครู่ตอนที่อยู่ห้องฉุกเฉิน คนไข้มีความดัน ๑๖๐/๑๑๐ และฉี่ก็มีลักษณะเหมือนเม็ดเลือดแดงแตกเลย” ผมยกสายสวนปัสสาวะให้อาจารย์ทั้งคู่ดู

คนไข้เริ่มมีอาการหัวใจล้มเหลวมานานราวเดือนหนึ่ง และมาแย่ลงมากๆก็ ๔ วันมานี้ การเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษน่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้หัวใจทำงานแย่ลง 

“เราฉีดแม็กนีเซี่ยมไปแล้วนะครับ” นั่นคือยาที่ป้องกันการชักในคนไข้ท้องที่มีความดันโลหิตสูงปรี๊ด

“มันร้อนจังเลยหมอ ยาที่ฉีดเมื่อกี้มันยิ่งทำให้หนูแย่ลง” คนไข้ดูโวยวาย 

แต่แปลก ทำไมเดี๋ยวโวยวาย และอีกสักพักก็ดูซึมๆ สลับกันไปมา

“เจาะเลือดตรวจระดับแม็กนีเซี่ยม เตรียมยาแคลเซี่ยม เตรียมท่อช่วยหายใจ” พี่เปิ้ลสั่งการ เธอประเมินแล้วคิดว่าคนไข้กำลังจะหยุดหายใจที่อาจจะเกิดจากระดับแม็กนีเซี่ยมมากไป

“ก่อนอื่นเจาะปลายนิ้วดูหน่อย น้ำตาลเท่าไหร่” เธอยังคงสั่งการ

“๖๒ ค่ะ” พยาบาลรายงาน

“ไปเอากลูโคสมาบ้องหนึ่ง ฉีดเลย” การสั่งการรักษายังคงดำเนินไป ตอนนั้นอุปกรณ์ช่วยชีวิตมาพร้อมแล้ว เพราะคนท้องของเราดูซึมลง

แต่แล้วเพียงไม่ถึง ๑๐ นาทีหลังจากฉีดกลูโคส คนไข้ก็ตื่น คุยจ้อได้ และหอบเหมือนเดิม

“สงสัยตับคนไข้ไม่ค่อยจะดี” อาจารย์ทรายบอกให้เราทราบ มันก็น่าจะเป็นเพราะครรภ์เป็นพิษนั่นแหละ

“พี่คิดว่า เราต้องวินิจฉัยให้ได้ก่อน ว่าคนไข้แย่ลงจากอะไร หากเป็นจากหัวใจล้มเหลว เราจะไม่ผ่าคลอดในตอนนี้ เพราะเค้าจะตายได้ แต่หากเราคิดว่าคนไข้แย่ลงจากครรภ์เป็นพิษชนิดรุนแรง เราต้องผ่าเอาเด็กออก” การรักษามันคนละเรื่อง 

ขณะที่เรากำลังหาข้อสรุป ทีมหมออายุรกรรมก็มาถึงพอดี เค้าได้ตรวจร่างกาย ตรวจอัลตราซาวนด์หัวใจ แล้วบอกทีมเราว่า การบีบตัวของหัวใจคนไข้ไม่ค่อยดี แต่ไม่มีลิ้นหัวใจรั่ว แรงดันหลอดเลือดปอดไม่สูง ไม่เห็นก้อนเลือดในห้องหัวใจ และไม่เห็นลักษณะบางอย่างที่บอกว่าอาจจะมีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดปอด (ซึ่งเรากำลังกังวลว่าคนไข้จะเป็นโรคนั้น)

“อาจารย์คะ ผลเลือดออกมาแล้วนะคะ อัตราโปรตีนรั่ว ๓.๗ ค่า LDH ออกมา ๑,๐๒๐ ค่ะ” คุณหมอแป๋มรายงาน

“จบ คนไข้คนนี้เป็นครรภ์เป็นพิษรุนแรงแน่นอน เราจะพาไปผ่าตัดคลอดกันเลย” แล้วอาจารย์พี่เปิ้ลสรุป

“ผ่าได้ใช้ไหม” ผมหันไปหาหมออายุรกรรม ไม่ใช่ขออนุญาต แต่เขาเป็นผู้ประเมินความฟิตของหัวใจคนไข้
“ได้ครับอาจารย์ EF ๖๐ พอไหวครับ แต่ต้องมอนิเตอร์ดีๆ” เขาตอบมา

“น้องทรายครับ แล้วเรื่องรกกินลึก น้องว่าไง” ผมหันไปหาอาจารย์ผู้เขี่ยวชาญด้านอัลตราซาวนด์

“บอกยากค่ะอาจารย์ อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ มันไม่ได้อยู่ที่รอยแผลผ่าคลอด รกไม่ได้เกาะต่ำ หนูว่าไปประเมินตอนผ่ากันอีกที” น้องทรายให้ความเห็น

“แป๊ะ พี่คิดว่า แป๊ะไม่ควรผ่าคนเดียวนะคะ” พี่เปิ้ลท้วง
“ทำไมล่ะพี่” ผมถาม เพราะคิดว่าการผ่าท้องคลอดคือเรื่องปกติ

“คนนี้ผ่ามาแล้ว ๒ ครั้ง และที่สำคัญ เรายังไม่ทราบว่าแอ่งเลือดที่เห็นนั้นมันคือการที่มีรกกินลึกไหม ถ้ามันมีจริง เราต้องตัดมดลูกทันที พี่คิดว่าเราควรเรียกหมอมะเร็งมาช่วยแป๊ะผ่าค่ะ หากต้องตัดมดลูก จะได้ห้ามเลือดได้เร็ว” นี่คือทักษะการตระหนักรู้ที่สำคัญ (situation awareness คือชื่อของมัน) ซึ่งพี่เปิ้ลมีมากกว่าใคร 

“ได้พี่ เรียกอาจารย์เป้มา” ผมบอกทีม 

ระหว่างที่ทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่นั้น ผมก็หันมาหาคนไข้ที่กำลังนั่งหอบอยู่นั้น

“เราจะพาเธอไปผ่าคลอดนะ เพราะครรภ์เป็นพิษจะยิ่งทำให้หัวใจทำงานแย่ลง เมื่อเด็กออก เธอน่าจะดีขึ้น แต่ตอนนี้ลูกเธอยังไม่ครบกำหนดคลอด ทีมหมอเด็กจะพาไปเลี้ยงไว้ก่อน หมอคิดว่า เธอควรจะทำหมันนะครับ อย่าท้องอีกเลย มันอันตรายมาก” ผมบีบมือเธอเบาๆ

“ค่ะหมอ” 

แล้วเปลรถเข็นก็มาถึง

ผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก เธอแต่งชุดไทยสวมชฎา เสื้อแขนยาวสีแดงและมีสไบสีทองพาดไหล่ซ้าย ผ้านุ่งของเธอคือซิ่นสีเขียวสดที่มีลวดลายอะไรสักอย่าง เธอยืนหันหน้าเข้าหาผนังห้อง ผิวหน้านวลขาวตัดกันกับสีของริมฝีปากที่ถูกทาด้วยสีแดงชาด

ผมคงไม่มีสมาธิในการผ่าตัดแน่ๆ ถ้าถูกผีหลอกเสียตั้งแต่ยังไม่ออกจากประตูห้องคลอด

“ตงครับ ตงลองเดินไปตรงนั้นหน่อยซิ ตงเห็นเหมือนผมไหม” ผมบอกนักศึกษาแพทย์ปี ๕ ที่เดินมาด้วยกันให้ไปดู

“เห็นครับ ตงก็เห็นผู้หญิงคนนั้น” นายตงเดินมาบอกหน้าตาตื่นๆ 

“ตง ไปดูอีกที เห็นเงาไหม” ผมนี่โคตรแมนเลย ใช้ลูกศิษย์
“ตงไม่แน่ใจครับอาจารย์ มองไม่ชัด” 

“ผมไม่โอเค ผมจะทำงาน ผมต้องมีสมาธิในการผ่าตัดคนไข้ อย่ามาให้ผมเห็นในตอนนี้” บอกไม่ถูก ว่ากำลังกลัว หรือกำลังโกรธ

...............................
“หนูขอเวลาแทงเอไลน์ก่อนนะคะอาจารย์” อาจารย์อี๊ฟ หมอดมยาผู้มากด้วยคุณภาพบอกผม

“น้องคะ เดี๋ยวคนไข้จะต้องไปพักฟื้นที่ไอซียู หมออายุรกรรมขอให้ช่วยคาสาย central line ที่คอด้วย จะได้ไหมคะ” พี่เปิ้ลบอกอาจารย์อี๊ฟ

“ได้ค่ะอาจารย์” ทุกอย่างดูราบรื่น หัวอัลตราซาวนด์ถูกวางไว้ที่คอ เมื่อเห็นหลอดเลือดใหญ่เส้นนั้น อาจารย์อี๊ฟก็แทงเข็มสอดลงไปในทันที

หมอเด็กมาถึงแล้ว 
ผมสั่งปิดแอร์ห้องผ่าตัด
การการดมยาสลบเสร็จสิ้น คนไข้ถูกสอดท่อช่วยหายใจเรียบร้อย 

“ลงมีดนะครับ” ผมบอกทีม 
“ผมเป็นเบอร์หนึ่ง อาจารย์เป้เป็นเบอร์สอง และอาจารย์ทรายเป็นเบอร์สาม ส่วนอาจารย์เปิ้ลคอยบัญชาการ” วรรคสุดท้ายเป็นการทิ้งมุก

“มีพังผืดสักหน่อยนะครับ” เป็นไปตามที่คิด เพราะเธอถูกผ่าท้องคลอดมาแล้วถึง ๒ ครั้ง

“เด็กคลอดนะครับ” ผมส่งเจ้าตัวน้อยไปให้หมอเด็ก แล้วเริ่มกระบวนการคลอดรกด้วยการคลึงยอดมดลูกแรงๆ

ไม่ออก

ผมล้วงมือเข้าไปในโพรงมดลูก คลำขอบรกได้จนทั่วแล้วใช้สันมือด้านนิ้วก้อยค่อยๆแซะให้รกลอกออกจากผนังมดลูก

“มันติด”

แน่นอน มันมีการกินลึกของการฝังตัวของรก ตำแหน่งด้านหน้า ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการถูกขูดมดลูกด้วยเหล็กขูดมาก่อนแน่ๆ

แล้วผมก็ใช้วิธีการขยุ้มและใช้นิ้วจิกมันจนลอกออกมา จากนั้นก็ใช้ก็อซพันปลายนิ้วเข้าไปเช็ดและสำรวจบริเวณที่ผิดปกติอีกครั้ง

“เป้ช่วยพี่ตรวจสอบซ้ำอีกที” 
“ได้ค่ะ เป้ว่าเรียบร้อยนะคะ” เธอดึงปลายนิ้วออกมาจากมดลูก

“ทำหมันนะครับ เอ๊ะ ด้านซ้ายมีถุงน้ำที่ปลายท่อนำไข่ เราจะตัดท่อนำไข่ด้านนี้นะครับ อะไรมันจะมีวิบากเสียทุกขั้นตอนเลยวะ” ผมพูดออกมา

“ด้านขวาทำหมันเรียบร้อย เราจะปิดหน้าท้องแล้วนะครับ” สิ้นสุดประโยคนี้ พยาบาลก็เริ่มทำการตรวจนับอุปกรณ์ทุกชิ้น ผ้าทุกผืนทั้งที่ถูกใช้ และไม่ได้ถูกใช้

“swabs และเครื่องมือครบทุกชิ้นค่ะ” เธอขานเสียงดัง

“อาจารย์คะ เดี๋ยวหนูจะออกไปส่งคนไข้ถึงไอซียูเลยนะคะ จะได้ช่วยเซ็ตเครื่องช่วยหายใจให้ด้วย เคสต่อไปอาจารย์รอหนูนิดหนึ่ง” อาจารย์หมอดมยาเงยหน้ามามองผม 

เออ..ใช่สิ เรามีคนไข้อีกคนหนึ่งที่รอผ่าตัดอยู่ เราวินิจฉัยว่าเธอกำลังมีภาวะเลือดออกในท้องจากการแตกของก้อนมะเร็งที่มดลูก รายนี้ผมมีคนที่จะช่วยผ่าตัดคืออาจารย์เป้และอาจารย์อาร์ท หมอมะเร็งคู่ใจในทีมเรา

ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล

ผมคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ “สิ่งที่ผมเห็นในห้องคลอด”

ผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก เธอแต่งชุดไทยสวมชฎา เสื้อแขนยาวสีแดงและมีสไบสีทองพาดไหล่ซ้าย ผ้านุ่งของเธอคือซิ่นสีเขียวสดที่มีลวดลายอะไรสักอย่าง เธอยืนหันหน้าเข้าหาผนังห้อง ผิวหน้านวลขาวตัดกันกับสีของริมฝีปากที่ถูกทาด้วยสีแดงชาด

“ไม่เอานะ ผมไม่โอเค” หัวใจที่แทบจะหยุดเต้นไปเมื่อครู่ เปลี่ยนมาเป็นการเต้นด้วยจังหวะที่รุนแรงจนแทบทะลุผนังหน้าอกจนผมรู้สึกได้ 

“เจ๊อุ่นครับ” ผมหันไปหาพยาบาลห้องคลอดคนที่กำลังเดินตามผมมา เธอต้องเดินไปส่งคนไข้ที่มีสายพะรุงพะรังอยู่บนเตียงรถเข็นเช่นเดียวกับผม

“เจ๊อุ่นเห็นเหมือนผมไหม” หลังจากที่เจ้าตงก็เกิดอาการกลัว และผมก็กำลังหงุดหงิดกับการถูกผีหลอกก่อนไปเข้าห้องผ่าตัด ตัวช่วยที่สำคัญก็มาถึงพอดี นั่นก็คือเจ๊อุ่นใจ พยาบาลห้องคลอดผู้ใจดี

“อาจารย์เห็นอะไรเหรอคะ” เจ๊อุ่นแสดงสีหน้าตระหนก ราวกับว่า “อีกแล้วเหรอ” ยังไงยังงั้น

“มีผู้หญิงยืนอยู่ในห้องนั้น” ผมบอกเธอด้วยน้ำเสียงอันแหบเบา

“อ๋อ..น้องเค้ามาแต่งตัว วันนี้มีงานเลี้ยงพยาบาลเกษียณค่ะอาจารย์” มันคือคำตอบที่แสนจะถูกใจใช่จริต

นั่นไง

ผีไม่มีจริง

ธนพันธ์ ชูบุญออกเวรแล้ว
๑๒ ตค ๖๒



หมายเลขบันทึก: 673148เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 16:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 16:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท