สี่ปีกับKM: ทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งหวาน และขมขื่น


ในระดับมหาวิทยาลัย ผมก็ได้รับการยอมรับว่าสามารถทำงานจัดการความรู้กับชุมชน ที่บางคนก็หมั่นไส้ที่ทำเกินหน้าเกินตาคนอื่น ทำให้งานของผมที่จะทำต่อมามีอุปสรรคอยู่มากพอสมควร ที่ผมหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับคนกลุ่มนี้ โดยการทุ่มเทไปทำงานกับชุมชน ยิ่งทำให้หลายคนยิ่งหมั่นไส้ผมมากขึ้นถึงกับเรียกผมกึ่งประชดว่า ครูบาแสวง

ผมเคยสัญญากับคุณหมอวิจารณ์ที่สนามบินดอนเมือง เมื่อปีกว่ามาแล้วว่า ผมจะส่งเรื่อง สองปีกับการจัดการความรู้ ไปลงวารสารของ สคส. จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ส่งสักที

วันนี้ขอไถ่บาปแบบเล็กๆ ให้กับตัวเองหน่อยนะครับ

ผมยอมรับว่าการจัดการความรู้เป็นมิติใหม่ในการทำงานของผม ที่ได้รับการเชื้อเชิญจากครูบาสุทธินันท์ให้เข้าร่วม โครงการฟ้าสู่ดิน เมื่อปี ๒๕๔๖

มาวันนี้ ก็เกือบสี่ปีแล้ว ผมรู้สึก รู้ ได้ความรู้ ได้เทคนิควิธีการทำงาน ฯลฯ อะไรบ้าง อยากจะขอเล่าสู่กันฟังอย่างสั้นๆนะครับ

ประเด็นแรก ผมได้เห็นปรัชญาการทำงาน KM ที่เป็นกระแสของการทำงานของสังคมโลก ผมได้ทำงานกับโครงการต่างประเทศในลักษณะเดียวกัน

เขาก็ใช้ KM และ Learning alliances เป็นตัวทำงาน ที่ผมมาแปลว่า ภาคีการเรียนรู้ โดยอาศัยฐานชุมชนเป็นตัวดำเนินงาน ที่แตกต่างจาก เพื่อนร่วมงานผมใช้นักวิชาการเป็นตัวดำเนินการ แต่เราก็เปรียบเทียบกันตลอด ทำให้ผมได้ประสบการณ์การจัดการความรู้ทั้งในและต่างประเทศไปในขณะเดียวกัน เขาก็นับถือการทำงานสไตล์ที่ผมทำมากพอสมควร

ประเด็นที่สอง ในระดับมหาวิทยาลัย ผมก็ได้รับการยอมรับว่าสามารถทำงานจัดการความรู้กับชุมชน ที่บางคนก็หมั่นไส้ที่ทำเกินหน้าเกินตาคนอื่น ทำให้งานของผมที่จะทำต่อมามีอุปสรรคอยู่มากพอสมควร ที่ผมหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับคนกลุ่มนี้ โดยการทุ่มเทไปทำงานกับชุมชน ยิ่งทำให้หลายคนยิ่งหมั่นไส้ผมมากขึ้นถึงกับเรียกผมกึ่งประชดว่า ครูบาแสวง

ประเด็นที่สาม พอผมทำงานKMกับชุมชนมากขึ้น จนผมอาจกล่าวได้ว่า ถ้ารถผมไปเสียอยู่ที่ไหน ผมจะมีที่กินที่นอนเสมอ การทำงานผมแทบไม่เคยจ่ายค่าที่พัก และค่าโรงแรมเลย เพราะอยู่กินกับชุมชนตลอด และก็เป็นอย่างนี้มานาน จนรถผมจะมีอุปกรณ์ที่นอนที่ไหนก็ได้ติดรถอยู่ตลอด

ประเด็นที่สี่ เมื่อผมทำงานกับชุมชนมากขึ้น ก็เผชิญปัญหาที่คาดไม่ถึงมากมาย โดยเพาะเมื่อผมไปทำงานกับชุมชน และครอบครัวชายขอบ ที่มีปัญหามากมาย โดยเฉพาะด้านการเงินและหนี้สิน

ชาวบ้านบางคนเริ่มมองเห็นว่าผมอาจจะช่วยเขาได้ ก็มาทาบทามขอยืมเงิน ผมเห็นเขาเดือดร้อนก็ช่วยเขาไปบ้าง ทำให้เกิดการอิจฉากัน และขอส่วนแบ่งการช่วยเหลือ ที่ผมทำไม่ได้ทั่วไป จนเกิดปัญหาในการดำเนินงานโครงการ คนที่เสียเปรียบบางคนพยามยามสร้างสถานการณ์ทำลายชื่อเสียงผม และบางคนถึงกับต่อรองขอเงินค่าไถ่แลกกับเอกสารงานของโครงการ 

อุปสรรคในการทำงานดังกล่าวเกิดมาจากการทำงานที่ตีวงกว้าง แต่มีเวลาจำกัด ทำให้มีข้อด้อยจนเกือบจะสร้างความเสียหายให้กับงานโดยรวม

บังเอิญผมยังโชคดีที่พระยังคุ้มครอง ทำให้ผมรอดมาได้อย่างหวุดหวิด บาดเจ็บนิดหน่อยไม่ถึงกับพิการ แต่ได้ความรู้ทุกด้านเพียบ

ดังนั้น หลายท่านจะสังเกตเห็นว่า ผม comment ใครก็ได้ในแทบทุกเรื่อง อาจเป็นเพราะผมมีประสบกาณ์KMที่กว้าง ลึก และครอบคลุม จากการทำงานกับชุมชนทุกระดับ ตั้งแต่ชุมชนชายขอบ เครือข่ายปราชญ์ เครือข่ายข้าวอินทรีย์ ระบบราชการที่เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรดิน-น้ำ นักการเมือง รัฐมนตรี และองค์กรต่างประเทศอีกไม่ต่ำกว่า ๔-๕ องค์กร

จึงถือได้ว่างาน KM ของผมในรอบ ๔ ปีที่ผ่านมานั้น ทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งหวาน และขมขื่นจริงๆ ใครอยากทราบรายละเอียด จะขอเล่าเป็นการส่วนตัวนะครับ บางอย่างผมไม่สามารถจะนำมาเสนอในที่สาธารณะอย่างนี้ไม่ได้ครับ

หมอวิจารณ์ครับ ผมได้ไถ่บาปไปนิดหนึ่งแล้วนะครับ  แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีแหละครับ 

หมายเลขบันทึก: 66291เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2006 00:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

เมื่อสักครู่ตีพิมพ์ความเห็น...ยังเป็นอักษรสีดำคะ

หลุด...

พอเข้าใหม่เปลี่ยนลุ๊คเลยคะ...อาจารย์

กะปุ๋มคิดว่านี่น่าจะเป็นไตเติ้ลนะคะ...

คาดว่าน่าจะมีรัก แบบหวาน อม ขมกลืน...ยิ่งกว่านี้นะคะ...

(^___^)

แวะมาแอบแซวนิดนิด...รอบดึกคะก่อนเข้านอน

กะปุ๋ม 

 

แค่นี้ก็ขมจนแทบจะกลืนไม่ลงแล้วครับ

มากกว่านี้ผมคงไม่รอดมาคุยได้หรอกครับ

เส้นยาแดงผ่าแปดจริงๆ

         อุปสรรคที่ว่าหนักหนาสาหัส ถ้าผ่านพ้นมาได้มันทำให้เราเก่ง แกร่ง ภาคภูมิใจและมีคุณค่าในชีวิตมากที่สุดเลยนะคะ

          แอบมาเจอเพราะละเมอและกังวลเนื่องจากออกแบบพิมพ์เขียวไม่ได้

                                       ครูน้อย

เห็นและรับรู้ตามเหตุการณ์ที่อาจารย์ได้เขียนบรรยายมา

ใครจะรู้ว่า ชุมชนที่เป็นเป้านิ่งในความคิดนักพัฒนา ของการพัฒนาที่เรียกว่า PAR จะมีทั้ง หวาน ขมขื่น

หากไม่ได้ลงมือทำ คลุกคลีอย่างจริงจัง

ก็ไม่ได้โรแมนติคแบบที่หลายท่านคิดไว้...อย่างไรก็ตาม การมองกว้าง การเข้าใจในศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ และ ให้ความรักแก่กัน  ทำให้การทำงานชุมชนเป็นเรื่องสนุกและท้าทาย มีเสน่ห์

ชื่นชมอาจารย์มาก ติดตามบันทึกมีหลายบันทึก ผมประทับใจมากครับ

ขออนุญาตนำเข้า Planet และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวผมเอง

ขอฝากตัวเป็นศิษย์ครับ

สวัสดียามเช้าค่ะท่าน

  • บันทึกท่าน่าอ่านตั้งแต่ชื่อเรื่อง  ตัวบันทึก ลุ้ค  และเนื้อความค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

 สวัสดีครับ
 ขอบคุณ คุณ น้อง จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร  ที่ช่วยพูดแทนผม .. เลยไม่ขอกล่าวซ้ำครับ

ขอบคุณ คุณจตุพร คุณพินิจ ครูอ้อย คุณสำเนียงครับ

ด้วยความยินดี และขอบคุณมากที่ให้กำลังใจ

ผมทำงานแบบถึงลูกถึงคนก็ต้องมีหวานและขมขื่นเป็นธรรมดา

ผมถือว่าเหล็กนั้นยิ่งตียิ่งแกร่งครับ

ผมเริ่มต้นชีวิตมาจากครอบครัวยากจนแบบไม่มีใครอยากคบ เพราะเขากลัวจะไปยืมเงินเขา จนตอนนี้ผมหนีจากจุดนั้นมาได้แล้ว ก็อยากจะหันไปช่วยเขา ก็ได้บ้างเสียบ้างละครับ

เขาว่านักรบผู้กล้าต้องมีบาดแผล แต่ผมจะใช้แผลเป็นมาเป็นบทเรียนสอนใจตลอดครับ

และยินดีจะแลกเปลี่ยนกับทุกท่าน ด้วยความเคารพในภูมิปัญญาครับ

 

  • แวะมาให้กำลังใจครับ
  • คนที่ไม่ทำงานคือคนที่ไม่ผิดครับ

อาจารย์ครับคนไม่ทำงาน นอนอยู่กับกองเงินกองทอง เขาก็มีปัญหามากมายครับ นับประสาอะไรคนเราเป็นปถุชนธรรมดา จะไม่มีปัญหา โดยเฉพาะคนทำงานแล้วละก้อ ถือเป็นเรื่องธรรมดาๆ ครับ

ยิ้มเพื่อสู้ สู้เพื่อพี่น้องเกษตรกรครับอาจารย์ หลายคนยังรอความหวังจากอาจารย์นะครับ เพราะผมเองเคยลงพื้นที่หลายๆ ครั้งก็มีพี่น้องเกษตรกรถามหาด้วยความชื่นชมครับ

ผมขอเป็นกำลังใจให้กับอาจารย์ และหากมีโอกาสจะขอเป็นแรงใจ และแรงงานครับ

ด้วยความเคารพ

ขอเป็นกำลัใจให้กับอาจารย์เพื่อที่จะได้ทำงานให้กับประเทศชาติและช่วยเหลือคนชายขอบทางด้านปัญญาครับ
ผมไม่ให้กำลังใจ เพราะกำลังใจเอาไปใช้มากๆก็จะเฝือ ต้องมาตีความ ทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งหวาน และขมขื่น จึงขอให้ทั้ง 4 มิตินี้ติดตัวอาจารย์ไว้ตลอดไป ถ้าหวานอย่างเดียว จะเป็นเบาหวาน รักอย่างเดียว จะหาว่าพวกบ้ารัก หรือวิปริตทางเพศ ขมอบ่างเดียว มันจะกลายเป็นขมขื่น ชังอย่างเดียว ก็จะอาฆาตมาดร้านตะพึดพะพือ เอาเป็นผสมผสานหลายรสชีวิตจะมีชีวา
  • ตามท่าน Handy ครับ สั้นดี

ขอบคุณครับ ดร. อรรณพ

ผมคิดว่าคงจะได้รับประโยชน์บ้างนะครับ

ตามมาให้กำลังใจอีกคนครับ อาจารย์ ก็เคยพบอาจารย์มาแล้วที่สวนป่า ยอมรับว่าอาจารย์ทำงานถึงลูก ถึงคนจริงๆ ถึงอย่างไรขอมองในเชิงบวกครับ ว่าอาจารย์คุ้มมากเลย เพราะได้ครบทุกรสชาติ เลยครับ และเป็นรสชาด ที่มีควรค่าแก่การจดจำอย่างยิ่ง ครับ  ขอบคุณครับ

คุณเรวัตรครับ ขอบคุณครับที่ให้กำลังใจครับ ครูบาบอกว่าจะไม่ให้ผมอีกแล้วครับ กลัวผมเป็นโรคเบาหวานครับ และผมก็กลัวเหมือนกัน

ขมเป็นยาก็ดีครับ

ขอมาให้กำลังใจสำหรับการทำงานเพื่อสังคมของอาจารย์ แบบเกรงๆบุคลิกด้วยคนค่ะ

เวลาอ่านบันทึกอาจารย์จะรู้สึกว่า เหมือนมีแรงกระแทกอะไรๆสักอย่างตลอดเวลาจนแทบไม่กล้าไปออกความเห็นค่ะ แต่พออ่านไปมากๆก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะสิ่งที่อาจารย์ประสบมาต่างๆมากมายนี่เอง

จึงทำให้ อยากเรียนขอให้ อาจารย์นำ"มิตินุ่มนวล"ในประสบการณ์สี่ปีกับ KM มาเล่าเป็นวิทยาทาน ให้พวกเราชาว GotoKnow รับทราบบ้างได้ไหมคะ เชื่อว่าน่าจะมีมากมาย จากที่อาจารย์เล่าในประเด็นที่สาม เชื่อว่าเรื่องแบบนี้ในสไตล์อาจารย์ต้องมีอะไรน่าทึ่งแน่นอนเลยค่ะ

ครับคุณโอ๋

ผมจะลองตั้งประเด็นมาขยายความ

มีหนังตัวอย่างนิดหน่อยเหมือนกันครับ

ขอผมตั้งหลักนิดหนึ่งครับ

ตอนนี้ยังไม่หายเจ็บตาครับ

ชอบหนังตัวอย่างของอาจารย์และไปขอให้อาจารย์ช่วยติดป้าย goodnews และ ข่าวดี เวลาเล่าเรื่องดี คนดีๆ แบบนี้ด้วยนะคะ

 การเจ็บตา นี้น่าจะเป็นทั้งการ เปิดตาและเปิดโลกของอาจารย์ และของท่านครูบา ให้พวกเราชาว GotoKnow ได้ชื่นชม ส่งเสริมเพิ่มพลัง กับงานของท่านทั้งสองได้ดียิ่งขึ้นนะคะ "เจ็บ"นี้น่าจะเป็นเจ็บที่ดีใช่ไหมคะ 

ครับ

ผมก็พยายามเพิ่มรสชาติที่แตกต่างจากที่มีอยู่แล้ว ให้มีสีสรรมากขึ้นนะครับ

ไม่ทราบว่ามาถูกทางหรือเปล่า กำลังคลำทางอยู่ครับ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท