ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือธรรมะ เขียนโดยท่านพุทธทาส ท่านกล่าวไว้ว่า ติดชั่วติดดี อัปรีย์พอกัน หมายถึง การทำอะไรก็ตามถ้าคนเรายังติดยึดอยู่กับความชั่วนั้นเป็นอัปรีย์แน่นอน..
แต่การติดดีนั้นหมายถึง การติดยึดว่าเมื่อเราทำความดีแล้ว คนทั้งหลายจะเห็นว่าเราเป็นคนดี จะได้รับการเทิดทูน ยกย่อง สรรเสริญ ถ้าคิดแบบนั้นก็จะเป็นอัปรีย์ได้เช่นกัน
พระธรรมคำสอนของท่านพุทธทาส สอดคล้องกับบรรยากาศในยามนี้ ที่มีข่าวการหาเสียงเลือกตั้ง สส. ในทุกภูมิภาค อย่างดุเด็ดเผ็ดมันกันทุกพรรค
ถ้าติดตามก็จะสัมผัสได้ถึงการสาดโคลนใส่กัน แบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น..คงลืมไปว่าคนฟังเขาก็รู้ดีรู้ชั่วของคนพูด..มิใช่น้อย
ถ้าเป็นรถหาเสียงที่ผมฟังจนเริ่มคุ้นเคยจะไม่มีการด่าทอ แต่จะชูนโยบายที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อชาติ..ซึ่งว่าที่ สส.บางคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะทำเพื่อชุมชนท้องถิ่นด้วยซ้ำ..แต่วันนี้จะขอขึ้นระดับชาติเสียแล้ว..
นโยบายแต่ละคนและแต่ละพรรค ดูจะหลากหลายเหลือเกิน ผมสงสัยว่าทำไมก่อนหน้านี้รัฐบาล คสช.ถึงไม่คิดจะทำ..ทั้งที่มีเงินและมีคนเก่งเยอะแยะ..
คำตอบก็คือรัฐบาลชุดนี้..ทำเรื่องอื่นๆได้ดีและทำได้มากกว่าคำพูดของหลายๆพรรคมารวมกันเสียอีก..แต่ประชาชนคนทั่วไปยังไม่ค่อยจะรู้กัน..
ส่วนที่ยังไม่ได้ทำ..หลังเลือกตั้งแล้ว รวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาลค่อยสานต่อนโยบายที่พูดหาเสียงไว้ ก็คงไม่เห็นเป็นไร ถ้าไม่แตกคอกันเสียก่อน...
ผมยังมองว่าทุกวันนี้ รัฐบาลมีความพยายามที่จะสร้างแนวคิดและตรากฎหมายเพื่อที่จะเห็น”การเมืองใหม่” จึงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะสานฝัน ในการสร้างบ้านสร้างเมืองบนรากฐานของประชาธิปไตย..
จะว่าไปแล้วก็น่าลุ้นอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นโครงการมากมายยังค้างคา ถ้าได้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะทำได้สมกับที่จริงจังและจริงใจหรือไม่?...
อย่างไรก็ตาม..ในทศวรรษนี้ที่โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก “การเมือง” เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ของประเทศรู้เท่ารู้ทัน..คนที่เคยชั่วยังอวดตัวไม่เลิก ส่วนคนดีก็พยายามแก้ไขปรับปรุงตัว..เพื่อจะปีนบันไดไขว่คว้าหาดวงดาว..
สิ่งที่ไม่น่าแปลกใจ ในฤดูการหาเสียง คือการได้เห็นกำพืดของนักการเมืองบางคน มีการลำเลิกบุญคุณและเนรคุณซึ่งกันและกัน..คนแบบนี้ใครจะเลือกมาพัฒนาประเทศก็ตามใจ..แต่ผมไม่เลือก..
คำว่า “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร” อย่าให้กลับมาเป็นวงจรอุบาทว์เลยจะดีกว่า คนเหล่านี้กำลังเอาประเทศชาติเป็นเดิมพัน พอถึงเวลามันก็ปู้ยี่ปู้ยำเสียยับเยิน
ผมพยายามไม่ให้ความสำคัญกับคนพวกนี้ และคิดอีกมุมหนึ่งประมาณว่า..ด่ากันมันหยดทุกวัน แล้วท้ายที่สุดก็จับมือกันกอบโกยผลประโยชน์..ต้มคนดูอย่างพวกเรา..ให้ระทมทุกข์กันต่อไป..ซะงั้น
หลายพรรค..พูดถึงแต่ความร่ำรวยและเอาเงินมาเป็นตัวตั้ง..ทำอย่างกับว่าประชาชนคนไทยเขาเดือดร้อนแสนสาหัส คงลืมไปว่าทุกวันนี้รัฐบาลเขาก็แจกเงินทุกเดือนอยู่แล้ว (ฮา)
ผมคิดว่าประเทศชาติจะอยู่รอดได้ด้วยศาสตร์พระราชา ด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้น..ใครหาเสียงประมาณนี้..ผมจะรักและเลือกทันที.แต่เท่าที่มีก็เห็น “ลุงตู่”พูดอยู่คนเดียว...
แต่เอาเถอะ..ประชาธิปไตยยุคใหม่สอนลูกหลานไว้ได้เลย เลือกคนที่ชอบและคิดว่าใช่..ถูกใจแล้วก็จบ จากนั้นก็มาคอยลุ้นว่าคนของเราพรรคของเรา จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่?
ถ้าไม่ได้เป็น..เราก็สวมหัวใจนักกีฬา ดูเขาเล่นไปสักพัก เชื่อเถอะ “อำนาจ”มันก็มีข้อจำกัด และอยุธยาก็ยังคงไม่สิ้นคนดี ขอแค่คนดูอย่าพาลเท่านั้น..
ถ้าคนของเราเข้าวินก็อย่าเหลิง อย่าไปเยาะเย้ยถากถางใครเขา แต่เราก็ต้องเฝ้าดูผลของการบริหารบ้านเมืองว่า..ปากกับใจตรงกันหรือไม่?
ประชาธิปไตยมีอยู่แค่นี้เอง..ทุกวันนี้ที่มันวุ่นวาย ก็เพราะลืมตัวลืมตน..
"ทำดีไม่มีใครว่า คิดไม่ดีก็ไม่มีใครว่า แค่อย่าประทับตราบนหน้าผากใครเขาก็พอ" และก็อย่าลืม..ติดดี ติดชั่ว อัปรีย์พอๆกัน
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒
อุโมงค์ต้นไม้ (ผักสวนครัว)ของอาจารย์สุดยอดค่ะ ชอบๆๆๆๆ