แค่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ก็สำเร็จได้มากกว่าที่คิด


"การยับยั้งชั่งใจ"
มันคงไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของคนยุคนี้แล้วกระมัง
เพราะเราจะเห็นว่า คนยุคนี้ใจร้อนกันเหลือเกิน
ไม่รู้จัก..."การอดทนรอคอย"
อะไรๆก็จะอยากจะได้แบบรวดเร็วทันใจ
จึงทำให้ทุกอย่างในชีวิตดูเร่งรีบไปซะทั้งหมด
จะทำอะไรก็ไม่คิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน
หุนหันพลันแล่นตลอดเวลา
ชีวิตจึงถูกนำพาไปสู่ความผิดพลาดเสียหายบ่อยครั้ง

จะทานอาหาร ก็ต้องทานอาหารจานด่วนที่สะดวกรวดเร็ว
จึงทำให้บริโภคได้แต่ซากอาหารเป็นส่วนใหญ่
ที่แทบไม่เหลือคุณค่าทางโภชนาการใดๆ
ซึ่งอาหารบางอย่างก็เป็นได้แค่ "อาหารขยะ" เท่านั้น

เวลาทำงานก็อยากมีรายได้สูงๆ ภายในเวลาอันสั้น
ไม่อยากเสียเวลารอเงินเดือนเพิ่ม ก็เลยยักยอกเงินบริษัท
สุดท้ายต้องรับผลกรรมที่ตัวเองก่อ
เลยต้องถ่อสังขารเข้าไปนอนในตะราง

มีแฟนก็ใจร้อน ไม่ยอมรอเวลาให้ถึงวันแต่งงาน
ชิงสุกก่อนห่าม แล้วอ้างใครๆเขาก็ทำกัน ที่แท้..คือแพ้ใจตัวเอง
แต่สุดท้าย หลายคู่ก็ต้องเลิกรากันไป
สำหรับผู้ชายก็คงไม่มีปัญหาอะไร แถมยังได้ทดลองใช้ชีวิตคู่ฟรีๆด้วยชิมิ !
ส่วนผู้หญิงเรานี่สิ! สิ่งที่เสียไปแล้วเอากลับคืนมาได้ไหม
จะไปร้องแรกแหกกะเฌอก็ไม่ได้ เพราะเราดันไปยอมให้เขาเอง

อยากร่ำรวยเหมือนใครๆ แต่เวลาหาเงินมาได้ กลับไม่กันเงินบางส่วนไว้เก็บออม
ไม่ยอมเรียนรู้การลงทุน เป็นพวกโลกสวย ต้องการร่ำรวยแบบชั่วข้ามคืน
ก็เลยฝากชีวิตไว้กับหวยทั้งบนดินและใต้ดินที่มีอยู่ดาษดื่น
สุดท้ายก็ต้องมานั่งขมขื่นกับเงินที่เสียไป

คนสมัยก่อนเขาก็เคยสอนไว้…
"ช้าๆได้พร้าเล่มงาม"
"อดเปรี้ยวไว้กินหวาน"
ก็หาว่าเขาหัวโบราณ คร่ำครึ ไม่ทันสมัย

อันที่จริง ก็เคยมีงานวิจัยสมัยใหม่ที่เชื่อถือได้
ยืนยันว่าการรู้จัก "ยับยั้งชั่งใจ"นั้นเป็นอะไรที่ดีชัวร์ๆ..ไม่ได้มั่วนิ่ม !
เพราะด๊อกเตอร์โจอาคิม แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
เขาได้ทดลองหยอดขนมมาร์ชมาลโลว์ไว้ให้เด็กๆ 1 ก้อน
แล้วกำหนดเงื่อนไขว่า ถ้าหนูรักษามันไว้ได้โดยไม่กินไปซะก่อน
หลังจากนี้ 15 นาที หนูจะได้มาร์ชมาลโลว์แถมฟรีอีก 1 อัน
แล้วปล่อยให้เด็กๆอยู่ในห้องทดลองตามลำพังกับขนมชิ้นนั้น

เด็กบางคนก็กินทันทีที่ด๊อกเตอร์เดินคล้อยหลังออกจากห้องไป
เด็กบางคนก็พอทนได้ ยอมนั่งทนฝืนใจ แต่สุดท้ายก็กินขนมไป..ก่อนถึงเวลา !
แต่มีเด็กบางคนที่สามารถทนได้ เพราะว่าเขาใช้สารพัดวิธีที่จะห้ามใจตัวเอง
บ้างก็เดินไปส่วนอื่นของห้อง บ้างก็ร้องเพลง และอีกหลายวิธีที่ถูกนำมาใช้
เพื่อที่จะได้ไม่สนใจขนมที่อยู่ตรงหน้า และสามารถรอคอยจนครบเวลา
ด๊อกเตอร์ก็เดินกลับมา เพิ่มขนมให้ตามสัญญาอีก 1 อัน

หลังจากนั้น เขาศึกษาติดตามเด็กกลุ่มนี้จนกระทั่งเติบใหญ่
พบว่าเด็กที่รู้จักยับยั้งชั่งใจ มีชีวิตที่ก้าวไกลกันทุกคน
ซึ่งต่างจากเด็กที่ไม่รู้จักอดทน ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างอับจน
เพียงเพราะไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ !

เพราะฉนั้น ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จและมีความสุข
ต้องรู้จัก "ยับยั้งชั่งใจ" มีเงินก็อย่าเพิ่งรีบใช้
ให้กันเงินบางส่วนไว้ เพื่อลงทุนให้เงินนั้นงอกเงย
ก่อนจะทำอะไร ก็ให้ลองนั่งนิ่งๆเฉยๆ
แล้วศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเลย...ก่อนที่จะตัดสินใจ !
อย่าหุนหันพลันแล่น อย่าใจเร็วด่วนได้ !
ทำอะไรค่อยเป็นค่อยไป ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
ถ้าทำได้แบบนี้ ชีวิตก็คงไม่มีความเสี่ยง
เรื่อยๆมาเรียงๆ รอเพียงเสียงฉลองชัย

นิวัฒน์  ลีวงศ์วัฒน์
19 กุมภาพันธ์ 2562

หมายเลขบันทึก: 660012เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2019 00:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2019 01:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท