เรื่องเล่าสบาย สบาย เช้านี้ที่กรุงเทพมหานครอากาศสบายๆ และมีเพื่อนโทรมาจากจังหวัดยโสธรสอบถามว่ากินข้าวเช้าหรือยัง ถ้ายังไม่กินให้มากินอ่อมหอยด้วยกันนะเพราะวันนี้มีเมนูเด็ดแกงอ่อมหอยขม (อีสานเรียกหอยจูบ) อร่อยมาก ซึ่งผมก็ได้แต่กลืนน้ำลายอร่อยกับเพื่อน
หอยขมกับเกษตรประณีต ช่างบังเอิญเหลือเกินครับพอพูดถึงเรื่องหอยก็นึกขึ้นมาได้ทันทีครับว่าหอยเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาเลี้ยงในระบบเกษตรประณีตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากหอยจัดเป็นสัตว์///สะเทือนน้ำสะเทือนบก/// (ผิดครับ) ขอแก้ เป็น สะเทินน้ำ สะเทินบก เพราะอยู่ในน้ำก็ได้ อยู่ในดินที่ไม่มีน้ำก็ได้ (เข้าไง) เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย กินอาหารพวก Planktons ทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร จึงทำให้ต้นทุนค่าอาหารต่ำ มีทั้งที่ออกลูกเป็นไข่ และเป็นตัว แต่หอยขมจะออกลูกเป็นตัวนะครับ ครั้งๆหนึ่งๆ ก็ราวๆ 20 – 30 ตัว ขึ้นกับความสมบูรณ์พันธุ์ ซึ่งเดิมทีเดียวหอยจะเป็นอาหารโปรตีนชั้นเยี่ยมที่มีราคาถูก ของพี่น้องชาวอีสานมาอย่างยาวนาน แต่ทุกวันนี้กลับตรงกันข้ามแล้วครับเพราะหอยเริ่มหากินยากขึ้นและมีราคาแพง ดังนั้นจึงเหมาะอย่างยิ่งที่พี่น้องที่ทำการเกษตรแบบประณีตเราจะเอามาเลี้ยงเพื่อกินและขายต่อไป หากสงสัยและต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่พ่อขาน บ้านสว่าง ต.สำราญ อ.เมือง จ.ยโสธร เพราะเราทำการศึกษาร่วมกันมาเมื่อปีที่แล้ว
หอยกับความเชื่อในการเดินทาง แปลกแต่จริงครับ พอพูดเรื่องหอยชักมันส์ เราบอกว่าหอยเป็นอาหารของคนอีสาน และพี่น้องคนลาว แต่ก็มีเรื่องเล่าอีกเช่นกันครับ คือว่า เมื่อวานผมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Share & Learn) กับเพื่อนนักศึกษาด้วย ซึ่งเพื่อนผมเป็นอาจารย์สอนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว แต่มาเรียนต่อที่เมืองไทย และเราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรม ซึ่งเพื่อนผมก็เล่าแบบ Dialoged มาก และผมก็ได้นั่งฟังอย่างตั้งใจ (Deep listening) เช่นกัน อีกทั้งนั่งกินข้าวไปด้วยซึ่งเพื่อนก็ได้เล่าหลากหลายเรื่องมากแต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่าน่าที่จะได้มาเล่าสู่กันฟัง ในบรรยากาศแบบหอยๆ เผื่อพี่น้องชาว GotoKnow จะได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ (ลาว) อย่างสบายใจ เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่าในการเดินทางโดยเรือ และรถยนต์ในประเทศลาวนั้นเขาห้ามผู้โดยสารเอา หอย และเต่า ขึ้นรถโดยสารไปด้วย เนื่องจากเขามีความเชื่อ (Believe) ว่ามันไม่ดี ไม่เป็นสิริมงคล (เป็นกาลิกิณี) ซึ่งผมก็พยายามถามเหตุผลว่าทำไมถึงเชื่อเช่นนั้น เพราะทั้งสองก็เป็นอาหารชั้นเยี่ยมเลยไม่ใช่หรือ ก็ได้คำตอบว่า น่าจะเป็นการเปรียบเปรยว่าถ้าหากเอาหอย และเต่าไปด้วย จะทำให้การเดินทางถึงจุดหมายปลายทางได้ล่าช้าเหมือนกับพฤติกรรมการเดินของหอย และเต่า นั่นเอง ดังนั้นหากไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ (เพราะเป็นความจริง)
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
8 ธันวาคม 2549
แต่เต่า...เขาเดินอย่างระมัดระวังนะคะ...
เขาน่าจะเป็นตัวแทนของความสุขุมนะคะ...
ว่ามั๊ยคะ...คุณอู๋....
(^____^)
กะปุ๋ม
ขอบคุณมากครับทั้ง ดร.กะปุ๋ม และคุณพี่เมตตา
ในประเด็นแรกของ ดร.กะปุ๋ม ผมก็เห็นด้วยครับ แต่คิดว่าเป็นความเชื่อที่เขาว่ากันมาแต่โบราณน้อ
ประเด็นที่สอง คงไม่ถึงกะนั้นหรอกครับพี่เมตตา แต่ก็พอเล่าสู่กันฟังได้ครับ
ขอบคุณ และขอเป็นแรงใจนะครับ
จริงๆแล้วผมไม่อยากแซว
แต่อดไม่ได้จริงๆ
บิดเรื่องเต็มที่แล้วได้เท่านี้หรือเปล่า
ที่จริงแล้วเกษตรประณีตมีพื้นที่น้ำด้วยอยู่แล้ว
แต่ประเด็นที่พยายามบิดเข้าหา ยังไม่เข้าประเด็น มีชัดกว่านี้อีกตั้งหลายกรณี
อาจารย์อุทัยค่ะ ถ้ามีหอยบ่งบอกถึงความยั่งยืนและความสมบูรณ์ค่ะ ถ้าแปลงเกษตรประณีตมีน้ำท่าอุดมสมบรณ์ เกษตรกรสามารถเลี้ยงหอยได้หลายชนิด เช่น หอยขม หอยปัง หอยกาบ( ยกเว้นหอยเชอรี่ที่สังคมรังเกียจมากหน่อย) ถ้ามีหอยเหล่านี้รับรองการพึ่งตนเองในเรื่องอาหารจากหอยจะให้ประโยชน์ทั้งแก่คนและสัตว์แน่นอนค่ะ
มาอีกรอบคะ...
แวะมาดู Advisor คุยกับ Advisee คะ...
....
(^____________^)
กะปุ๋ม