ตด


ในเวลานั้น ผมค่อยๆสอดนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าไปยังช่องคลอดของเธออย่างนิ่มนวล 

“รู้สึกใช่ไหม” ผมถาม

“ค่ะ” เธอตอบ

“ดีครับ คราวนี้ก็ลองพยายามหนีบช่องคลอดนะครับ” ผมแจ้งให้เธอคนนั้น ซึ่งมีอาการกระเพาะปัสสาวะไวเกิน ได้พยายามขมิบช่องคลอดโดยมีนิ้วผมสอดคาอยู่อย่างนั้น

“ไม่กระดิก” ผมกำลังหมายความว่าเธอไม่สามารถขมิบช่องคลอดได้

“ลองพยายามอีกนิดนะครับ ถ้าไม่ชินกับการขมิบหนีบช่องคลอด ก็นึกเสียว่าขมิบตูด” การอธิบายเรื่องขมิบช่องคลอดนั้นช่างยากเย็นเสียนี่กระไร

“ยังไม่กระดิก” เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเสมือนเรื่องปกติในคลินิกนรีเวชของผม

“การขมิบช่องคลอด เป็นการรักษาโรค” เชื่อไหมครับ

การขมิบช่องคลอด คือการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือที่บางคนอาจจะเรียกว่า “กระบังลม”

กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานคือชุดกล้ามเนื้อที่สำคัญ เพราะมันรองรับอวัยวะภายในของเราไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะของผู้หญิง มันรองรับกระเพาะปัสสาวะ มดลูก และทวารหนัก โดยมีรูเปิดออกถึง ๓ รู นั่นคือ รูท่อเยี่ยว รูช่องคลอด และรูตูด

งานของผม คือการดูแลรักษาและฟื้นฟูกล้ามเนื้อกลุ่มนี้นั่นเอง เพราะเมื่อมันเสื่อม มันหย่อน มันก็จะทำให้ ช่องคลอดหย่อนยาน ไม่กระชับ มดลูกต่ำหรือโผล่ รวมถึงฉี่เล็ดได้

การขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ยังช่วยให้สมรรถภาพทางเพศของเราดีขึ้น เราจะสามารถควบคุมการถึงจุดสุดยอดทางเพศได้หากกล้ามเนื้อชุดนี้แข็งแรง

นึกสิ นึก

ช่วงที่มีออกัสซั่ม ตอนที่เรากำลังถึงจุดสุดยอดทางเพศ นอกจากความรู้สึกเสียวซ่านสะท้านทรวงทะลวงจิตอยู่นั้น กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานของเราจะขมิบเป็นจังหวะ ตู๊บ ตู๊บ ตู๊บ แบบนี้ ใช่ไหม ถึงตอนนั้น ผู้ชายก็จะหลั่งอสุจิออกมา และคราง

ต่อๆๆ

“ลองนึกถึงตอนปวดฉี่ แล้วต้องหนีบมันแรงๆ” ผมพยายามบอกเทคนิคการขมิบที่ถูกต้อง แต่เธอจัดการมันด้วยการใช้กล้ามเนื้อแก้มก้นแทน

“ไม่ใช่ครับ เอาใหม่ เธอเคยรู้สึกปวดตดเวลาที่มีคนอยู่เยอะๆบ้างไหม” ผมดึงนิ้วออกมาแล้วถามคนไข้ที่นอนอยู่ตรงหน้า

เธอพยักหน้าแทนการตอบ

“เออ นั่นแหละ แล้วเธอพยายามกลั้นมันไว้ไง ไม่ตดในที่ชุมมชน มันน่าอาย” ผมพยายามโน้มน้าว

........................

บางทีผมก็อยากจะบอกว่า การได้แอบตดในที่ชุมชนนี่มันคือสุดยอดของความกดดันแต่แฝงไว้ด้วยความหฤหรรษ์

ผมเคยมีเรื่องที่รู้สึกอัดอั้นมานานเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับ “ตด”

เมื่อคราวเรียนหมออยู่ชั้นปีที่ ๑ ช่วงปลาย คราวนั้นพี่ๆที่ทำงานในสโมสรนักศึกษาแพทย์พาออกไปประชุมนอกสถานที่ ผมและเพื่อนอีกสองสามคนต้องไปเข้าร่วมประชุมด้วยเพื่อรับทราบนโยบายและแผนในการทำงานของปีหน้า

เราต้องไปประชุม เพราะกำลังจะขึ้นชั้นปี ๒ เรากำลังจะมีรุ่นน้อง เรากำลังจะต้องเตรียมจัดการรับน้องใหม่ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่สำคัญมากๆสำหรับคนที่กำลังจะได้เป็นรุ่นพี่กับเขาเสียที

“อุทยานเขาปู่เขาย่า” จังหวัดพัทลุง คือสถานที่แห่งนั้น

มันสวย สงบ เย็นและชื้น และมันจะเงียบลงแทบจะทันทีเมื่อความมืดเริ่มปกคลุม เสียงที่ได้ยินคงมีเพียงแมลง เสียงของหมู่สัตว์กลางคืน และเสียงหึ่งๆจากเครื่องปั่นไฟของสำนักงาน (นั่นมันคือช่วงเวลาต้นปี ๒๕๓๔ เชียวนะ)

การประชุมช่วงค่ำได้เริ่มขึ้นหลังจากมื้อเย็นอันแสนอร่อยยังไม่ทันย่อย

นายกสโมสร และทีมอุปนายก ล้วนเป็นพี่ๆชั้นคลินิก แต่ละคนคือไอด้อล เพราะใครๆเขาก็บอกมาว่า นักเรียนแพทย์มันเรียนหนัก แล้วนี่พี่ๆก็เรียนหนัก และยังต้องมาทำงานสโมสรซึ่งเป็นงานส่วนรวมกันอีก “โห..มันต้องเก่งแบบสุดๆ” ผมนึกในใจ

สาระการประชุมหลายๆเรื่องมันน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะเรียนหมอมาจนจะครบปีแล้ว หลายกิจกรรมที่พวกเขาคุยกันจึงได้เคยเข้าร่วม ยิ่งเป็นนักกิจกรรมจ๋าอย่างผมนี่ เรียกได้ว่า เอามันทุกงานเลยก็ว่าได้

การถกเถียง คือเรื่องปกติ

การออกนอกเรื่อง ก็คือเรื่องปกติ

การเสนอไอเดียใหม่ๆ มันก็เป็นปกติ

ผมรู้สึกสนุกจริงๆ

“ปู้ดดดดด” 

.

.

.

.

สิ้นเสียงตดปู้ดนั้น ห้องประชุมเงียบลงในบัดดล 

เงียบกริบ

มันเงียบเสียจนเสียงของไอ้แมลงปีกแข็งตัวนั้นที่บินชนกระจกดัง “ปุ๊ก” สามารถทำให้ผมสะดุ้งได้

“ไอ้แป๊ะ ไอ้แป๊ะ” เสียงนี้ดังขึ้นมาอย่างได้จังหวะ 

“ไอ้แป๊ะตด” เพื่อนผมคนหนึ่งมันถือจังหวะนี้ตะโกนขึ้นมาและชี้มาทางผม

ถึงเวลานั้น ทุกคนในห้องประชุมก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

ผมก็หัวเราะเพราะมันตลก

แต่เอ๊ะ......

“เดี๋ยวๆๆๆๆ ผมไม่ได้ตด” ผมเพิ่งรู้สึกตัว

“มึงนั่นแหละตด” ผมชี้ไปทางมัน

แต่นั่นแหละ เมื่อมีคนบอกว่าผมตด ก่อนที่ผมจะเข้าใจและพยายามอธิบายนั้น มันจึงไม่ใช่การอธิบายอีกต่อไป “มันคือการแก้ตัว”

“ไอ้แป๊ะ มึงนี่ พี่เค้าประชุมเครียดๆกันอยู่ มึงตดเสียงดังไปมั้ย” ยัง มันยังไม่เลิก

ไอ้เพื่อนของผมคนนั้น ซึ่งหากจะพูดไปแล้ว มันคือนักตดตัวยงของรุ่น ผมเชื่อว่า พวกเราเกินครึ่งรุ่นน่าจะได้ฟังเสียงและดมกลิ่นตดของมันมาบ้างแล้ว

แล้วไง ตอนนี้มันตด แล้วมันโยนความผิดมาให้ผม ผมต้องอับอายต่อหน้าบรรดาเหล่าไอด้อลทั้งหลาย และผมเชื่ออย่างสุดตัว ว่าหากพี่ๆยังคงจำเสียงตดในค่ำวันนั้นได้ พวกเขาน่าจะยังคงเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าคนตดคือ “ไอ้แป๊ะ” 

คืนนั้น ผมนอนเศร้าใจท่ามกลางผืนป่าอันบริสุทธิ์ 

เสียงแมลงกรีดร้อง ไม่สามารถทำให้ผมสุขใจ

ลมเย็นในป่าลึก ไม่ทำให้ผมหายร้อนรุ่ม

การถูกใส่ร้ายนี่มันคือบาดแผล

หรือนี่กระมัง ที่เป็นสาเหตุให้การแอบตดในที่สาธารณะ มันคือสุดยอดแห่งความกดดัน อันที่จริงมันคืองานศิลป์ใช่ไหม การค่อยๆปล่อยให้ลมเล็ดออกมาโดยไร้เสียงมันคือฆาตกรรมบันเทิง การเฝ้าลุ้นว่ากลิ่นเป็นเช่นไร แล้วจับกิริยาคนในวงให้ได้ ว่าใครรู้สึกบ้าง มันคือสุขนาฏกรรมชัดๆ

.........................

เธอเคยรู้สึกปวดตดเวลาที่มีคนอยู่เยอะๆบ้างไหม” ผมดึงนิ้วออกมาแล้วถามคนไข้ที่นอนอยู่ตรงหน้า

เธอพยักหน้าแทนการตอบ

“เออ นั่นแหละ แล้วเธอพยายามกลั้นมันไว้ไง ไม่ตดในที่ชุมมชน มันน่าอาย” ผมพยายามโน้มน้าว

“ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยกลั้นค่ะ อยากตดก็ตดเลยค่ะ มันไม่มีเสียง”

“หูย....แซบจริงๆ” ผมตบมือผาง และเชิญเธอลงจากเตียง

“ผมแพ้ทางเธอจริงๆ” 

ธนพันธ์ ชูบุญกับบาดแผลทางจิตใจ

๑๒ ธค ๖๑

หมายเลขบันทึก: 658788เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2018 15:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม 2018 15:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

บางทีก็ปล่อยเป็นระยะ ๆ ถ้าเก็บไม่อยู่ หรือบางที หันซ้ายแลขวา ปลอดคนก็เบ่งตดสุดชีวิตเหมือนกันครับ มันคือการปลดปล่อย 5555

ขำกลิ้ง!!! ไปกับคุณหมอ ทุกครั้งที่ได้อ่าน อย่างน้อยบันทึกนี้ ก็ทำให้ทุกคนรู้ว่า เสียงนั้น ไม่ใช่ของคุณหมอแหล่ะค่ะ เอ๊ะ ! หรือว่าใช่ ชักไม่แน่ใจ

น่าจะรวมเล่มนะคะ เป็นนักเขียนได้อีกหนึ่งอาชีพเลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท