ล่าสุดกิจกรรมคืนเหย้าศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาสารคามเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 ผมออกแบบกิจกรรมหลังพิธีเปิดในแบบที่ตนเองชอบ - ใช่ครับ ยืนยันว่า "ในแบบที่ตนเองชอบ"
เชื่อไหม - ผมพยายามชวนใครๆ นำศิลปะมาบูรณาการเป็นการแสดงร่วมกันมาร่วม 10 ปี แต่ก็เกิดขึ้นไม่ได้เลยในวิถีกิจกรรม จะด้วยทีมงานไม่เข้าใจ นิสิตไม่เข้าใจ หรือทุกภาคส่วนไม่ "อิน" ด้วยกับผมก็เถอะ
คืนเหย้าฯ ครานี้ ผมไหว้วานพี่ๆ น้องๆ มารังสรรค์สิ่งนี้ร่วมกัน ด้วยการนำบทกวี (วรรณศิลป์) เพลง -ดนตรี (ดุริยางคศิลป์) ภาพวาด (ทัศนศิลป์) มาประยุกต์เป็นกิจกรรมแสดงบนเวทีร่วมกันบนฐานคิด "ศิลปะทะลุมิติ" เป็นหนึ่งเดียว หรือ "ใจเชื่อมประสานใจเป็นหนึ่งเดียว"
เชื่อไหม - พยายามตั้งโต๊ะปรับจูนแต่งความเข้าใจในค่ำคืนก่อนงาน แต่ไม่สำเร็จ เพราะ "ไม่ครบองค์" กล่าวคือ น้องๆ แต่ละคนเดินทางมาถึงไม่พร้อมกัน บ้างมาหัวค่ำ บ้างมาถึงดึกดื่น รวมถึงมาถึงเช้่ารุ่งเลยก็มี -
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงทำดีที่สุดคือการทำความเข้าใจถึงเจตนารมณ์ที่ว่าด้วยกิจกรรมดังกล่าว พร้อมๆ กับการนัดหมายว่า “พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันอีกที”
ครั้นรุ่งเช้า - ผมและน้องๆ ก็พบปะพูดคุยกันในแบบครบองค์ เป็นการพูดคุยก่อนงานเริ่มไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พูดคุยแนวคิดสั้นๆ จากนั้นก็ปล่อยให้ทุกคนได้ซักซ้อมร่วมกัน
ใช่ครับ- เราต่างใช้เวลาปรับจูนแต่งความเข้าใจกันในรุ่งเช้าก่อนขึ้นเวทีไม่กี่นาที เป็นไม่กี่นาทีแต่ลงตัวอย่างน่าประทับใจ
เป็นไม่กี่นาทีที่ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันได้ปรับจูนถึงบางสิ่งที่ต่างคนต่างพร้อมที่จะเทใจทำร่วมกันในนิยามเดียวกัน
โดยส่วนตัวผมมองว่า ในบรรดาเหตุผลอันมากมายนั้น หนึ่งในนั้นคงเนื่องเพราะศิลปะไร้พรมแดนนั่นเอง จึงทำให้ทุกอย่างกลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวอย่างแสนวิเศษ หรือแม้แต่เป็นเรื่องของหัวใจที่ไร้พรมแดนด้วยก็เป็นได้ที่ทำให้อะไรก็เกิดขึ้นอย่าง "ง่ายดาย" และในความง่ายดายที่ว่านั้น ในมุมคิดของผมก็คือความ "ง่ายงามที่แสนงามและแสนวิเศษ"
ผมดีใจที่กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นและดำเนินการไปได้ด้วยดี หรือกระทั่งจบลงอย่างงดงาม
แน่นอนครับ ฟังดูผมอาจสรุปเองว่าดี แต่ก็อยากเชื้อเชิญทุกท่านได้ลองเสพสัมผัสดูว่า “ง่ายงาม –แสนงานและแสนวิเศษ” เหมือนที่ผมรู้สึกหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ นี่คือการคืนเหย้าของเหล่าบรรดาขุนพลกิจกรรมในแบบใจนำพาศรัทธานำทาง หรือบันเทิงเริงปัญญาที่แอบอิงอยู่กับความงามของศิลปะ และเป็นการบอกเล่าเก้าสิบที่อ้มอวลด้วยอุดมคติ และอุดมการณ์ที่ควรค่าต่อการเปิดใจเรียนรู้-สัมผัส
มหาวิทยาลัยมหาสารคามมีอะไรที่ให้เราเรียนรู้ได้ตลอดเวลาจริง ๆ ;)…
สวัสดีครับ อ.วัส Wasawat Deemarn
สารภาพกันตรงๆ งานนี้จะว่าสนองกิเลสส่วนตนก็ไม่ผิด แต่ก็ยังมองบวกว่าสิ่งที่ทำนั้น จะเป็นข้อมูลในการให้คนอื่นๆ ได้ทบทวนในเชิงกระบวนทัศน์ว่าด้วยที่มาที่ไปของการจัดกิจกรรมและการขับเคลื่อนในครั้งถัดไป ทั้งในงานนี้โดยตรงและงานอื่นๆ ที่จำต้องใช้ศิลปะเข้ามามีบทบาทในการสร้างบรรยากาศ
เพียงแต่ว่าผมชอบแนวนี้ กวี เพลง ดนตรีอีสานและสากล ภาพเขียน/ภาพวาด นำมาประยุกต์เข้าด้วยกัน -
ถ้าสนองกิเลสตน แล้วคนอื่นชอบบ้างก้ถือว่าสำเร็จค่ะ
ครับ พี่ แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช
จะว่าไปแล้ว หากไม่มองว่าเข้าข้างตนเองเสียมากมาย คนก็ชอบมากโขนะครับ นิ่งเงียบ ปรบมือเป็นระยะๆ ตอนต้นที่แต่ละคนได้แสดงบทบาทตนเองบนเวที ไลด์สดกันก็เยอะ ส่วนหนึ่งคงเพราะเป็นกิจกรรมแปลกใหม่ที่เพิ่งจัดขึ้นได้
และที่สำคัญภาพที่วาดสดๆ นั้นก็ประมูลนำเงินมาเป็นทุนการศึกษา/กองทุนของน้องนิสิตที่เป็นศิษย์ปัจจุบัน ครับ
รวมพลคนหัวใจเดียวกัน