อวนกินได้


พูดถึง “อวน” ผมก็นึกไปถึงอุปกรณ์ที่เป็นแหใหญ่ๆ ใช้เรือลากไปเพื่อจับปลาในทะเล

เรืออวนลาก เห็นดาษดื่น

เรืออวนรุน เรือที่ทำลายทรัพยากรผิวหน้าพื้นทะเลอย่างแหลกราญ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอแล้ว

เรารู้จักอวนแบบนั้น แต่ใครจะไปรู้ “อวน” กินได้ มันคือ อวนหมู

.....................

“อวนหมู”

มันคืออาหารใต้ชนิดหนึ่ง บอกตามตรงว่าเพิ่งเคยเห็นเคยกินก็คราวนี้

“พี่สา แล้วไอ้นี่มันต่างอะไรกับหนางล่ะ” พี่สา คือพี่สะใภ้ที่ทำอาหารพื้นบ้านถิ่นสมุยที่อร่อยที่สุดในโลกของผมตอนนี้ (ไม่นับรวมทวดและยาย ที่ทำได้อร่อยอย่างแรง แต่แกตายไปนานมากแล้ว) เธอตอบว่า “ไม่เหมือนกัน”

“ก็รสชาติแบบนี้ มันไม่เห็นจะต่างกันเลย” ผมแย้งออกมา เพราะได้เคยซดน้ำซุปหนางเนื้อมาครั้งหนึ่ง มันก็ออกจะเปรี้ยวๆเค็มๆแบบนี้แหละ

“อวน ใส่ข้าวคั่ว ส่วนหนาง ไม่ใส่” เธอตอบมา

อวนหมู ทำไมจึงใช้ชื่อว่า อวนหมู ผมก็ไม่รู้นะครับ แต่กระบวนการทำมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก

นำเนื้อหมู ๓ ชั้น มาหั่นให้ชิ้นเล็กๆพอคำ

“ใช้หัวหมูนะ เอามันมาอวนแล้วจะอร่อยกว่าเนื้อส่วนอื่นๆ” พี่สาบอกมา

“เอาหมูไปลวกก่อน จากนั้นนำมาหมักกับเกลือและข้าวคั่ว แล้วเอาไปแช่เย็น แช่ข้ามวันได้เลย” ผมเข้าใจว่า กระบวนการนี้จะทำให้หมูเริ่มบูดหน่อยๆ จากการให้จุลินทรีย์ต่างๆเริ่มออกมาย่อยสลายเนื้อ มันจะทำให้เกิดรสเปรี้ยวและเนื้อนุ่มขึ้น (ปล. ผมมโนเองนะครับ อย่าได้รับไว้เป็นความรู้) 

“หมูเริ่มบูด” ผมสรุปเอง

ตั้งไฟให้ร้อน ทุบตะไคร้ทั้งต้นให้บุบโยนลงไป (ระวังน้ำร้อนกระเด็นมาโดนนะ) หย่อนหอมแดงใส่ลงไปเบาๆ เพราะเมื่อกี๊น้ำร้อนกระเด็นจริงๆ (บ้าเอ๊ย) หอมนั้นจะทุบหรือไม่ทุบก็คงไม่แตกต่างมั้ง ใส่เกลือหรือน้ำปลานิดหน่อย อย่าเยอะ ค่อยๆชิมเอา อย่าลืมว่า หมูบูดกองนั้น มันถูกคลุกเกลือมาบ้างแล้ว ตามด้วยลูกตะลิงปลิง (คนแถบสมุยบ้านแม่ผมเรียกมันว่า ลูกมุงมัง) 

จนกระทั่งเจ้ามุงมังเริ่มนิ่มจึงได้ฤกษ์ได้ทีเอาหมูหมักนั้นใส่ลงไปในน้ำเดือด คนคนคน ไม่ต้องนาน เพราะเดี๋ยวหมูมันจะเปื่อยจนเกินไป

“อวนน่ะ ต้องเนื้อเหนียวพอเคี้ยวได้บ้าง อย่าให้เปื่อยจนเกินไปนัก เดี๋ยวจะไม่อร่อย” แม่ครัวตัวเอ้บอกมา

อันที่จริงก็ไม่ต้องเปื่อยจริงๆนั่นแหละ เพราะไอ้ส่วนที่เป็นหมูเนื้อขาวน่ะมันแสนจะนุ่มชุ่มปากจะตายอยู่แล้ว แค่เข้าปาก มันก็แตกละลายคาลิ้นอยู่ตรงนั้นนั่นเอง

“อวนหมู”

เมื่อวานผมขับรถกลับบ้านดอนเพื่อไปร่วมงานสำคัญ ถึงบ้านก็ราว ๕ ทุ่ม 

หลังจากเก็บของเข้าบ้านเรียบร้อยผมก็เดินไปบ้านน้า ซึ่งเป็นสถานซ่องสุมของบรรดาญาติๆทั้งหลายทึ่เดินทางมาจากทั้งสมุยและหลังสวน

แน่นอนที่กับข้าวกับปลาทั้งหลายมันยังถูกนำออกมาตั้งสำรับอยู่ไม่ขาด

แกงคั่วปลาอินทรีย์เค็ม

แกงส้มปลาอะไรสักอย่างกับสัปปะรด

แกงเนื้อ

สะตอ ลูกเนียง

และ อวนหมู

ข้าวสวยร้อนๆถูกนำออกมาวางไว้ ผมราดด้วยแกงเนื้อ ตักเข้าปาก แกะสะตอละเลียดปากทีละเม็ด ทีละเม็ด ทีละเม็ด ทีละเม็ด ทีละเม็ด (พอแล้ว..)

ข้าวหนึ่งคำ สะตอครึ่งฝัก ใครสักคนเคยบอกผมว่า สะตอ กินเม็ดเดียวกับกินฝักเดียว ปากเหม็นเท่ากัน

ผมค่อยๆตักอวนหมูขึ้นมา อารมณ์ประมาณตักแกงจืด 

ซด

“พรูดดดดดด” เสียงดังเบาๆพอน่ารัก ทำตาเคลิ้ม รสเปรี้ยวนำ เค็มพอตัดลิ้น อูย...โคตรอร่อย

ตักลูกมุงมังขึ้นมาเคี้ยว อูย...เปรี้ยวกำลังดี 

ตักหมูสามชั้นชิ้นนั้นมา อมไว้ในปาก ใช้ลิ้นและเพดานปากบี้ให้มันมันแตกและละลายก่อน อูย...ฟิน

ค่อยๆเคี้ยวส่วนที่เป็นหนังและเนื้อแดง อูย...เคี้ยวไปปล่อยให้รสชาติหมูบูดมันกระตุ้นต่อมรับรสให้นานๆ

อาหารพื้นบ้านที่ผมเองก็งง ว่ามันผ่านเลยชีวิตผมไปได้ยังไงตั้งกว่า ๔๐ ปี

ผมยังคงแกะสะตอละเลียดปากทีละเม็ด ทีละเม็ด

ข้าวหนึ่งคำ สะตอครึ่งฝัก ใครสักคนเคยบอกผมว่า สะตอ กินเม็ดเดียวกับกินฝักเดียว ปากเหม็นเท่ากัน

แต่เขาคงลืมบอกว่า เวลาขี้ออกมานั้น สะตอเม็ดเดียว กับสะตอทั้งฝัก มันเหม็นไม่เท่ากัน

ไม่เท่ากันเลยจริงๆ อูย...ส์

ธนพันธ์ ชูบุญอวนหมูอวนลากไม่เอาอวนรุน

๑๒ สค ๖๑


หมายเลขบันทึก: 649524เขียนเมื่อ 12 สิงหาคม 2018 22:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม 2018 22:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คำว่า “อ้วน” มาจากคำว่า “อวน” นี่เองครับ ….แฮะๆๆ

ใช่ค่ะ อ.ต๋อย ถ้าจะกินอวนหมูของ คุณหมอ รับรองอ้วนแน่ ๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท