ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับวิทยาการที่แปลกใหม่เข้ามา ศาสตร์ทุกศาสตร์จึงไม่หยุดนิ่ง มีการคิดค้นและพัฒนา..อย่างไม่หยุดยั้ง
ด้วยกระบวนการคิดค้น สังเกต ทดลองและวิจัย จึงพบว่า..ความรู้และความเชื่อบางอย่าง ต้องตกยุค แล้วหันมาปรับเปลี่ยนหลักการและทฤษฎีกันใหม่
ศึกษาและเรียนรู้กันไปไม่จบสิ้น จึงไม่ควรไปยึดติดกับตำรามากเกินไป..จงให้ความสนใจกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้า แล้วหาข้อมูลให้ครบถ้วน ตรงตามบริบท
ผมจึงไม่เห็นด้วย..ที่นโยบายทั้งหลาย มักจะนำครูออกนอกห้องเรียน ไปอบรมสัมมนากับผู้เชี่ยวชาญข้างนอก ที่ไม่เคยสอนหนังสือ และไม่เคยเห็นปัญหาที่แท้จริง
นักเรียน..มาจากครอบครัวและชุมชนที่แตกต่างกัน แต่ละโรงเรียนจึงพบปัญหาที่ไม่เท่ากัน..แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะมีปัญหาด้านการเรียนรู้ทั้งสิ้น
ปัญหาการเรียนรู้ของผู้เรียน..ต้องแก้ด้วยตัวครู ที่ครูต้องสังเกตแล้วจะพบความแตกต่างระหว่างบุคคล แตกต่างกันทั้งความสนใจ ความชอบ และความสุขในการเรียน
อย่างเช่น..วันนี้..ก่อนที่ผมจะสอนการเขียนเรื่องจากภาพ ชั้น ป.๓ ก็ต้องปูพื้นฐานกันก่อน..จากง่ายๆ ไปสู่ความยากมากขึ้น
ผมใช้หนังสือแบบเรียนภาษาไทยที่ชื่อ..วรรณคดีลำนำ..กับหนังสืออ่านนอกเวลาที่เป็น..วรรณกรรมเสริม..ด้วยวิธีการของผม ส่วนครูจะสอนหลักภาษาไทยอย่างไร? เป็นเรื่องของครูประจำชั้น
ผมเพียงแค่สอนเสริม..เพื่อนำไปสู่การอ่านคล่อง เขียนคล่อง และคิด วิเคราะห์ ที่เป็นเครื่องมือ..ในการเรียนรู้วิชาอื่นๆ รวมทั้งวิชาชีวิต
เมื่อเริ่มสอน..ก็จะไม่ดูขั้นตอนในตำรา แต่รู้ว่า..ในตำราที่มีวรรณกรรม มีตัวหนังสือเดินไปเดินมา น่าสนใจ ผมจะให้นักเรียนอ่านออกเสียงพร้อมกัน..
จากนั้น..ให้อ่านทีละคน..ในจุดนี้ เพื่อดึงความสนใจสู่การรวมศูนย์ ผมจะให้ความสนใจเด็กทุกคน ให้โอกาสเด็กทุกคนในการอ่าน
ไม่จำเป็นต้องอ่านจบเรื่องหรือจบบท..เพราะช่วงความสนใจของเด็กมีความจำกัด ป.๓ จะนานกว่า ป.๒ และป.๓..จะอ่านคล่องกว่า ป.๒ จึงต้องเน้นการเขียนที่ป.๓..เป็นกรณีพิเศษ
ผมบอกนักเรียนให้เขียนคำ ทั้งหมด ๑๐ คำ ให้เขียนทีละคำ เป็นคำ ๒ – ๓ พยางค์..แต่ละคำที่เด็กเขียน ผมให้ค้นหาจากหนังสือ
ตรงนี้..คือความสนุก ตื่นเต้น และมีความสุข..ที่สุดของเด็ก เพราะเด็กทุกคนจะเขียนถุกต้องทุกคำแน่นอน..และจะเขียนสวย เพราะตั้งใจเขียน..
การเขียนตามคำบอก..โดยที่ไม่ต้องดูหนังสือ ก็ย่อมทำได้ แต่ผมเก็บไว้ก่อน ตอนนี้อยากให้เด็กได้ประสบความสำเร็จบ้าง..ปูทางไปสู่ความสนใจในการเขียนเรื่อง
จากนั้น..ขั้นสุดท้าย ผมให้นักเรียนเขียนเรื่องราวเชิงจินตนาการ โดยใช้คำทั้ง ๑๐ คำนั้น..มีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียว..ต้องไม่ใช่เรื่องที่นักเรียนกำลังอ่านอยู่
แต่เป็นเรื่อง..ที่นักเรียนประสบพบเห็นในชีวิตประจำวัน หรือจะสมมุติขึ้นมาก็ได้ แต่ต้องตั้งชื่อเรื่องก่อนลงมือเขียน..
นี่คือ..การสอนเขียนของผมในวันนี้..ที่ได้ผลดี กล่าวคือ นักเรียนสนใจที่จะเขียน นักเรียนใช้ความคิดและจินตนาการ เขียนได้ยาวมาก และลายมือสวย
เครื่องมือสำคัญ คือถ้อยคำที่เขามีแล้ว และสื่อความหมายได้ว่าคืออะไร? สามารถนำไปใช้เล่าเรื่องได้
การบ้านของผม..ให้นักเรียนเขียนภาพ..จากเรื่องที่นักเรียนเขียนเล่าให้ครูอ่าน เปลี่ยนแปลงเรื่องราวให้เป็นภาพ..ตรงนี้ผมคิดว่าจะเป็นการง่ายสำหรับนักเรียน
เพราะเป็นเรื่องของเขาเอง..เขาจะรู้ว่าจะเป็นภาพอะไร ..และมีใครบ้าง..?
ผมคิดว่า..ถ้านักเรียนเขียนเรื่องและวาดภาพประกอบได้..ขั้นต่อไปที่ยากขึ้น คือการเขียนเรื่องจากภาพ..จะช่วยให้ปัญหาน้อยลง..ในแง่ของรายละเอียดและทักษะ..ที่นักเรียนสามารถคิด และวิเคราะห์ได้ดียิ่งขึ้น.. หากผมได้สอนบ่อยๆ และฝึกประสบการณ์ทางการสอนแบบนี้ ที่ประยุกต์ใช้วิธีการสอนด้วยตนเอง ด้วยการสังเกตความสนใจและพัฒนาการของผู้เรียน สักวันผมก็คงได้วิธีการปฏิบัติที่ดีแน่นอน
การเป็นครูจึงไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ต้องคิดเยอะ ทำเรื่องง่ายๆ และทำเรื่องเล็กๆ ก่อนที่จะทำเรื่องใหญ่ จึงไม่ควรที่ใครจะมาคิดแทนครูไปหมดทุกเรื่อง ..
มันทำให้สิ้นเปลืองเวลาและงบประมาณโดยใช่เหตุ..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๔ มิถุนายน ๒๕๖๑
เด็ก ๆ ลายมือสวยกว่าผมมากมาย
ผอ.สอนเขาอย่างไรกันครับเนี่ย ;)...