ชีวิตที่พอเพียง : 165. คุยเรื่องอนาคต


          คืนวันที่ ๒๘ ตค. ๔๙ หลังอาหารเย็น     เราก็จับกลุ่มคุยกัน   น้องชายนัก "แพ้รัก" ผู้มีสวนถึง ๗ สวน  บอกว่าต่อไปในอนาคตจะหาแรงงานลูกจ้างทำสวนยากขึ้นเรื่อยๆ      ตนจึงวางแผนเปลี่ยนสวนอื่นๆ ไปเป็นสวนปาล์มน้ำมัน     เพราะสวนปาล์ม ๑๐๐ ไร่ ต้องการคนงานเพียง ๑.๕ คน     ในขณะที่สวนยางต้องการ ๖ - ๗ คน     ยิ่งสวนมะนาว ยิ่งต้องการการดูแลใกล้ชิดมาก

        ภรรยาถามน้องคนที่สอง ว่าจะอยู่ที่เชียงรายตลอดไปหรือไม่ เพราะเชียงรายเป็นเมืองที่น่าอยู่      น้องบอกว่าคงจะไม่    แก่ๆ แล้วคงจะมาอยู่กรุงเทพกับลูก     เพราะลูกคงจะทำงานที่กรุงเทพ     นี่ก็เป็นการเตรียมตัวแก่

        ภรรยาถามผมว่าจะเลิกทำงานเมื่อไร     ผมตอบว่า เมื่อตาย หรือเมื่อไม่มีคนเขาใช้แล้ว     เพราะความรู้ความสามารถที่มีไม่เป็นที่ต้องการ     นี่ก็เป็นการ (ไม่) เตรียมตัวเพื่ออนาคตแบบหนึ่ง

        ที่จริงเราคุยกันสารพัดเรื่อง     น้องคนที่สี่ เล่าเรื่องญาติบ่น ว่าติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินในจังหวัด ให้ไปรังวัดที่ดินหลายเดือนแล้ว ก็ยังไม่ไปดำเนินการเสียที     ญาติต้องการขายที่ดินมรดกประมาณ ๑๒ ไร่ ให้ญาติอีกคนหนึ่ง     เขามาบอกน้องชายให้ช่วยไปเร่ง น้องชายบอกว่ามันเป็นธรรมเนียมที่จะต้องจ่ายสินบน งานจึงจะเดิน     มิฉะนั้นเขาก็จะไปทำงานให้คนอื่นก่อน     ผมนั่งฟังเฉยๆ เพราะผมไม่เห็นด้วยกับความคิดเช่นนี้

        น้องชายคนเล็ก เล่าเรื่องการต่อสู้เรื่องโดนปรับเรื่องภาษีเงินได้     จนในที่สุดชนะกรมสรรพากร     น้องเขาใช้วิทยุรัฐสภา เป็นที่ รายงานการตรวจสอบการปฏิบัติงานแบบไม่รับผิดชอบของหน่วยราชการ      แต่ก็มีคนจำนวนมากไม่เห็นด้วย    ว่าไม่ควรทำ เพราะมีแต่จะก่อศัตรู      น้องผู้ "แพ้รัก" เล่าเรื่องไปขอหลักฐานที่ที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร เพื่อให้ปลัดอำเภอลงนามรับรองสำหรับนำไปทำพาสปอร์ตให้ลูกชายไปเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลีย     เสมียนทำให้เขาต้องกลับไปเอาหลักฐานทีละอย่าง รวม ๔ เที่ยว แล้วสุดท้ายก็บอกว่าปลัดอำเภอไม่อยู่เสียแล้ว     ต้องรอตอนบ่าย     น้องชายบอกว่าตอนบ่ายติดธุระ และเรื่องนี้ก็ต้องการด่วน จะขึ้นกรุงเทพเอาไปทำพาสปอร์ต     เสมียนบอก ก็ช่วยไม่ได้เพราะปลัดอำเภอไม่อยู่     น้องชายโกรธมาก บอกว่าขอเอกสารคืนทั้งหมด จะเอาไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามเอง      เสมียนบอกไม่ได้ ต้องให้ปลัดอำเภอเซ็น     น้องบอกว่าเรื่องของผม ผมจัดการเอง      เสมียนจะไม่ยอมให้เอกสาร ว่าตนจะทำให้เอง     น้องเอาเอกสารจากเสมียนจนได้ และเอาไปให้ญาติที่เป็นรองผู้ว่าฯ เซ็นแกร็กเดียวก็เรียบร้อย 

         เรื่องบ่นหน่วยราชการนี้เรามีเรื่องเล่ากันมากมาย     อีกเรื่องหนึ่งที่คุยกันแล้วออกมาทุกที     คือความไม่สุจริตในราชการ     น้องเขาเล่าเรื่องค่าเวนคืนที่ดิน และชดเชยอาสิน ในการขยายถนนปรมินทร์มรรคา ที่ผ่านหน้าบ้านเป็นสี่เลน     ในช่วงก่อนถึงหน้าบ้านผม ตอนนี้ขยายแล้ว     เล่ากันว่า เจ้าหน้าที่ของแขวงการทางมาตีราคาและตกลงกับชาวบ้านว่าจะตีราคาให้สูงเท่านั้นเท่านี้ แต่ชาวบ้านต้องแบ่งให้เขาเท่านั้นเท่านี้     ชาวบ้านก็ยอม คือร่วมกันโกงเงินของหลวง (ก็เงินภาษีของพวกเราเองนั่นแหละ)   แต่เรื่องมาแตกตรงที่แบ่งกันไม่ทั่วในแขวงการทาง     เลยถูกย้ายยกแผง     แปลกแท้ๆ โกงเงินหลวงโทษแค่ย้ายเท่านั้น

        คุยเรื่องอนาคตอยู่ดีๆ มาลงที่การบ่น    และแสดงความขยะแขยงความไม่รับผิดชอบ ไม่มีจิตบริการ     และการโกง ในราชการ จนได้

วิจารณ์ พานิช
๒๙ ตค. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 64061เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2006 08:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
"...  คุยเรื่องอนาคตอยู่ดีๆ มาลงที่การบ่น    และแสดงความขยะแขยงความไม่รับผิดชอบ ไม่มีจิตบริการ     และการโกง ในราชการ .. "
    ขอบพระคุณแทนลูกหลานไทยในอนาคตครับ
    ท่านผู้ใหญ่ช่วยกันบ่นแบบนี้มากๆ และบ่อยๆ ย่อมส่งผลดีต่ออนาคตเป็นแน่ครับ  อย่างน้อยก็เป็นเครื่องเตือนสติคนที่กำลังประพฤติมิชอบ และที่กำลังคิดจะเลือกเดินทางนั้น ให้เกิดความละอาย เกรงกลัวความบาปความน่าขยะแขยงได้บ้าง และนำไปสู่การ ลด ละ เลิก พฤติกรรมอัปยศในระดับต่างๆได้ในที่สุด.
เรื่องระบบราชการโดยเฉพาะการทำธุรกรรมต่างๆที่ว่าการอำเภอ, สำนักงานที่ดิน, เทศบาล เป็นต้นอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจในการจัดการ ควรจะปรับระบบการทำงานเสียที เพราะคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือราษฎรเต็มขั้นที่ไม่ค่อยรู้เรื่องและก็ขี้เกรงใจและกลัวบารมีคนทำงานสถานที่เหล่านี้จริงๆ...
อ่านแล้วให้รู้สึก.......ผนวกกับประสบการณ์ในตำบลท่ายางและที่อื่นๆ มันเรื้อรัง เรื้อรัง and เรื้อรัง
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท