ผมขอเกริ่นนำบันทึกนี้ด้วยการคัดลอกคำนำของหนังสือประวัติครูเล่มแรก 16 มกราคม 2500 ที่กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของการกำหนดให้มีวันครูครั้งแรก และกำหนดให้จัดทำหนังสือประวัติครู เล่มแรก และทำต่อเนื่องมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน มากล่าวเป็นเบื้องต้นก่อน ความตอนหนึ่งว่า
"เนื่องในพิธีเปิดประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี 2499 ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา กิตติมศักดิ์ ได้ฝากความเห็นต่อที่ประชุมว่า สมควรจัดให้มีวันครูขึ้น เพื่อให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณ ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุมคณะอำนวยการคุรุสภา ซึ่งมี ฯพณฯ พลเอกมังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน จึงลงมติเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2499 รับหลักการในอันที่จะจัดการดำเนินงานวันครู โดยกำหนดวันที่ 16 มกราคม เป็นวันครู สำหรับงานวันครูปีแรก ที่ประชุมลงมติตั้ง นายนาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการอำนวยการคุรุสภา เป็นประธานจัดงานวันครู ประธานกรรมการได้แต่งตั้งอนุกรรมการสาขาต่างๆ เพื่อดำเนินงานในด้านต่างๆกัน สำหรับแผนกประวัติครูนั้น ได้ตั้งให้ผู้มีนามต่อไปนี้เป็นอนุกรรมการ รวบรวมประวัติครูเก่าๆ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ที่มีความสามารถในหน้าที่ เพื่อเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณของครูในอดีตกาล นายรอง ศยามานนท์ เป็นประธานอนุกรรมการ... (ต่อด้วยรายชื่ออนุกรรมการอีก 6 คน) คณะอนุกรรมการพิจารณาเห็นว่า ในศกนี้ จะจัดทำประวัติครูเพียง 10 ท่านก่อน เริ่มแต่พระโหราธิบดี สืบมาจนถึงบรรดาครูบางท่านในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเลือกครูผู้มีความสามารถเด่นในด้านต่างๆกัน เป็นต้นว่า เด่นทางการสอน การปรับปรุงการศึกษา ฯลฯ ..."
นี่คือความเป็นมาโดยย่อของการจัดงานวันครู 16 มกราคมของทุกปี และการจัดทำหนังสือประวัติครูสืบเนื่องมาทุกปี เริ่มจาก 16 มกราคม 2500 จนถึงปัจจุบัน 16 มกราคม 2560 ได้รวบรวมเขียนประวัติครูมา 60 เล่ม รวมทั้งสิ้น 1,018 คนแล้ว โดยจะมีปี พ.ศ. 2507 ปีเดียวที่เว้นไม่จัดงานวันครูและจัดทำหนังสือประวัติครู เนื่องจากเป็นปีที่กระทรวงศึกษาธิการมีอายุครบ 6 รอบ(72 ปี) ได้จัดงานฉลองใหญ่แล้ว จึงนำไปจังงานรวมกัน ณ งานนี้
พูดถึงหนังสือประวัติครู ดังกล่าว ซึ่งผมเชื่อว่าครูและผู้บริหารหลายๆคนไม่เคยได้อ่าน จะด้วยเหตุผลกลใดผมไม่ทราบ ทั้งๆที่เป็นหนังสือที่รวบรวมประวัติสุดยอดครูในอดีตในด้านต่างๆไว้มากมาย ผู้เขียนประวัติแต่ละคนล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทั้งที่เป็นญาติสนิท ผู้ร่วมงาน ผู้คุ้นเคยของประวัติครูแต่ละท่านทั้งสิ้น ช่วงที่หมอให้ผมพักฟื้นหลังการผ่าตัด ร่วม 1 เดือน คนเคยทำงานอยู่นิ่งไม่เป็น รู้สึกเบื่อ จึงไปค้นหยิบหนังสือประวัติครูเล่มเก่าๆที่เคยเก็บไว้(มีไม่ครบทุกเล่ม) บางเล่มพอเปิดขึ้นมากระดาษกรอบร่วงกรู เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ต้องประคับประคองอ่านอย่างทะนุถนอม ด้วยนิสัยความเป็นครู อ่านแล้วก็อยากเล่าให้คนอื่นฟัง และอยากให้คนอื่นอ่านบ้าง แต่ด้วยวัยและสังขารไม่อำนวยนัก ก็ไม่อาจหักโหมเหมือนตอนเป็นหนุ่มๆได้ ทำได้เพียงแค่จุดประกายให้คนเป็นครูอยากอ่านกันเท่านั้น
ตัวอย่าง เช่นหนังสือประวัติครู พ.ศ. 2501 เขียนประวัติครูแต่ละท่านสุดยอดจริงๆ เช่น ประวัติ ครูทิม กาญจนโอวาท ครูใหญ่โรงเรียนสตรีวิทยา ศึกษานารี และเบญจมราชาลัย คนแรกๆ, ครูสมิธ ครูฝรั่งผู้วางรากฐานการศึกษาไทย, เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี(สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ผู้ริเริ่มการฝึกหัดครู โรงเรียนมหาดเล็กหลวง และวางรากฐานไว้อีกหลายเรื่อง, พระยาอุปกิตศิลปสาร เขียนตำราภาษาไทยครบชุด อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ และฉันทลักษณ์, พระยาเมธาธิบดี ผู้แต่งนิทานอีสป เป็นต้น อ่านประวัติของหลายๆท่านทำให้เราสามารถเชื่อมโยงปะติดปะต่อเหตการณ์สำคัญๆในยุคนั้นๆ ได้มากขึ้น เช่น รู้ความเป็นมาของโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ โรงเรียนมหาดเล็กหลวง โรงเรียนข้าราชการพลเรือน(ต่อมาคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย), ทราบว่าผู้นำทางการศึกษาบ้านเราสมัยก่อนจะจบจากวิทยาลัยเบอโรโรด ที่ลอนดอน, ทราบประวัติ โรงเรียนแพทยาลัย โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง(วัฒนาวิทยาลัย), รู้ชื่อวิชาแปลกๆ เช่น ยันตรวิทยา(วิศวกรรมศาสตร์) คหกัมน์(เศรษฐศาสตร์) อัธยาตมวิทยา(จิตวิทยา) เป็นต้น
แต่ละคนที่เขียนก็ล้วนเป็นบุตร เป็นญาติ เป็นผู้ร่วมงาน เป็นเพื่อน ที่ข่างสรรหาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอันเป็นจุดเด่นมาเล่า ผมถือว่าเป็นแหล่งปฐมภูมิ(primary source) ทางประวัติศาสตร์ของการศึกษาได้เลย เพราะแต่ละคนเขียนเล่าขณะยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเมื่อคนเหล่านี้จากโลกนี้ไป หากไม่มีการสืบสานนับวันข้อมูลดีดีจะสูญหายตามไปด้วย
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบฟังผู้หลักผู้ใหญ่เล่าเรื่องราวที่ผ่านมา เช่น ท่านอาจารย์ ดร.สายหยุด จำปาทอง ท่านจะเล่าถึงที่ตั้งของโรงเรียนฝึกหัดอาจารย์สมัยก่อน ชี้ให้ดูสถานที่ตั้งในคุรุสภา การโยกย้ายเปลี่ยนแปลงสถานที่ รวมทั้งที่ทำงานของหน่วยศึกษานิเทศก์สมัยนั้นด้วย ทำให้เราเข้าใจเรื่องต่างๆมากขึ้น ท่านอาจารย์จรูญ มิลินทร์ อาจารย์พะนอม แก้วกำเนิด ก็เช่นกัน นับว่าผมโชคดีมากๆ หันกลับมาพูดถึงหนังสือประวัติครูอีกครั้ง ว่าตอนนี้คุรุสภาเขาเกรงว่าหนังสือประวัติครูเล่มเก่าๆจะสูญหาย จึงรวบรวมจัดทำเป็นสื่อซีดีรอม ให้อ่าน แต่ก็ยังไม่ครบทุกเล่ม สามารถเปิดหาอ่านได้ โดยเข้าไปที่เว็บ gloogle พิมพ์คำว่า “หนังสือหายาก หอสมุดคุรุสภา” แล้วเข้าไปเปิดดูที่เมนู “ประวัติครู” ก็สามารถเข้าไปอ่านได้ นอกจากนี้คุรุสภายังพิมพ์นามานุกรมรายชื่อครูที่เคยเขียนลงในหนังสือประวัติครูแต่ละเล่มแต่ละปี เรียงตามลำดับพยัญชนะเพื่อให้สืบค้นอ่านได้ด้วย
ผมโชคดีและเป็นบุญที่มีโอกาสได้ร่วมเป็นคณะทำงานเขียนหนังสือประวัติครูมาตั้งแต่ พ.ศ. 2539 จนถึงปัจจุบัน ร่วม 20 ปีแล้ว และรู้สึกมีความสุขมากที่แต่ละปีได้มีโอกาสเขียนถึงครูดีๆเผยแพร่ปีละหลายท่าน รวมทั้งได้เป็นคอลัมน์ประจำเขียนบทความ “นิเทศการศึกษา” ลงในวารสารวิทยาจารย์มาร่วม 10 กว่าปี ลงตีพิมพ์ต่อเนื่องมาทุกเดือน แล้วผมพยายามนำมาแบ่งปันแลกเปลี่ยนกันตามสื่อต่างๆได้อีกครับ
ในช่วงเวลาที่เหลือก็8'ทำได้แค่นี้แหละครับ
<p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p><p></p>
ไม่มีความเห็น