beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

มีเรื่องจาก"สามก๊ก" มาฝาก : สงครามลิ้น


ขอเพียงเรือลำเดียว กับลิ้นสามแฉกที่ไม่เน่านี้ ไปเจรจาให้ซุนกวนทำสงครามกับโจโฉ

    เรื่องเล่าจากสามก๊ก จับเอาตอนที่ เมื่อเล่าปี่ได้ขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษา (กุนซือ) และทางโจโฉมีแผนบุกลงมาทางใต้เพื่อยึดเอาเมืองเกงจิ๋ว แล้วต่อจากนั้นก็จะข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงเพื่อยึดเอาดินแดนกังตั๋งที่ซุนกวนครองอยู่

    ตอนที่เล่าปี่ได้ขงเบ้งไปเป็นที่ปรึกษา ขงเบ้งก็บอกแผนยุทธศาสตร์ว่า ให้เล่าปี่ยึดเอาดินแดนเมืองเกงจิ๋วไว้เป็นที่มั่น ทำพันธมิตรกับซุนกวนแล้วไปยึดดินแดนเสฉวนเพื่อทำให้แผ่นดินจีนมีสภาพเหมือนกระถางธูปซึ่งมีสามขา หรือ เกิดเป็นสามก๊กขึ้น

    เล่าปี่ไม่ยอมทำตามแผนยุทธศาสตร์ของขงเบ้งประการแรกคือยึดเมืองเกงจิ๋ว เพราะต้องการ (หลอก) ให้ผู้คนรู้ว่าตัวเองมีคุณธรรม (ชูคุณธรรม) ที่จะไม่ยึดเมืองของญาติ ดังนั้นจึงต้องแพ้สงครามต่อโจโฉที่มีกำลังมากกว่า และถอยข้ามแม่น้ำมาอยู่ที่เมืองกังแฮ (ของเล่ากี๋ลูกเล่าเปียว)

   ขณะกำลังปรึกษาราชการกับเล่าปี่ ก็ทราบว่าทางซุนกวน ส่งโลซก (ชื่อนี้เป็นที่มาที่คนไทยเมื่อได้อ่านหรือฟังเรื่องสามก๊กแล้วคิดว่า โลซกเป็นคนซื่อจนเซ่อ แล้วสมัยก่อนใครถูกเรียกว่าเป็นโลซก ก็จะโกรธ) มาเยี่ยมศพเล่าเปียว  ขงเบ้งทราบทันทีว่าซุนกวนให้มาสืบข่าวราชการทัพ และขออาสาเล่าปี่ว่า "ขอเพียงเรือลำเดียว กับลิ้นสามแฉกที่ไม่เน่านี้" จะอาสาไปดึงซุนกวนให้ทำสงครามกับโจโฉ (ที่ประกาศว่ามาครั้งนี้ นำทหารมาถึงร้อยหมื่น)  ให้ได้ และขงเบ้งก็ทำสำเร็จ โดยใช้ลิ้นทำสงครามเย็น หลอกล่อโลซก หลอกล่อที่ปรึกษาซุนกวน หลอกล่อจิวยี่ และสุดท้ายหลอกล่อซุนกวน ได้สำเร็จ เพื่อผลประโยชน์ของก๊กตน (ก๊กเล่าปี่)

    ต่อไปนี้ก็นำภาพสวย ๆ จากภาพยนตร์เรื่องสามก๊กมาฝากต่อ ใครอยากชมภาพยนตร์เรื่องนี้ หาซื้อได้ในราคาประมาณ 3-4 พันบาทครับ มี 84 ตอน (ซื้อที่เขามีลิขสิทธิ์นะครับ) หากต้องการติดตามภาพตอนที่แล้ว มีภาพจาก "สามก๊ก" มาฝาก

 

   
 

 ขงเบ้ง

 ขงเบ้ง เล่าปี่

 
 

 เตียวจูล่ง

 ขงเบ้ง เล่าปี่ ตอนขี่ม้า

   
 

 เล่าปี่ ขงเบ้ง เตียวหุย

 เล่าปี่ ขงเบ้ง

   
 

 โลซก

 โลซก

   
 

 โลซก เตียวเจียว ขงเบ้ง

 โลซก เตียวเจียว ขงเบ้ง

 
 

 ขงเบ้ง

 ขงเบ้ง

   
   
 

 ซุนกวน

 ในอารมณ์ต่าง ๆ

   
 

 ซุนกวน

 ขงเบ้ง

 
 

 นางเสียวเกี้ยว จิวยี่

 ภรรยากับจิวยี่

 

 

 จิวยี่

 ขงเบ้ง จิวยี่

 

หมายเลขบันทึก: 6275เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2005 19:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:11 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (49)
  • ผมคิดว่าเล่าปี่ตั้งใจ (ไม่ยึดเกงจิ๋ว) อย่างนั้นจริงๆ ครับ ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงผู้คนแต่อย่างใด
  • ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเป็นผม ผมก็ทำไม่ลงเหมือนกัน เพราะถ้าตายไป ไม่รู้จะไปมองหน้าบรรพบุรุษได้อย่างไร

 

เพิ่งเห็นเว็บที่เกี่ยวข้องอีกเว็บครับ

http://www.sanguo-chronicle.com/

  • ขอบคุณ คุณเปมิชที่เข้ามาลปรร.
  • ตอนเด็กๆ ผมอ่านสามก๊ก ก็คิดแบบคุณเปมิชครับ
  • ข้อสังเกต บันทึกนี้เขียนมา 6 เดือน เพิ่งมีข้อคิดเห็น
  • ขอบคุณที่ทำลิงค์ไว้ให้นะครับ

เข้ามาติติง ภาพยนต์สามก๊ก อีกนิดนึงน่ะครับ คือเรื่องแคสติ้งคนแสดงทำได้ดีมาก ค่อนข้างจะเหมือนที่บรรยายไว้ในหนังสือ เพียงแต่รายละเอียดการแต่งหน้าตามอายุ ของคนในแต่ละตอน ดูแล้วค่อนข้างขัดตา เช่นตอนสงครามเซ็กเพ็ก จิวยี่อายุได้ราว สามสิบต้น ๆ ส่วนซุนกวนจะพอ ๆ กับ ขงเบ้ง อยู่ที่ยี่สิบปลาย  ๆ แต่พอมาดูหน้าแล้วก็งง ๆ เพราะซุนกวน ดูแก่กว่าเล่าปี่ ที่ขณะนั้นอยู่ที่สี่สิบปลาย ๆ แล้ว ... เข้าใจว่าคงถูกจำกัดเรื่องจำนวนตอนที่ต้องถ่ายเยอะ แล้วตัวละครก็เยอะตามไปด้วย  ... ส่วนตัวผมว่าถ้าเน้นรายละเอียดแค่ตัวละครสำคัญ ซึ่งก็คงมีไม่ถึงร้อย น่าจะดีมาก ๆ

 

ส่วนตัวคิดว่าเรื่องที่ เล่าปี่ ไม่ยึดเอา เมืองเกงจิ๋ว อาจจะเพราะ ไม่นึกว่าเล่าเปียวจะตายกระทันหัน .. และไม่ทราบข่าวการตายซึ่งเล่าจ๋องปิดไว้ ... พอถูกโจโฉบุกก็ต้องยึดเอาราษฎร ไปด้วย เพื่อสร้างภาพตัวเองให้ดูดี เป็นที่รักของราษฎร นอกจากนั้นยังเป็นเกาะป้องกันตัวจากการโจมตีของโจโฉได้ หากคับขัน ...ส่วนโจโฉก็จะถูกตราหน้าว่าทำการอำมหิตโหดเหี้ยม ..

สวัสดีครับคุณตัวป้อม

  • ผมก็ข้างดูขัดๆ ตาเหมือนกัน
  • อย่างจูล่งของผมในเรื่อง มีตัวแสดง ๓ ตัว ดูแล้วก็งงๆ

ใครแสดงเป็นขงเบ้งหรอคะ

  • ผู้แสดงเป็นขงเบ้งคือ Tang Guo Qiang
  • ดูประวัติและภาพของเขาได้ที่ http://wiki.d-addicts.com/Tang_Guo_Qiang

อันที่จริงเกงจิ๋วเป็นแค่ที่คุ้มภัยชั่วขณะเล่าปี่หมายใจจะทิ้งคืนจิวยี่ตั้งแต่เซ็กเผ็กแต่ขงเบ้งห้ามเอาไว้ว่าไห้รอยึดสฉนก่อนแล้วจะคืน ตอนแรกขงเบ้งอยากได้เสฉวนมานานแล้วตั้งแต่เล่าเปี่ยวตายแต่เล่าปี่เกรงว่าจะมีคนหว่าแย่งเมืองจากพี่ชายจนมีสายจากเสฉวนมาเอาแผมที่ไห้เล่าปี่จนเล่าปี่ตียึดเสฉวนและคืนเกงจิวกับซุนกวน แต่พอความสัมพันธ์ เล่า-ซุนหักกวนอูก็มายึดเกงจิ๋วคืน

.โจโฉ ฟ้าไห้โอกาศ กำลังมาก ที่ปึกษาดี

.เล่าปี่ กุมใจราษฏร มีขุนศึกเก่งกาจ

.ซุนกวน ชัยภูมดี ยากต่อการต่กร

  • ขอบคุณคนชอบสามก๊กมาก
  • ต้องพยายามอย่าพิมพ์ผิดมากนะคร๊าบ

ชอบเรื่องนี้มากเหมือนกัน แต่ตัวแสดงบางตัวเปลี่ยนจนน่างง เช่นจูล่ง โลซก บังทองยังเปลี่ยนเลย เล่าเซี่ยนตอนแรกออกมาดูเป็นผู้ใหญ่ดูดีกว่า ตอนต่อมากลับดูเป็นเด็กลง เด็กมากๆเลย ดูไม่ใส่ใจกับตัวละครเท่าไหร่

ชอบเพลงงจังเลยคะ อยากทราบความหมายจังเลย

เพลงเพราะมาก

เวปก็แจ๋ว

เยี่ยมไปเลยค่ะ

ชอบเรื่องสามก๊กมากเลยค่ะ

อยากเก่งแบบขงเบ้ง จังเลยค่ะ

มีวิธีแนะนำ....ให้เจริญรอยตาม ขงเบ้ง บ้างป่าวค่ะ

แนะนำหน่อยนะคะ

ชอบ ท่านกวนอู ที่มีความซื่อสัตย์ กตัญญู

อันนี้ เอา เป็นแบบอย่างอยู่ในใจเลยค่ะ

ชอบ ท่านเล่าปี่ ที่คุณธรรม ชนะใจคน

-----------------------

คุณมะยม ช่างสังเกตนะครับ

  • จูล่งนั้น มีตัวแสดงประมาณ 3 คน
  • โลซก 2 คน
  • บังทอง 2 คน
  • เล่าเสี้ยนประมาณ 3 คน เข้าใจว่าเพื่อให้เหมาะสมแต่ละวัย

คุณ Nana

  • ลองดูความหมายของเพลงที่นี่ครับ <Click>

คุณ madam_maxim

  • ขงเบ้งนั้นเป็นผู้มีคุณธรรมสูง
  • ตอนเล่าปี่จะตายนั้น ได้บอกขงเบ้งว่า หากเห็นว่า "เล่าเสี้ยน" ลูกของตัวเองไม่เอาไหน ก็ให้ขงเบ้งยึดอำนาจการปกครองเมืองเสฉวนเสีย
  • ขงเบ้งเอาศีรษะโขกพื้น แล้วบอกว่าจะซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ฮั่นของเล่าปี่ ประคับประคองอาเต๊าให้ได้เป็นกษัตริย์ต่อไป
  • ดังนั้นหากจะเจริญรอยตามขงเบ้ง ต้องหมั่นทบทวนคุณธรรมในตัวเองครับ

ขออนุญาติเข้ามาขุดแล้วกันนะคะ *-*

การใช้ตัวละครที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาในซีรีส์เพราะว่าระยะการถ่ายทำนานมากค่ะ หลายปี

ดังนั้นบางคนก็ถอนตัวหรือติดอะไรหลายๆอย่าง เลยไม่ได้มาแสดงต่อเนื่องค่ะ

สมัยนั้นทำหนังใหญ่ขนาดนี้ กับนักแสดง ฉาก ขนาดนี้ ก็ต้องทำใจค่ะว่าไม่สมบูรณ์ไปหมดแน่ๆ เรื่องไม่เอาใจใส่ในตัวละครคงไม่ใช่แน่ค่ะ ไม่งั้นฉบับนี้คงไม่มีใครยกย่องกันว่าเป็นฉบับที่สื่อตัวละครได้ใกล้เคียงวรรณกรรมที่สุด อีกทั้งท่านถังกัวะเฉียง คงไม่ได้รับการยกย่องว่า เป็น The best Zhugeliang แน่นอนค่ะ

ส่วนในเรื่องซุนกวนกับเล่าปี่ ยังไงก็ดูเล่าปี่แก่กว่านะคะ *-*

ขออนุญาติแก้ไขค่ะ โลซกคนแสดงทั้งหมด 3 คนค่ะ ^^

1. ตอนสงครามลิ้น

2. ช่วงงานศพจิวยี่

3. ช่วงกวนอูบุกเดี่ยวข้ามฟาก

ตัวละครเยอะจริงๆค่ะ สุมาเจียวตอนเด็ก ยังไปเล่นเป็นทหารของเบ้งเฮ็กตั้ง 1 วิ เลย

แต่ยังไงก็เป็นฉบับที่ดีที่สุดตอนนี้แล้วล่ะค่ะ

คุณชอบสามก๊กมาก **

เล่าปี่ไม่มีทางคิดทิ้งเกงจิ๋วแน่นอนค่ะ เกงจิ๋วเป็นยุทธศาสตร์ที่เยี่ยมยอดเพราะเป็นจุดที่อยู่ระหว่างทั้งสามก๊ก ยาวตลอดลงไป จะบุกง่อ หรือวุย ก็ล้วนอำนวยค่ะ ถ้าเล่าปี่คิดจะทิ้งตั้งแต่ยังไม่ได้เสฉวน เล่าปี่ก็ไม่ใช่คนเก่งอย่างที่ใครยกยอ เพราะจะพากันตายตั้งแต่ยังไม่ได้เสฉวน สุดท้ายเราจะเห็นได้ว่า ขงเบ้ง ใช้เกงจิ๋วให้เป็นประโยชน์กับฝ่ายตนได้อย่างไร(ยอมเฉือนให้ง่อ เพื่อเป็นเครื่องจูงใจบุกทางเหนือ)

คุณเปมิช **

ถ้าเล่าปี่ไม่คิดยึดเกงจิ๋ว เพราะห่วงจะเนรคุณบรรพบุรุษ งั้นที่ยึดเสฉวนล่ะคะ?

อันนั้นก็ของเล่าเจี้ยง - -"

คุณมาดามแม็กซิม **

พยายามอยู่เหมือนกันค่ะ ได้เศษเสี้ยวก็ดีใจแล้ว 555+

ถ้าเก่งแล้ว อย่าลืมใช้ความเก่งไปในทางที่เป็นประโยชน์ด้วยก็จะดีที่สุดค่ะ ^^

ปล.ท่าน Beeman ตอบถูกใจจังค่ะ อยากเหมือนท่านขงเบ้ง ต้องยึดมั่นคุณธรรมค่ะ

  • วิเคราะห์ละเอียดมากครับคุณเหมยเทียนฟง
  • แวะมาบ่อยๆ มาช่วยตอบข้อคิดเห็นให้ด้วย..อิอิ

สงครามลิ้น นี่เป็นอีกตอน ที่ชอบมากค่ะ เพราะแสดงความบุ๋นของขงเบ้งและวาทศิลป์ของเขาได้อย่างเยี่ยมทีเดียว

ประทับใจตัวนัก ประทับใจ ถังกั๊วะเฉียง กับบทขงเบ้งค่ะ ส่วนสำคัญที่สุดเลยคือ บุคคลิกภาพ ของเขา ถึงแม้อายุจะดูเยอะในตอนต้นๆ นะคะ จนดูเหมือนเป็นพี่น้องกับเล่าปี่มากกว่า แต่บุคคลิกภาพด้านบุ๋นของตัวละคร นี่สะกดใจมาก รู้สึก ว่า เขาเน้นเรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญที่พิเศษมาก

แต่จะว่าไปหนุ่มอายะ 27 ปี ในแนวพีเรียด โบราณ และแต่งงานแล้ว ภาพที่ออกมาควรจะเป็น หนุ่มที่ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ และเป็นแนวบัณฑิต นะคะ ไม่ใช่ หนุ่มแบบหนุ่มๆ

อีกอย่างคือ ขงเบ้งเป็นอาจารย์ที่รอบรู้และคอยแนะนำให้ชาวบ้าน เขาก็ควรที่จะดูมีความเป็นผู้ใหญ่ด้วยค่ะ

และจากที่เห็นภาพวาด ตามในหนังสือจีน ก็วาดภาพขงเบ้ง ลักษณะมีความเป็นผู้ใหญ่ ไม่ค่อยได้เห็นภาพวาดที่วาดไปทางหนุ่มๆ เลย

โดยส่วนตัวชอบขงเบ้งของถังกั๊วะเฉียง ทั้งท่าทางการเดิน การโบกพัด การนั่ง การเจรจา และใช้สายตา มันเหมาะกับคาแรคเตอร์ของตัวละครมาก คือว่าดูสง่างาม และเขาเป็นคนที่นั่งลำตัวตรง ยืนก็ลำตัวตรง

เหมือนเป็นภาพที่ประทับใจว่า โหย คนนี้เหมือนคนมีบารมี ดูน่าเกรงขาม ยิ่งตอนที่รบเบ้งเฮก กล้องpost หน้า post หลัง ยิ่งตอนเวลานั่งโบกพัด รอ เบ้งเฮ็ก กับรอยยิ้มนี่ ขงเบ้ง ดู องอาจ สง่างาม สุดๆ

ส่วนสายตา ของถังกั๊วะเฉียง เป็นคนที่มีประกายตา ทำให้ดูตัวละครเป็นคนที่มีพลังมากมาย แม้อายุจะเยอะ แต่แววตายังมุ่งมั่น เรียกว่า แก่แต่ยังเก๋า

เรื่องโหวงเฮ้ง นี่ขึ้นสุดๆ โดยเฉพาะตอนเบ้งเฮ๊ก ใส่หมวกเปิดหน้าผาก

สรุปก็คือ ถังกั๊วะเฉียงเป็นตัวละครขงเบ้ง ที่เราไม่มีวันลืม เขาแสดงบุคคลิกภาพบุ๋นออกมาได้เยี่ยมสุด และบุคคลิกภาพขงเบ้งของเฮียยิ่งตอนมีอายุ นี่ หาเทียบความน่าเกรงขาม และความสง่างามแบบนี้ยากมาก

ส่วนตัวได้ดู RED CLIFF ของจอน วู บุคคลิกภาพและท่าทางของทาเคชิ กับบทขงเบ้ง เราให้สอบตก อย่างแรง เพราะภาพรวมเหมือนจอมยุทธ มากกว่า บัณฑิต หรือนักการเมือง

อย่างที่น้องเทียนฟง บอก ว่าเรื่องนี้ถ่ายทำหลายปี ทีเดียว มีส่วนทำให้นักแสดงต้องเปลี่ยนบ่อย แต่โชคดีที่ตัวละครหลักๆ ยังไม่เปลี่ยน ยกเว้น จูล่ง แต่นักแสดงกี่คนต่อกี่คนที่มารับบทจูล่ง เรารับได้หมดเลย ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ เรียกว่า เราชอบหมด ^^

ส่วนขงเบ้ง ถังกั๊วะเฉียง จริงๆ ตอนแรก cast บท จิวยี่ นะคะ แต่ผู้กำกับเห็นว่า ท่าทางมีแววจะเล่นบทขงเบ้งได้ เลยให้ลองสวมชุดดู ปรากฎว่าถูกใจผู้กำกับ เลยเปลี่ยนให้มารับบทขงเบ้งแทน ^^ ผู้กำกับตาถึงจริงๆ ถ่ายทำตอนหลังก่อนแล้ว แล้วตอนแรกว่าบทขงเบ้งช่วงแรกจะหานักแสดงคนอื่น ปรากฏว่าหาใครก็ถูกใจไม่ได้ ก็เลยกลับไปเรียกให้ ถังกั๊วะเฉียงมารับบทช่วงแรก ตอนนั้นก็อายุประมาณ 40 แล้วค่ะ

ที่ประทับใจคือ การให้อารมณ์ของตัวละคร นี่ประณีตมาก ยิ่งฉากสำคัญๆ โดยเฉพาะการเปิดตัวของขงเบ้ง นี่แต่ละฉากให้อารมณ์ ความรู้สึก ที่มีเสน่ห์มากค่ะ ทั้งบทพูด สีหน้า แววตา ที่แสดงออกของตัวละคร ให้จังหวะได้ยอดเยี่ยมมากค่ะ ถือเป็นฉาก classic ฉากหนึ่งเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องเกงจิ๋ว....เล่าปี่ได้ฟังแผนยุทธศาสตร์สามก๊ก จากขงเบ้งแล้ว ขงเบ้งอธิบายให้ฟังทุกอย่าง เป็นขั้นๆ แถมยังแหย่เล่าปี่ว่า หรือว่าท่านไม่อยากจะได้เมืองเกงจิ๋วหรือ

ขงเบ้งบอกว่า เขาตรวจดูชะตาแล้ว เล่าเปียวอยู่อีกไม่นาน ถ้าเล่าเปียวยกเมืองให้ก็ให้รับไว้เลย ซึ่งที่ขงเบ้งแนะนำอย่างนี้ก็เพราะว่า เล่าเปียวเต็มใจยกให้ และถ้าเล่าปี่ไม่รับไว้เสีย เมืองนี้ก็จะต้องไปอยู่ในมือคนอื่น แต่เพราะเล่าปี่เองส่วนหนึ่ง ถึงจะอยากได้ แต่เขาก็ไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงตัวเอง โดยธรรมเนียมก็เลยปฎิเสธไป

ทำให้ขงเบ้ง ถึงกับ พูดหน้า ภายหน้าลำบากแน่ เพราะการที่จะย้อนกลับมาเอาเกงจิ๋วคืนนั้น ขงเบ้งต้องใช้แผนการณ์ลิ้นสามนิ้วไม่เน่านี้ ไปเจรจากับฝ่ายกังตั๋ง เพราะเกงจิ๋วตกอยู่ในมือผู้อื่นแล้ว ทำให้การครอบครองเกงจิ๋วอย่างชอบธรรมของเล่าปี่ไม่ได้เป็นสิทธ์ขาด

ขอบคุณแม่นางเตียวเป็นอย่างมาก

  • ที่มาให้ความรู้เบื้องหลังของการถ่ายทำ โดยเฉพาะคนเล่นบทเป็นขงเบ้ง
  • ตอนที่ผมดู คิดว่าขงเบ้งตอนหนุ่มกับแก่ เป็นคนละคนเล่น แต่ที่เล่ามาก็เข้าใจ แสดงว่าคนสวมบทขงเบ้ง (ถังกั๊วะเฉียง) นี่แกเล่นดีจริงๆ

สวัสดีค่ะ คุณbeeman

โดยส่วนตัวประทับใจมากค่ะ ยกให้ถังกั๊วะเฉียงเป็น ขงเบ้ง ที่มีพลัง และมีบุคคลิกภาพเยี่ยมที่สุด

เคยดูเทียบกับรูปปั้นท่านขงเบ้ง นะคะ ท่าทางการถือพัด และท่ายืน ของถังกั๊วะเฉียง คล้ายมากค่ะ ดูสง่างาม และการถือพัดนี่กลมกลืน เหมือนเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของขงเบ้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ถังกั๊วะเฉียง ประสานเข้ากับบุคคลิกภาพของเขาได้อย่างสง่างาม อันนี้ไม่ได้ชมเกินจริงนะคะ คือนักแสดงไม่ได้ถือพัดเพียงแค่ตัวละครต้องถือ แต่เขาแสดงออกเหมือนพัดเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเขา

เรื่องฉาก เรื่องเสื้อผ้า นี่ เขาเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ของยุคราชวงศ์ฮั่นมาช่วยกันออกแบบค่ะ ซึ่งเขาทำเสื้อผ้าได้ออกมา เหมาะกับบุคคลิกภาพของตัวละครมาก และผ้าก็พริ้วเป็นผ้าไหมผ้าแพร ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวอีก ยิ่งดูมีเสน่ห์มาก

ตอนนี้จะมีซีรีย์ฉบับรีเมคแล้วนะคะ สามก๊ก เวอร์ชั่น 2010 ถ่ายทำจบแล้ว คิดว่าคุณ beeman น่าจะได้ข่าวบ้าง

ได้ดูคลิปตัวอย่าง ดูภาพตัวละคร และดูฉาก จากซีรีย์รีเมค นี่ โดยส่วนตัวไม่ได้ปิดกั้นเรื่องการรีเมค เพราะรายละเอียดบ้างอย่างอาจจะถูกนำเสนอได้ไม่ครบ ในฉบับเดิมๆ

แต่ถ้าต้องการรีเมค ควรจะทำให้ดีกว่า เท่าที่ดู ก็มีฉากสงครามที่ดูยิ่งใหญ่ เหมือนภาพยนตร์ และการถ่ายภาพก็ให้โทนสีที่สวยมากค่ะ นอกจากนั้น ตัวละครนี่ ขงเบ้ง

ที่รับบทโดยลู่อี้ ดูใช้ได้ทีเดียวค่ะ แต่ดูพลังจะไม่เทียบเท่า ถังกั๊วะเฉียง

นอกนั้น เรื่องเสื้อผ้า นี่ไม่ประทับใจเลยค่ะ ที่ดูไม่ค่อยประทับใจอีกอย่างก็คือ บ้านขงเบ้ง

ในฉบับปี 1994 นี่ บ้านขงเบ้ง เป็นสถานที่ ที่สื่อถึงความเป็นเจ้าของบ้านด้วยนะคะ คือ

ดูเป็นสถานที่ๆ สงบ มีสิ่งประดิษฐ์ และเครื่องบอกเวลา อยู่ท่ามกลางแมกไม้ในป่าเขา

มีระเบียงออกมาให้ได้นั่งพบปะ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

บ่งบอกถึงความ สมถะ และการเป็นนักคิด นักประดิษฐ์ของเจ้าของบ้านด้วย ซึ่งสื่ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์

แต่บ้านขงเบ้ง ในฉบับ 2010 เราก็ไม่ประทับใจค่ะ เรียกว่า รีสอร์ทแทนก็แล้วนะคะ เพราะมันช่างเหมือนรีสอร์ทเสียเหลือเกิน แล้วสร้างกลางน้ำตก หรือจะเรียกว่าคร่อมทางน้ำ มีน้ำไหลผ่านตัวบ้านด้านล่างด้วยนะคะ มันดูผิดหลัก น้ำตกไม่ใช้น้ำตกเล็กๆ

แล้วยังนี้ เวลาหน้าหนาว บ้านมิเย็นชื้น และหนาวแย่เลยเหรอคะ เสียงน้ำตกอีก จะให้ความเงียบสงบจริงๆ ได้ยังไง

เพราะเล่าปี่มาหาขงเบ้งถึง 3 ครั้ง ครั้งที่สองเป็นหน้าหนาว หิมะตกหนักนะคะ ช่วงนั้น

ก็เลยทำให้คิดว่า ฉบับใหม่นี่ สร้างบ้าน ซะเจ้าของบ้านไม่ใช่ ขงเบ้ง

ไม่รู้นะคะ อาจจะเป็นเพราะเราอินมาก ก็เลยคิดว่า บ้าน ต้องบ่งบอก ความเป็นตัวตนของเจ้าของบ้านด้วยค่ะ

อยากรู้ว่าตอนที่ขงเบ้งหลอกให้จิ้วยี่กระอักเลือดตายแลtให้เล่าปี่แต่งงานกับน้องสาวของซุนกวน

คือตอนที่เท่าไรชื่อว่าอะไรอยากดูตอนนี้มากเลยค่ะ อาศัยผู้รู้ตอบหน่อยคะ/ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

คุณชิโร ตั้งแต่ตอนที่ 42 - 45 ค่ะ

ตอนที่ 42 อุบายนางงาม

ตอนที่ 43 ดูตัวว่าที่บุตรเขย

ตอนที่ 44 หนีกลับเกงจิ๋ว

ตอนที่ 45 จิวยี่กระอักเลือด

ขอบคุณค่ะ

ปล.อ่านจบไป2รอบแล้ว ขอข้ามรอบที่3ไปอ่านรอบที่4เลยล่ะกัน (กลัวไม่มีใครคบ) ก็เล่นอ่านแบบข้ามๆ เว้นๆ หยุดๆ ลืมๆใครเป็นใครเนี่ย ก็เลยต้องมาเริ่มใหม่ทุกที 55 แต่สนุกจนวางไม่ลงเลยค่ะ

ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ

อ่านหนังสือ จะอธิบายรายละเอียดเยอะกว่าค่ะ อ่านแล้วก็จินตนาการไปด้วย บ้างตอนอาจจะไม่ได้เห็นใน ซีรีย์ ไม่ต้องกลัวไม่มีใครคบหรอกค่ะ

แต่ซีรีย์เวอร์ชั่น 1994 ถึงจะเล่าไม่ครบ แต่ถือว่า เขานำเสนอบุคคลิกภาพตัวละครได้ยอดเยี่ยมมาก และอารมณ์ของตัวละครสูงมากค่ะ เรียกว่าดูแล้วอินไปด้วย

ถ่ายทำหลายปีประมาณ 4 ปีได้นะคะ จะไม่ให้นักแสดงอายุมากกันได้ไง ^^ ถ้าดูบ้างตอน ตอนท้ายจะดูหนุ่มกว่าตอนต้นด้วยซ้ำ

คือครั้งแรก กับดูครั้งต่อๆมา เพราะต้องวนกลับมาดูรายละเอียดอีก โดยรวมเป็นเรื่องราวที่เศร้านะคะ เรื่องราวดำเนินเหมือนเป็นเส้นวงกลม และมีปรัญชาอยู่มากมาย คนโบราณนี่เขามีความลึกซึ้งมากนะคะ ในแต่ละเรื่องราว ถึงบ้างครั้งจะเป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ก็นับถือในความสามารถของแต่ละฝ่าย อันนี้ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะคะ

สวัสดีค่ะ

ชอบ comment คุยกันลักษณะนี้ค่ะ  อ่านแล้วสบายใจ..  ขอบคุณอาจารย์ beeman 吴联乐  และ ทุกๆ ความเห็น  ขออนุญาตแจมบ้างนิดๆ   อิ อิ

24. แม่นางเตียว [IP: 203.155.230.175]  ..ในแต่ละเรื่องราว ถึงบางครั้งจะเป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ก็นับถือในความสามารถของแต่ละฝ่าย อันนี้ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะคะ..   ใช่ค่ะ  แต่ละคนก็จะ รู้เขา รู้เรา มีเหตุผลที่ดี ไม่ประสานงาแบบคนพาล ให้เสียความรู้สึกค่ะ..  สมเป็นวรรณกรรมแนวปรัชญาที่บอกถึงความคิดอันสุขุมลึกซึ้งและใจกว้างของคนเขียนค่ะ..    

สวัสดีค่ะ คุณนีนา

แสดงว่า เคยอ่านcomment ที่ทำให้ไม่สบายใจใช่หรือเปล่า ^^

โดยความเห็นส่วนตัวนะคะ สามก๊ก ที่นิยายอิงประวัติศาสตร์ที่แต่งโดยท่านหลอกว้านจง นี่ ก็เป็นการถ่ายทอดความรู้สึก ความคิด วัฒนธรรม ในยุคนั้นๆ ด้วยนะคะ ด้วยการเล่าเรื่องได้อย่างมีเสน่ห์ ผ่าน วัฎจักรของการต่อสู้ การเกิดขึ้น และการล่มสลาย และมีปรัชญาที่ลึกซึ้ง และจุดจบของทุกฝ่ายจะคล้ายๆ กัน

เพราะฉะนั้น เราถือว่าเป็นวรรณกรรมเรื่องหนึ่งเล่าเรื่องได้ classic ทีเดียว

ในวรรณกรรมการอ้างอิงในเรื่องความรู้ ความสามารถของคนโบราณ มีความเป็นไปได้ เพราะจากการฝึกฝนศึกษาอย่างหมั่นเพียร ทั้งเรื่องการเมือง ดูดวงดาว

จึงไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า เก่งเกิดมนุษย์ แต่เกิดจากการฝึกฝนศึกษาและใฝ่รู้ การคิดและวิเคราะห์ เพราะศาสตร์โบราณในการสอนแต่ละอย่างมีปรัชญาแฝงอยู่ แม้กระทั่งการเล่นและการฟังเสียงดนตรี คนในสมัยก่อนจึงเรียนรู้และคิดได้อย่างลึกซึ้ง

วรรณกรรม สามก๊ก อ่านได้ ดูได้ หลายมุมมอง อยู่ที่จะแต่ละคนจะซึมซับ รับรู้ในส่วนไหน

ส่วนที่เป็นที่โต้เถียงกันบ่อยๆ ก็มักจะเป็นเรื่องของตัวละคร ซึ่งมันก็เป็นเสน่ห์ ในการวิเคราะห์ อย่างหนึ่ง ของ สามก๊ก และบ้างครั้งก็เหมือนคัมภีร์กระจกสะท้อนด้านสว่าง และด้านมืดของจิตใจ

C.20-26

  • ชอบใจจังที่บันทึกนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้อ่านด้วยกัน
  • ขอบคุณแม่นางเตียวและผู้เกี่ยวข้องทุกคน
  • โดยส่วนตัวคิดว่า แม่นางเตียวนี่เป็นแฟนพันธุ์แท้สามก๊กและมีความรู้ด้านการอ่านวิเคราะห์วรรณกรรมสูงมากคนหนึ่งทีเดียว
  • และมีลีลาการแสดงทัศนะได้ดี ด้วยสำนวนชวนให้น่าอ่าน น่าติดตามครับ..ขอคารวะ

หวัดดี ครับ

จากการวิเคราะห์ของผม คิดว่าการที่เล่าปี่ไม่ทำการรับตำแหน่งเป็นจ้าวเมืองเก็งจิ๋วต่อจากเล่าเปียวนั้น คงเป็นเพราะ

1.เล่าปี่อาจจะถูกเลี้ยงมาแบบครอบครัวคนจีน ซึ่งยึดถือคุณธรรมและความซื่อสัตย์เป็นสำคัญ ทั้งที่ผมคิดว่าใจจริงของเล่าปี่นั้นอยากได้เมืองเก็งจิ๋วเหลือเกิน

2.คงเป็นเพราะว่าเล่าปี่อาจจะมองเห็นอะไรบางอย่าง ที่ขงเบ้งซึ่งเป็นคนนอกอาจจะไม่ทันมองไปหรือมองข้ามไปก็ได้ เช่น เล่ากี๋ เล่าจ๋อง ซึ่งทางถือว่าเป็นทายาทโดยธรรม ถึงแม้ว่า เล่ากี๋ จะเป็นคนอ่อนแอ เล่าจ๋อง จะยังเด็กอยู่ก็ตามแต่อย่าลืม ชัวต๋ง ชัวมอ อาจมีการก่อกบฏได้ ทำให้บ้านเมืองที่เล่าปี่ได้มาเกิดการเสียหายไม่สงบสุข ทั้งยังมีโจโฉคอยจ้องที่จะรุกรานอยู่ ถ้าได้เมืองเก็งจิ๋วมาแล้วต้องเสียไป เล่าปี่ คงคิดว่าอาจจะเป็นที่ดูถูกเยอะเย้อของคนทั่วแผ่นดินก็ได้ ทั้งยังต้องเสียชื่อเสียงด้านความมีคุณธรรมไปอีก สู้เอามวลชนแล้วเอาน้ำใจจากประชาชนก่อนดีกว่า เอาไว้มีโอกาสที่ดีกว่านี้ที่เหมาะสมกว่านี้แล้วค่อยยึดเมืองเก็งจิ่วที่สงบสุขมันน่าจะดีกว่า

ไว้มีโอกาสจะมา ต่อ เรื่องของขงเบ้ง ในสงครามลิ้น

สวัสดีค่ะ คุณBeeman

ต้องขอขอบคุณ คุณBeeman ที่แบ่งปันพื้นที่ให้ผู้อ่านและผู้ชม สามก๊ก เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดและวิเคราะห์กันค่ะ

แต่ความรู้เรายังน้อยจนยังไม่ถึงขั้นแฟนพันธุ์แท้เลยค่ะ ^^ เพราะไม่ค่อยได้อ่านเล่มวิเคราะห์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับ สามก๊ก เลย จะมีก็น้อยมาก ส่วนใหญ่ก็เพราะได้พูดคุยแลกเปลี่ยน กับเพื่อนที่ชื่นชอบ สามก๊ก ด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเน้นที่เรื่องวรรณกรรม ละครซีรีย์ กับตัวละคร คือว่าได้ดูเรื่องราว สามก๊ก แล้ว รับรู้กับภาพความรู้สึกที่สื่อออกมาของตัวละคร เราก็เลยรู้สึกว่ามัน ช่างเป็นเรื่องราวที่เศร้าจริงๆ แล้วก็เลยดูด้านปรัชญา มากกว่า

อาจจะเป็นเราอายุมากแล้ว ความรู้สึกของเราก็เลยอยู่กับ เรื่องของการสื่ออารมณ์ของตัวละคร ในสงครามลิ้นนี่ ก็เป็นฉากการสื่อถึง ความเป็น Confucianism หรือว่า การศึกษาตามหลักคำสอนของท่านขงจื่อด้วย ก็เลยจะอ่านเพิ่มเติมไปทางแนวนั้น รวมถึง ท่านเหลาจื่อ ท่านจวงจื่อ คือทำให้เราพอจะเข้าใจในเบื้องต้นถึงความคิด และการปฏิบัติตนของแต่ละท่านได้อย่างพอจะเห็น เป็นภาพมากขึ้น

เพราะจากเรื่อง สามก๊ก เอง ปราชญ์ในแต่ละสายก็จะมีลักษณะท่าทาง บุคคลิกภาพ แนวคิด การปฎิบัติตน คล้ายๆ กับที่เราได้อ่านเพิ่มเติมมาจากเรื่องของท่านขงจื่อ ท่านเหลาจื่อ ท่านจวงจื่อ เป็นต้น ซึ่งโดยส่วนตัวถือว่าเป็นความรู้เพิ่มเติมที่ช่วยเสริมให้เราสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้ อย่างเช่น ลักษณะ ท่าทาง ของ อาจารย์ สุมาเต็กโช หรือว่า ชุยเป๋ง จะไปทางแนวเต๋าเลยค่ะ ส่วนขงเบ้ง จะเป็นแบบ ผสานกันทั้งสองแนว

สวัสดีค่ะ อาจารย์ beeman 吴联乐   แม่นางเตียว [IP: 203.155.230.69]  และ ทุกๆ ท่าน

มาติดตามอ่านด้วยความชื่นชมค่ะ..   

ชอบจังกับคำว่า คัมภีร์กระจกสะท้อนด้านสว่าง และด้านมืดของจิตใจ  ที่จริงแล้ว นีนานันท์อ่านหนังสือและรับภาพที่สะท้อนจากตัวหนังสือช้า..  ครั้นดูหนัง คำพูดที่สื่อกันก็จะจำกัด กว่าการอ่านจากหนังสือ..  ได้อ่านแนววิเคราะห์ตรงนี้ ชอบมากค่ะ  ขอบคุณมากนะคะ  

1.น้องขอสนับสนุนที่ว่า --อ่านหนังสือ จะอธิบายรายละเอียดเยอะกว่าค่ะ อ่านแล้วก็จินตนาการไปด้วย บ้างตอนอาจจะไม่ได้เห็นใน ซีรีย์--( จะรีบกลับไปอ่านเลยค่ะ )

2.โหวดๆๆ....ชอบกระทู้ลักษณะแบบนี้มากๆค่ะ เพราะว่าได้แสดงความคิดและสาระไปพร้อมๆกัน มีข้อเปรียบเทียบ ให้ขบคิด และคิดต่อยอด วิพากษ์ วิเคราะห์ ที่สำคัญสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตัวเองได้ด้วย(ไม่ใช่แค่บอกว่า ดีไม่ดี ชอบไม่ชอบมันมีมิติเดียว แล้วก็จบ..)

3.นับถือคนแต่งเลยค่ะ ว่ามีความสามารถมากจริงที่ผูกเรื่อง บทบาทของตัวละครได้แนบเนียบ น่าอ่านน่าติดตาม..สุดๆๆค่ะ

4.นับถืออาจารย์ พี่ๆด้วยค่ะ ที่ช่วยแบ่งปันความรู้ น้องติดตามด้วยความใคร่รู้และชื่นชมจริงๆ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

ชิโร่

เพิ่มเติมอีกนิด

พยายามเข้าไปอ่านกระทู้ย้อนหลังของอาจารย์อยู่ค่ะ แต่ยังไม่จบ ขออ่านต่อพรุ่งนี้นะค่ะ (วันหยุดพอดี) วันนี้(คืนนี้)ขอดูสามก๊กผ่านเน็ตก่อนนอนสัก1ตอนก่อนนอน...^^!

ไม่มี.....ไม่มี...หาจนทั่วแล้วก็ไม่มี

เว็บที่เคยดูหายไป....หายไป..

ไม่ยอม...ไม่ยอม..

ที่สำคัญไม่ได้COPYLINK ไว้ด้วย..ไม่ยอมมมมมมมมม...มม.ม

สวัสดีค่ะ นีนานันท์

ดีใจค่ะที่ได้มาพูดคุยความคิดเห็นกัน

โดยส่วนตัว ถือว่า สามก๊ก เป็นวรรณกรรมที่มีเสน่ห์มาก ถึงแม้จะถูกแต่งเพิ่มเติม แต่การอ้างอิง ตำราพิชัยสงคราม หรือ ปัญญา ความรู้ของนักปราชญ์ในสามก๊ก ก็อ้างอิงจากความเป็นไปได้จากการใฝ่ศึกษาในสมัยโบราณ ซึ่งมีส่วนที่มีหลักคำสอนของท่านขงจื่อเป็นแนวคิดที่มีต่อนักปราญช์ในยุคนั้น

ซึ่งจากที่เราอ่านในหนังสือ "ท่านขงจื่อ จอมปราชญ์แห่งแผ่นดิน" ที่แปลโดยคุณอมร ทองสุก ในเนื้อเรื่องได้มีการกล่าวถึงการ ศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์โบราณที่ลึกซึ้งอยู่หลายศาสตร์สำคัญด้วยกัน รวมถึงศาสตร์อึ้จิงเป็นศาสตร์แห่งฟ้าดิน(เกี่ยวกับการอธิบายถึงความหมายของปากั้ว)และศาสตร์ซือจิง (หนังสือโบราณที่รวมบทกลอนและเพลงที่เก่าแก่)ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการศึกษาในยุคนั้นๆมาก

ดังนั้นถ้าเรา ได้ดู ละคร สามก๊ก ก็จะได้เห็นการถ่ายทอดผ่านตัวละคร ผ่านภาพและได้ยินเสียงที่อธิบายเป็นความสัมพันธ์ของ แนวคิด และการศึกษา ของศาสตร์ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ซึ่งเป็นการสื่อและอ้างอิงจากหลักทีมีความเป็นจริง

และในสมัยโบราณ ผู้ที่มีการฝึกฝนเรียนรู้ก็มักจะเริ่มต้นจากอายุน้อยๆ กันทั้งนั้นเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่นลูกศิษย์ของท่านขงจื่อ บรรดาศิษย์เอก อายุจะเริ่มกันอยู่ที่ 19-20ปี แล้วแต่ละคนมีความเชียวชาญ และเก่งกันตั้งแต่อายุยังน้อย

ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่ในวรรณกรรม สามก๊ก ขงเบ้ง อายุ 27ปีแล้ว ซึ่งเป็นคนที่ใฝ่เรียนรู้มาก จะไม่เป็นปราชญ์อัจฉริยะผู้ซ่อนกาย

และการอ้างอิง เรื่องฟ้าดิน ก็มีส่วนที่มีความจริงจากความเชื่อในเรื่องของลิขิตฟ้า หรืออย่างตำราพิชัยสงคราม ก็จะพูดถึงเรื่องของ ฟ้า เช่นกัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหลักของการทำสงครามด้วยเช่นกัน คือ ถ้าฟ้าลิขิต ก็จะสำเร็จ เพราะฉะนั้นเราจะได้เห็นการกล่าวถึง ฟ้าดิน บ่อยๆ ใน วรรณกรรม สามก๊ก เช่นกัน

น้องชิโร่

หมายถึง บทความบันทึก ที่ท่านbeeman ลงไว้หรือเปล่าคะ ถ้าใช่ ก็ link ด้านล่างจ๊ะ

http://gotoknow.org/blog/beesman/6037

สวัสดีค่ะ  อาจารย์  beeman 吴联乐    แม่นางเดียว [IP: 203.155.231.71]   ชิโร่ [IP: 112.142.119.188]

ดีใจจัง  ได้มาอ่าน มาคุยกันอีกแล้ว  นับถือค่ะ   อิ อิ

นีนานันท์ เชื่อเรื่อง ฟ้าดิน  เพราะเคยสัมผัสกับความจริงในการใช้ชีวิต  ความสัมพันธ์ของฟ้าลิขิต กับชีวิต ที่มีคำกล่าวว่า...

คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต...  ฟ้าลิขิตหรือจะสู้มานะตน...

เช้าวันศุกร์ 21 ส.ค. 2552  ได้อ่านพบบันทึกของ อาจารย์หมอ Prof. Vicharn Panich  ธรรมะวันละคำ : โลกอาจรอดได้ แม้เพราะกตัญญูกตเวที

http://gotoknow.org/blog/thaikm/289571
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/buddhadas/bdd-36.htm

อ่านแล้ว มีหลายอย่างที่ตรงกับการใช้ชีวิต และ วิธีคิด ของนีนานันท์ อย่างไม่น่าเชื่อเลย  รู้สึกดีใจมากค่ะ  นีนานันท์เชื่อเรื่อง เทพเจ้าฟ้าดิน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มาคุ้มครองมนุษย์ และสัมพันธ์กับกฏแห่งกรรม บาปบุญคุณโทษ... แต่จะไม่เชื่อเรื่องผีสาง กุมารทองทั้งหลาย  ไม่ใช่ลบหลู่นะคะ  แต่กลับรู้สึกกลัว แล้วทำให้ไม่กล้าที่จะไปสนใจรู้เรื่องพวกนี้ กลัวว่าจะเป็นภัยมากกว่าจะมาคุ้มครองเราได้  ไม่รู้คิดมากไปหรือเปล่า  อิ อิ

ถือโอกาส ทำลิ้งค์ให้ น้องชิโร ด้วยค่ะ  เดี๋ยวตัวเองมีเวลาก็อาจจะได้มาดูด้วย  พรุ่งนี้มีธุระทั้งวันเลย  อิ อิ

http://gotoknow.org/blog/beesman/6037

ขอบคุณค่ะ

ขออนุญาต ทำลิ้งค์นี้ เป็น window หน้าใหม่ค่ะ...

http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/buddhadas/bdd-36.htm

สวัสดีค่ะน้องนีนา ขออนุญาตเรียกน้อง นะคะ

ขออนุญาตอาจารย์ beeman คุยนอกเรื่องกันสักหน่อย

ยินดีเช่นกันที่ได้เห็นคนรุ่นใหม่ๆ ที่มีความสนใจ ในเรื่องราวของ สามก๊ก และรวมไปถึงเรื่องของธรรมะ

อันที่จริง ความกตัญญูเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด เรื่องของธรรมะ ก็คือเรื่องของจิต รวมไปถึงสติ ปัญญา ในการพิเคราะห์ ให้เข้าใจ คนเรา ต่างก็มีกิเลส รวมถึงตัวพี่เอง พี่ก็มีกิเลส ไม่ใช่น้อยๆ ^^

ตราบใดที่เรายังอยู่ในสังคม ที่ต้องเรียนด้วยกัน ต้องทำงานร่วมกัน ต้องพบผู้คน เราจะปฎิเสธไม่ได้ว่าจะไม่ได้ทำอะไร เป็นการที่กระทบกระเทือนคนอื่น เพราะคนเราก็มีความคิดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่

เพราะฉะนั้น ธรรมะจึงมีส่วนสำคัญที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว จิตใจ ให้เราได้คิด เวลาที่เราสบายใจ เราก็สามารถที่จะไหว้พระได้เหมือนกัน เพราะเราจะมีจิตที่ไม่ต้องการอะไรจากการสักการะของเรา ไม่ต้องรอให้มีเรื่องไม่สบายใจ ทุกข์ใจ แล้วถึงไปไหว้พระ เราสามารถที่จะไหว้พระได้ทุกวัน โดยใช้จิตของเราสักการะ

  • ขอบคุณทุกท่านครับ ที่แวะมาใช้บันทึกนี้ในการลปรร.ครับ

สวัสดีค่ะ  อาจารย์  beeman 吴联乐  38. แม่นางเตียว [IP: 203.155.231.113]  และ ทุกๆ ท่านค่ะ

ขอบคุณ อาจารย์  beeman 吴联乐  ค่ะ  ที่อนุญาต ให้เราได้มีโอกาส ลปรร ในบันทึกนี้ อย่างกว้างขวาง..

น้องนีนานันท์ รู้สึกเป็นเกียรติ ยินดี และ ขอบคุณค่ะ ท่านพี่แม่นางเตียว

น้องชิโร่ หายไปไหนแล้ว  อิ อิ

ก่อนอื่น ต้องขอแถลงการณ์ แบบเป็นทางการ  (ขออนุญาตค่ะ)  คือ ตอนแรก น้องนีนานันท์ ได้เข้ามาเม้นท์ แบบไม่ล็อกอิน โดยใช้ชื่อว่า นีนา (นีน่า) อยู่พักใหญ่  ช่วงที่ใช้ชื่อนีนา (นีน่า) ก็ไม่เคยใช้ชื่อนี้ ส่งเมล หลังไมด์ กับใครเลย..  หลังจากนั้น ก็ได้สมัครสมาชิก เพื่อจะได้ล็อกอินเข้าระบบเพื่อมาเม้นท์  แต่ปรากฏว่า ชื่อ นีนา (นีน่า) ได้มีเจ้าของชื่อล็อกอินเข้าระบบแล้ว คือ มีคนใช้ชื่อนี้ไปเรียบร้อยแล้ว  ดังนั้น จึงได้เปลี่ยนชื่อ และสมัครสมาชิกล็อกอิน เป็น นีนานันท์ เพื่อเข้ามาเม้นท์ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2552  ดังนั้น สรุปแล้ว ชื่อนีนา (นีน่า) โดยเฉพาะหลังไมด์ ที่เห็นกล่าวอยู่ในบันทึกอื่น หลัง 28 มิ.ย. 2552 จึงไม่ใช่ น้องนีนานันท์ค่ะ

น้องนีนานันท์ เชื่อเรื่องความกตัญญู การเปิดทางให้โอกาสแก่ใครๆ  เชื่อว่า การใช้ชีวิตของเราต้องไม่ประมาท เราไม่สามารถรู้อนาคตได้ ดังนั้น เมื่อมีโอกาส ก็จะสะสมความดีไปเรื่อยๆ ดุจโอกาสเหมือนลมหายใจของอากาศที่บริสุทธิ์

สมัยเด็กๆ จะเป็นคนที่อ่านหนังสือได้ดี แต่จะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่อ่าน  จำได้ว่า กว่าจะเข้าใจหนังสือชื่อ โอวาท 4 ท่านเหลี่ยวฝาน ก็ใช้เวลาไปหลายปี ทั้งๆ ที่เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ..

เกี่ยวกับเรื่อง ปากัว ที่ พี่แม่นางเตียว พูดถึง รวมทั้งเรื่องฟ้าดิน จะสัมพันธ์กับเทพฟ้าดิน  天 公/ 天 地 父 母 ซึ่งท่านเป็นเทพคุ้มครองทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้  ความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ปากัว ในการคำนวณ เพื่อสร้างชัยภูมิให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เป็นไปอย่างแพร่หลาย จนกระทั่ง มีความโลภของผู้มีวิชา ได้นำวิชานี้ไปใช้ในการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  ทำให้เทพฟ้าดิน ได้เข้ามาคุ้มครองคนดี จึงมีคำพูดว่า คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต เกิดขึ้นมา

ส่วน คำพูดที่ว่า ฟ้าลิขิตหรือจะสู้มานะตน นั้น  จากหนังสือหลายๆ เล่มที่น้องนีนานันท์ได้เคยอ่านมา  ตัวเองคิดว่า ใกล้เคียงกับหนังสือ ชื่อ โอวาท 4 ท่านเหลี่ยวฝาน มากค่ะ  เพราะ หมอดูทำนายว่า ท่านเหลี่ยวฝานจะต้องประสบชะตากรรม  แต่ท่านเหลี่ยวฝาน ก็สามารถฝืนชะตากรรมที่ร้ายให้กลายเป็นดีได้ในที่สุดด้วยการเปิดโอกาส และช่วยเหลือคนอื่น   และ มีเรื่องเกี่ยวกับความเมตตา รวมถึงการให้โอกาสคนในการทำความดี ของหนังสือเล่มอื่นๆ มากมาย ก็สนับสนุนเกี่ยวกับคำพูดนี้..

ดังนั้น การมีโอกาสทำกรรมดี จึงดุจโอกาสเหมือนได้ลมหายใจของอากาศที่บริสุทธิ์ ต้องสูดให้เต็มที่ค่ะ..  น้องนีนานันท์ มีความเชื่อว่า การใช้ชีวิตของเรา ต้องมีกรรมดี เพื่อมา คาน อุบัติเหตุ ที่อาจเกิดจากอะไรที่ตาม และ อาจผ่านหรือเฉียดเข้ามาในชีวิตของเราค่ะ..

ปกติแล้ว น้องนีนานันท์จะชอบใช้จิตไหว้พระพุทธรูป ไหว้เทพทีกง ไหว้เทพกวงกง..  ถ้าไปวัดก็ไหว้อย่างเดียวเสร็จแล้วกลับบ้านเลย..ไม่แวะคุยกับใคร.. พี่แม่นางเตียวพูดได้ตรงใจน้องนีนานันท์เลยค่ะ  อิ อิ

ปล.  พี่แม่นางเตียวคะ  น้องนีนานันท์ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องความกตัญญู เพราะ เรื่องความกตัญญูเป็นคุณธรรมพื้นฐานเรื่องแรกที่ต้องมีในจิตสำนึกก่อนที่จะไปทำความดีอื่นๆ ค่ะ  แม้แต่ในหนังสือ โอวาท 4 ท่านเหลี่ยวฝาน ก็มีกล่าวไว้แต่แรกๆ เลย  และเห็นว่า ที่พี่แม่นางเตียวพูดมานั้นถูกต้อง (ขอโทษด้วยค่ะ ที่ลืมพูดถึง) รวมทั้งบทความของอาจารย์หมอ Prof. Vicharn Panich ก็มีกล่าวถึงแล้ว  น้องนีนานันท์เห็นด้วยทุกประการค่ะ  ขอบคุณค่ะ

น้อง นีนา(น่า)นันท์

  • เล่าประวัติความเป็นมาของตัวเองในบล็อกได้น่าสนใจทีเดียว
  • ได้ความรู้ที่ลืมไปแล้วว่า คนจีนถือว่า "ความกตัญญู" เป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของคน ก่อนที่จะไปบำเพ็ญคุณธรรมความดีในข้ออื่นๆ..
  • ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ

สวัสดีค่ะ อาจารย์ beeman และน้องนีนา

จากที่ได้อ่าน สำนวนและการเขียนข้อความของน้องนีนา ต้องขอชื่นชม ว่าเป็นคนที่มีการใช้คำพูด ผ่านการเขียนและจัดข้อความได้ดีมากค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวเพิ่มเติม ที่น้องนีนาได้มาเล่าสู่กันฟัง เรื่องบ้างอย่างก็เป็นเรื่องที่เป็นข้ออธิบายถึงพลังแห่งจักรวาลนั้นได้อย่างมากมาย การเขียนหรือแบ่งความสัมพันธ์ของปากัว นั้น ดูจะสัมพันธ์กับดิน ฟ้า มนุษย์ ตั้งแต่ เขียนจากฟ้ามาถึงดิน

การศึกษาเรื่องของธรรมะเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญในการดำรงชีวิตของเรา เพื่อให้เราได้เข้าใจ และพิจารณา แต่ทุกสิ่งไม่ได้ยึดตึงจนเกินไป เพราะโดยชีวิตเราส่วนใหญ่ ยังมีกิเลสอยู่ มีทั้งด้านดีและไม่ดีในตัวเรา เราจึงต้องใช้สติ และปัญญา พิจารณาด้วยตัวเอง

ธรรมะอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา อยู่ที่จิตใจของเรานั่นเอง เมื่อเราไหว้พระ นั่นก็คือ พระที่อยู่ในใจของเรา ยินดีที่ได้คุยกับน้องนีนา

ตอน สงครามลิ้น นี่ เคยได้ถอดข้อความ คำถาม ของขุนนางฝ่ายง่อก๊ก และ คำตอบของ ขงเบ้ง ในซีรีย์ ไว้ในพันทิป

แล้วมีเพื่อนพันทิปคนหนึ่งมา ช่วย ขยายความเห็นของเขา ในแต่ละข้อ

น่าเสียดายที่หากระทู้นั้นไม่เจอแล้ว ซึ่งเขาอธิบายได้ดีมากทีเดียวค่ะ

ไว้จะลงบทถามตอบของตอนนี้นะคะ

สวัสดีค่ะ  อาจารย์ beeman 吴联乐 และ พี่ 43. แม่นางเตียว [IP: 203.107.202.143]

ขอบคุณค่ะ 

คราวที่แล้ว นีนานันท์หยุดพูดถึงสิ่งที่เห็นไว้ที่ ปากัว และคนที่ใช้ปากัว เป็นเครื่องมือเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยจิตใจที่มีความโลภเป็นใหญ่.. การที่ฟ้าให้มาเกิด ฟ้าก็กำหนดหน้าที่แต่ละคนด้วยเช่นกัน.. ให้พรสวรรค์มาให้แต่ละคนด้วยค่ะ จึงสมควรที่จะใช้พรสวรรค์ของตัวเองในการเกื้อกูลกันมากกว่าที่จะเบียดเบียนกัน..

ที่จริงแล้ว เมื่อฟ้าลิขิตชีวิตแต่ละคนลงมาเกิด นอกจากมอบหน้าที่แล้ว..  ฟ้าก็จะจัดกำลังให้ทุกคนมีเสบียงติดตัวมาด้วย  เช่น  เกี่ยวกับเรื่องอาหาร.. นีนานันท์เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับอาหารแมคโครไบโอติกส์ ซึ่งมีสาระหนึ่งพูดไว้ว่า เมื่อชีวิตมาเกิด.. ฟ้าก็ได้ให้อาหารเป็นเสบียงติดตัวมาด้วย  บางคนก็ใช้อาหารของตัวเองแบบทนุถนอมการกินการอยู่ ก็จะอุดมสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา..  บางคนก็ใช้อาหารของตัวเองหมดตั้งแต่ยังเยาว์วัย เช่น กินทิ้งกินขว้าง  บาปนั้นก็ทำให้เขาเกิดโรคภัย หรือ อื่นใดก็ตาม.. ที่ทำให้เขาหากินไม่ได้แม้จะมีเงินมากมายที่จะซื้อหาอาหาร..

หรือเรื่อง การทำอาชีพต่างๆ  คนจีนมักจะพูดคำว่า  คนนี้มีแบบอย่างที่ดี เช่น พูดว่า  อู่ซิงแซเอี่อย(แต้จิ๋ว)  ซึ่งหมายความว่า คนนี้เป็นคุณหมอที่มีแบบอย่างที่ดีของการเป็นคุณหมอที่เราสามารถมองเห็นแบบอย่างการเป็นคุณหมอที่ดีของเขาตั้งแต่ภายนอกเข้าไปถึงในจิตใจ.. ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า บางคนสู่อาชีพต่างๆ ที่คิดว่าสามารถหาเงินได้มาก โดยไม่ได้มีใจที่อาชีพนั้น ก็จะฉาบฉวย ผ่านไปวันๆ โดยไม่ได้เห็นความสำคัญของชีวิตซึ่งเป็นหัวใจของอาชีพ.. 

ลูกสาวของเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันมากกับครอบครัวของนีนานันท์คนหนึ่ง สอบได้คณะเภสัช เรียนไปแล้ว 1 ปีเต็ม พอครบปี ก็กลับมาทบทวน เห็นภาพของตัวเองว่า ต่อไปทั้งชีวิตจะมีอาชีพ ที่กำชะตาชีวิตของคนอื่นไว้ในมือตลอดชีวิต ก็กลับมาบอกคุณแม่ว่า ไม่สามารถเป็นเภสัช เพราะไม่ชอบกำชีวิตคนอื่นไว้ในมือ..  สรุปแล้วก็ยอมเสียเวลาไป 1 ปี เอ็นทร้านซ์ใหม่  ตอนนี้เรียนจบแล้ว มีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ค่ะ.. เธอมีความสุขมากเลย...

นีนานันท์คิดว่า ที่ตัวเองสามารถมองเห็นอะไรๆ ได้ลึกกว่าคนอื่น (ไม่ได้โอ้อวดนะคะ แต่รู้สึกแบบนี้จริงๆ และบางทีพูดอะไรกับใครแล้ว เราก็ต้องรีบหยุด เก็บสิ่งที่เห็นไว้ในใจค่ะ อิ อิ)  เพราะสมัยเด็ก ไร้เดียงสา กลับมาถึงบ้าน ทำอะไรแล้ว อาจมีบางอย่างที่คุณพ่อไม่ชอบใจ (เพิ่งกลับมาคิดเองค่ะ)..  คุณพ่อก็ชอบถามว่า หนังสือไทย มีพูดเรื่องนั้น.. เรื่องนี้.. หรือเปล่า  ก็ไม่รู้หรอกว่าคุณพ่อถามทำไม จำได้แต่เรื่องที่คุณพ่อพูด และถาม..  คุณพ่อรักและเอ็นดูนีนานันท์ เพราะตอนเด็กๆ ไร้เดียงสานานมาก  ท่านเป็นห่วงเรามากกว่าใครๆ ค่ะ..

เรื่องไหว้พระ นีนานันท์ชอบไปเล่าสุขทุกข์ หรือสิ่งที่ไม่เข้าใจ กับพระพุทธรูป และทุกครั้งก็จะได้คำตอบค่ะ เช่น ครั้งหนึ่งตอนนั้นยังเป็นนักเรียนมัธยม..ไปไหว้ซำเปากง แล้วไม่สบายใจ รู้สึกว่าเราทำบุญด้วยเงินนิดเดียว เมื่อเทียบกับคนอื่น.. วันนั้นก็เกิดอยากเสี่ยงเซียมซี (ปกติก็ไม่เสี่ยงเซียมซีค่ะ) ด้วยจิตใจวุ่นวาย  ในเซียมซีพูดว่า  จงทำบุญแต่พอประมาณจิต...  มีอีกครั้ง ไม่สบายใจเรื่องน้องชาย ก็อธิษฐานขอให้น้องชาย พอเสร็จก็ลองเสี่ยงเซียมซี ที่วัดจีน  ในเซียมซีพูดว่า ชีวิตคนเป็นไปตามลิขิตฟ้าไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปขอให้เป็นแบบนั้นแบบนี้..  ประมาณนี้น่ะค่ะ..  ดังนั้น การที่ฟ้าดินเมตตาเปิดช่องไว้ให้เราทำความดีเมื่อมีโอกาส.. ประดุจลมหายใจที่บริสุทธิ์ของเรา เป็นเงื่อนไขพิเศษเพื่อแก้ลิขิตฟ้าค่ะ.. เป็นนาทีทองของคนที่เห็นจริงๆ ค่ะ  อิ อิ   สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นีนานันท์เชื่อใจ มีพระพุทธรูป ทีกง กวงกง  และเหล่าเทพที่มีตำนาน  จะไม่สนใจสิ่งที่เป็นวัตถุ แม้ว่าจะมีข่าวเรื่องคนไปหลงใหลชื่นชมมากมาย เพราะในใจกลัวมาก.. กลัวว่าถ้าแม้แต่เราไปคิดถึง วัตถุนั้นๆ ก็จะมีกระแสจิต อาจมาเป็นภัยถึงเรา เพื่อความปลอดภัย จึงขออยู่ห่างๆ คนละโยชน์จะดีกว่า  อิ อิ

ขออนุญาตเล่านะคะ  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ   

 

 

  • อ่านเรื่องของแม่นางเตียวและนีนานันท์แล้วสนุกมาก
  • รอแม่นางเตียวเอาเรื่องโต้ตอบมาลง..ขอบคุณครับ

น้องมาแล้วค่ะ มาแล้วต้องขอโทษพี่ๆด้วยนะค่ะที่หายหน้าไปนาน....แบบว่าเดือนนี้เจอโอที3ชมทุกวัน......พอกลับถึงบ้านเลยอาบน้ำนอนอย่างเดียว (จริงๆค่ะไม่ได้แตะคอมฯเลย1เดือน....แถมอีเมล์ก็ไม่ได้เช็ค^^!) แต่ช่วงเดือนต.ค.จะทำงานน้อยกว่านี้จะได้มาคุยกันเยอะๆ นะค่ะ น้องขอโทษจริงๆค่ะ

  • น้องชิโร ถ้าเข้ามา
  • นอกจากคุยแลกเปลี่ยนเรื่องสามก๊กแล้ว
  • เล่าเรื่องเกี่ยวกับการทำงานบ้างก็น่าสนุกครับ

แม่นางเตียว อิ่มเรียนอยู่ชั้นม.2 เป็นcandyและบ้าสามก๊กเหมือนแม่นางเลย^o^ อิ่มอยากเป็นเพื่อนแลัลูกศิษย์ของแม่นาง ตั้งแต่อ่านบล็อกของแม่นางครั้งแรกแล้ว วันที่19 ต.ค 54 ก็ไปโพสขอเป็นเพื่อนกับแม่นางแต่แม่นางไม่มาตอบโพสอิ่มเลยTOT วันนี้เลยมาขอเป็นเพื่อนแม่นางที่นี่ รีบกลับมาตอบโพสอิ่มนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท