-ในช่วงระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ตัวผู้เขียนเองได้มีโอกาสไปร่วมเป็นวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้เรื่อง"การทำน้ำพริก"ตามโครงการสาน-สร้าง-เสริมสุขแรงงานไทย หลักสูตร การถนอมอาหาร/กระบวนการผลิตอาหารและการบรรจุหีบห่อ"ณ ที่ทำการกลุ่มแม่บ้านสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชน ตำบลพรานกระต่าย ซึ่งจัดโดยสำนักงานแรงงานจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องครับ....และเมื่อมีโอกาสไปร่วมกิจกรรมดี ดี เช่นนี้แล้วตัวผู้เขียนเองจึงไม่พลาดที่จะเก็บเอาเรืิ่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาบันทึกเอาไว้เพื่อแบ่งปันและส่งต่อ"ความสุข"ไปยังผู้อ่านทุกท่านได้ร่วมติดตามกัน ว่าแต่เรื่องราวของ"น้ำพริกพันปี@พรานกระต่าย"จะมีที่มาอย่างไรนั้น พร้อมแล้ว ตามผมไปชมพร้อมๆ กันได้เลยคร้าบ!!!!!
1.เริ่มงานด้วยการได้รับการประสานงานจากสำนักงานแรงงานจังหวัดกำแพงเพชร ขอความอนุเคราะห์วิทยากรบรรยายในการฝึกอบรมในครั้งนี้ครับ....และเมื่อถึงกำหนดการแล้ว ตัวผู้เขียนเองจึงได้ไปร่วมกิจกรรมตามวัน เวลา และสถานที่ ที่ได้นัดหมายเอาไว้..เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงเริ่มดำเนินการได้แล้วล่ะครับ...
3.ขั้นตอนการเปิดการอบรมถูกจัดตามกระบวนการต่างๆ ไปอย่างเรียบร้อย โดยงานนี้มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องของ"กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม"ได้มาร่วมชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ของโครงการฯ รวมทั้งให้ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับบทบาทภารกิจที่หน่วยงานรับผิดชอบให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทราบครับ...หลังจากนั้นก็ได้เวลาที่ทีมงานของวิทยากรได้ทำหน้าที่ต่อแล้วล่ะครับ...
4.เริ่มจาก อ.สุขสิริ อินจันทร์ อาจารย์จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกำแพงเพชร เป็นวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้เรื่องการถนอมอาหาร/กระบวนการผลิตอาหาร/การบรรจุหีบห่อของผลิตภัณฑ์ กันก่อนครับ หลังจากนั้นตัวผู้เขียนเองก็ได้ดำเนินการถ่ายทอดความรู้เรื่อง"สุขอนามัยในการประกอบอาหาร"กันต่อ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้มีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของสุขอนามัยในการประกอบอาหารด้วย เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยแล้วความสะอาดด้านอาหารก็มีความสำคัญไม่น้อยเลยล่ะครับ...
5.หลังจากได้รับความรู้ในด้านต่างๆ แล้ว ก็เริ่มลงมือปฏิบัติกันต่อครับ โดยเมนูน้ำพริกทที่จะฝึกปฏิบัติในหลักสูตรนี้ประกอบด้วย "น้ำพริกนรก/น้ำพริกเผา/น้ำพริกอ่อง/น้ำพริกหนุ่ม"ครับ สำหรับส่วนผสมและวิธีการต่างๆ ในการทำน้ำพริกนั้น ขอบรรยายด้วยภาพและทำตามวิทยากรผู้ช่วยของผมนามว่า"กำนันทัศนีย์ แก่นสาร"ก็แล้วกันนะครับ 555
6.และนี่ก็คือผลงานของผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ครับ 3 วันที่อยู่ด้วยกันมาเราได้น้ำพริกไป 4 ชนิด พร้อมๆ กับเทคนิคและวิธีการต่างๆ ที่ได้แลกเปลี่ยนกันระหว่างตัววิทยากรและผู้เข้าร่วมการอบรมเอง..ทั้งนี้ก็เพราะว่าการส่งต่อเรื่องภูมิปัญญาด้านอาหารการกินของคนเรานั้น ไม่เพียงแต่จะต้องเป็นฝ่ายให้เพียงอย่างเดียวแต่เราก็ยังเป็นผู้รับต่อภูมิปัญญาเหล่านั้นจากคนรุ่นก่อนๆ ด้วยล่ะครับ..
7.เมื่อได้ผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการ"บรรจุ"แล้วล่ะครับ งานนี้ได้รับคำชี้แนะจาก อ.สุขสิริ วิทยากรที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มาช่วยด้วย ดังนั้นจึงทำให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับความรู้และเทคนิคต่างๆ ไปอย่างมากทีเดียวครับ....
8.ร่วมกิจกรรมกันมา 3 วัน สิ่งที่ได้รับนอกจากความรู้และเมนูน้ำพริกที่หลากหลายแล้ว ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้ส่งต่อวิถีแห่งการกินอยู่ในยุคก่อนๆ ให้กับตัวผู้เขียนได้รับรู้อีกด้วยล่ะครับ เพราะแต่ละท่านที่มาร่วมกิจกรรมล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิตมากมาย ผมลองนับรวม ๆ อายุทั้งหมดแล้วได้อายุรวม 1,000 กว่าปีเลยล่ะครับ และนี่ก็คือที่มาของชื่อบันทึกนี้ "น้ำพริก พันปี@พรานกระต่าย"คร้าบ!!!!!
9.กิจกรรมนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก"สำนักงานแรงงานจังหวัดกำแพงเพชรและหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง"ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ที่ส่งผ่านมายังตัวแทนอาสาสมัครในระดับพื้นที่ ซึ่งนำโดย"ลุงกอบเกียรติ แก่นสาร หรือ ลุงกบ/อาโก"ผู้ประสานงานในระดับพื้นที่ครับ และการพัฒนาคนแบบนี้นี่เองที่จะเป็นตัวช่วยเสริมหนุนให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ในระยะยาวต่อไปครับ...
สำหรับวันนี้........
สวัสดีครับ
เพชรน้ำหนึ่ง
30/03/2560
น้ำพริก น่ากินนะคะ
น่ามานมากๆ ค่ะ
-สวัสดีครับคุณแก้ว อุบล..
-น้ำพริกอร่อยทุกเมนูครับ
-อาหารการกินของครัวไทยต้องมี"น้ำพริก"นะครับ
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจบันทึกนี้นะครับ
-สวัสดีครับศิษย์พี่หนูรี
-เดี๋ยวตามเข้าไปชมเรื่องราวของ"ข้าวเม่า"ครับ
-ขอบคุณครับ
-สวัสดีครับพี่หมอเปิ้น
-ยินดีทีได้แบ่งปันเรื่องราวดีๆ จากอำเภอพรานกระต่ายครับ
-น้ำพริกพันปี...อร่อยครับพี่หมอ 55
-สวัสดีครับพี่ครูมะเดื่อ
-ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอายุรวมกันเป็นพันกว่าปีครับ 55
-แบบนี้ได้สืบทอดภูมิปัญญาการทำน้ำพริกกันอย่างอิ่มเอมใจครับพี่ครู
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจบันทึกนี้ครับ
ชอบจังเลยครับ กระบวนการเรียนรู้แบบปฏิบัติการร่วมกัน และยืนยันในช่วงท้ายว่า มีการ "ส่งต่อวิถีการกินอยู่จากยุคหนึ่งสู่อีกยุคหนึ่ง" เพราะนี่คือรากเหง้า -วัฒนธรรม และพลวัตทางวัฒนธรรม ซึ่งการกินนี่แหละครับเป็นอีกหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกความเป็นชาติพันธุ์ได้ดียิ่งไม่แพ้ภาษา หรือการแต่งกาย ฯลฯ
-สวัสดีครับอาจารย์
-ตามมาจอบช้าไป 14 วันเลยนะครับ
-สำหรับผมแล้วเชื่อว่าวัฒธรรมทางการกินอยู่เป็นหลักฐานการบ่งบอกวิถีแห่งชาติพันธุ์เช่นเดียวกับที่อาจารย์บอกเลยครับ
-ขอบคุณอาจารย์ที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจบันทึกนี้ด้วยนะครับ