“Gratitude can transform common days into thanksgivings, turn routine jobs into joy, and change ordinary opportunities into blessings.”
― William Arthur Ward
หนึ่งในความโชคดีในหน้าที่ที่ฉันทำ คือการได้รับฟังเรื่องราวจากเพื่อนร่วมงานที่ได้มีโอกาสรู้จัก คลุกคลีด้วยในแทบทุกลำดับขององค์กร เรื่องราวที่ฟังดูปกติธรรมดาจากคนงานทั่วไป บางครั้งก็ฉุกให้คิดได้ไม่น้อย
วันก่อนได้มีโอกาสคุยกันเล่น ๆ (แต่ในหัวข้อที่ค่อนข้างจะจริงจัง) กับลุงหัวหน้าคนงานอายุ 64 ปีคนหนึ่ง (ที่ทำงานของฉันมีคนงานอาวุโสที่ทำงานมา 40-45 ปีในบริษัทนี้หลายต่อหลายคน และพวกเขาชอบให้คนงานรุ่นหลังเรียกพวกเขาว่าลุงกับป้า เป็นการแสดงถึงการให้เกียรติ และบ่งบอกถึงวัฒนธรรมการทำงานแบบธุรกิจในครอบครัวขนาดใหญ่) ลุงคนนี้มักจะมีไอเดียดีดีมาพูดคุยในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้ทีมงานเสมอ
ฉัน: ถามจริงๆ นะลุง ไปเอาความคิดดีดีเหล่านี้มาจากไหนตั้งมากมาย
ลุง: ก่อนนอนทุกคืน ผมจะคิดอยู่เสมอว่าจะต้องทำทุกวันให้ดีที่สุด จากนั้นผมก็จะถามตัวเองว่าจะพัฒนาสิ่งใดในที่ทำงานดี มันก็จะเกิดเป็นความคิดขึ้นมา
ฉัน: แล้วเพราะอะไร ลุงจึงต้องคิดอยู่เสมอว่าจะต้องทำทุกวันให้ดีที่สุด
ลุง: ไม่รู้สิ แต่ผมจะรู้สึกภูมิใจนะที่ได้ทำสิ่งที่ดีให้บริษัท ทำให้งานของคนที่มารับช่วงต่อจากผมมีปัญหาน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉัน: มันรู้สึกดีใช่ไหม ที่ได้ส่งต่อสิ่งที่ดีให้คนอื่น?
ลุง: ใช่นะ เวลาส่งมอบงานให้กะต่อไป ผมจะทำงานให้เรียบร้อยที่สุด ถึงคนอื่นจะไม่รู้แต่ผมก็รู้ว่าผมทำดีที่สุดแล้ว
ฉัน: ใช่ เหมือนเวลาเราไปกินข้าวในฟูดคอร์ท ทานเสร็จ เราก็จัดการเก็บจานชามไปวางไว้ในที่รอล้างเพื่อให้คนที่มารอ ได้ใช้โต๊ะที่สะอาดทันที ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง แต่เราก็รู้สึกดี ที่ได้ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้คนอื่น พอทำไปบ่อยๆ มันก็เป็นนิสัยโดยเราไม่ต้องคิด
ฉัน: แต่ถามจริงๆ แล้วลุงไม่คิดท้อบ้างเหรอ ที่บางครั้งเวลารับช่วงงานต่อจากคนอื่นแล้วเขาไม่ได้ส่งต่องานให้เรียบร้อยเหมือนที่เราตั้งใจ
ลุง: มีบ้างนะ แต่ผมก็คิดเสียว่า ถ้าเขาได้รับจากบริษัทมากเท่าผม เขาก็คงทำเหมือนกัน
ฉัน: (ยิ้ม...รอฟัง)
ลุง: ผมเรียนจบแค่มัธยมต้น ทำงานรับจ้างทั่วไป จนอายุยี่สิบสองได้มาเป็นคนงานที่บริษัทแห่งนี้ เงินเดือนเดือนแรก 200 เหรียญ ทำงานหนึ่งปี เก็บเงินได้แต่งงาน เราเช่าห้องอยู่ก่อน ภรรยาผมเป็นแม่บ้าน เก็บเงินสองสามปีผมดาวน์บ้าน (แฟลตรัฐบาล)ได้ ตอนนี้ลูกผมสี่คนเรียนจบมหาวิทยาลัยได้งานทำที่ดี มีครอบครัวไปหมดแล้ว ปีหน้าผมเกษียณ บริษัทมีเงินบำเหน็จให้ผมก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่งให้ใช้จ่ายในบั้นปลายชีวิตอย่างสบายจนอายุ 90 ได้มั้ง
ฉัน: ลุงรู้สึกขอบคุณบริษัทใช่ไหม
ลุง: ใช่ นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ผมมาทำงานมาทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน น่าเสียดายนะรุ่นคุณนี่ สิทธิพิเศษแบบนี้ (เงินบำเหน็จ) ไม่มีอีกแล้ว
ฉัน: (แอบเห็นแววตาที่ชื้นด้วยน้ำใสๆ จนต้องเปลี่ยนเรื่องคุย)
ฉัน: เงินก้อนเล็ก ๆ ของลุงนี่ ถ้าคูณ 25 (1 เหรียญ = 25 บาท) ลุงน่ะเป็นมหาเศรษฐีในบ้านฉันเลยนะ
....
เพราะความรู้สึกขอบคุณในที่ทำงาน
คนบางคนตื่นขึ้นมาทำงานด้วยความกระตือรือร้น
เพื่ออยากมาทำในสิ่งที่ดีที่สุด
ให้บริษัท....ซึ่งก็คือเพื่อนร่วมงานทุกคนรอบตัว
ฉันนึกถึงคำกล่าวของวิลเลียม อาร์เธอร์ วอร์ด ว่า
"ความขอบคุณ สามารถเปลี่ยนวันปกติให้เป็นวันพิเศษ
เปลี่ยนงานประจำให้เป็นความสนุก
และเปลี่ยนกาละธรรมดาให้เป็นความโชคดีได้"
คนงานธรรมดา...กับความตั้งใจดี...ด้วยสำนึกดี
กลับกลายเป็นหนึ่งความงดงามของชีวิตมนุษย์เงินเดือน
ที่ฉันได้สัมผัสในวันธรรมดาที่แสนพิเศษ
และลุงคนนี้แหละคือคนที่จะช่วยให้งานของฉัน...ง่ายขึ้นอีกเป็นกอง
ฉันก็ขอขอบคุณลุงเช่นกัน