OBP ในความเข้าใจของฉัน

จากการอ่านรายงานกรณีศึกษาทำให้เห็นว่า การวางแผนการรักษาในอดีตนั้นยังมีการวางแผนที่ยังไม่ถึงขั้น OBP เนื่องจากเวลาที่ใช้กับผู้ป่วยมีน้อย และยังไม่เข้าใจOBP อย่างแท้จริง ในการวางแผนควรจะมีกการวางแผนการรักษาโดยวางแผนให้ผู้รับบริการทำงานที่ตนเองเคยทำ เช่น งานบ้าน ต่างๆ กวาดบ้านถูพื้น ล้างจาน รวมถึงงานประจำ และให้แรงเสริมเป็น กำลังใจ คำชม สิ่งตอบแทน เพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถและมีคุณค่า ถ้าหากวางแผนแบบนี้ดูไม่เป็นการวางแผนแบบOBP ดังนั้น ควรที่จะวางแผนเป็น พูดให้เขารู้สึกเห็นคุณค่าในตัวเอง และลองทำงานบ้าน โดยเริ่มจากสิ่งง่ายๆ แล้วค่อยไปยากตามลำดับเช่น เช็ดโต๊ะ ถูพื้น กวาดพื้น ขณะเดียวกันก็จะต้องมีการให้กำลังใจ ให้คำชม เพื่อให้เขารู้สึกอยากทำความสะอาดด้วยตัวเขาเอง เมื่อพบว่าสกปรก การวางแผนแบบนี้ ดูมีวัตถุประสงค์และมีความหมายสำหรับตัวผู้ป่วยมากขึ้น เพราะเขาจะได้ ฝึกคิดฝึกตัดสินใจ ว่าเมื่อมีความสกปรกก็ควรทำความสะอาด

ควรให้เขาทำกิจกรรมต่างๆ ตามความสนใจ และให้เขาทำจนสำเร็จและถามความต้องการเพื่อให้เขาสามารถบอกความต้องการที่จะทำกิจกรรมไก้ หลังจากนั้นยกตัวอย่างกิจกรรมใหม่ๆและถามความต้องการอีกครั้งแต่ครั้งนี้ให้เขาเป็นคนเสนอความต้องการของเขาเอง เพื่อที่จะทำให้เขาเกิดแรงจูงใจในการทำเกิดเป้าหมาย มีความหมายและ เห็นคุณค่าในตัวเอง มั่นใจว่าสามารถทำได้

ควรฝึกให้เขาเห็นถึงความสำคัญของการดูแลบ้านนั้น ควรที่จะเริ่มจากการที่ให้เขาเลือกที่จะทำงานบ้านตามความสนใจ และความถนัดแต่สิ่งที่เขาทำต้องเป็นของเขาเอง เช่น ทำความสะอาดเสื้อผ้าตัวเอง กวาดห้องตัวเอง ล้างภาชนะของตัวเอง หลังจากนั้นก็ฝึกให้เขาช่วยทำความสะอาดในส่วนรวม ในการฝึกจะต้องให้เขาเห็นว่าสิ่งนั้นมันสกปรก มันต้องทำความสะอาด พร้อมทั้งให้ความรู้ถึงผลกระทบหากเขาไม่ทำความสะอาดจะเกิดปัญหาอย่างไร

ควรฝึกการทำงานเราควรจะเริ่มฝึกจากงานที่เขาสนใจและทำได้ดี โดยเริ่จากการจำลองกิจกรรมหรืองานที่เขาจะทำให้เขาลองฝึกทำในระยะแรก หลังจากนั้นพาเขาออกไปฝึกในสถานที่จริง เจอผู้คนจริง เพื่อนร่วมงานจริง โดยมีผู้ดูแลใกล้ชิด และทำการประเมินความสามารถของเขา ว่าเขาสามารถทำงานได้สำเร็จหรือไม่ สามารถดูแลตัวเองได้หรือไม่และเข้ากับคนอื่นหรือไม่

ควรฝึกให้เขาสามารถหาวิธีผ่อนคลายความเครียดโดยไม่กลับไปพึ่งเหล้าบุหรี่ คือ ชี้แนะให้เขาเห็นโทษของเหล้าและบุหรี่ สอนวิธีคลายความเคลียด รวมถึงหากิจกรรมเพื่อให้เขาได้ผ่อนคลาย และเพื่อเป็นการเยายงเบนความสนใจ มีการเฝ้าสังเกตุอาการแบะวิธีคลายเคลียดหากเขามีความเคลียดขณะนั้นควรนำกิจกรรมให้เขาทำเพื่อที่เขาจะได้เห็นว่า กิจกรรมเหล่านี้ก็สามารถเป็นทางออกให้กับเขาได้