ก่อนวัน Valentine คือ ๑๑ - ๑๓ กุมภาพันธ์ ๖๐
เป็นวันหยุด คุณมะเดื่อและครอบครัวถือโอกาส
จัดกิจกรรม " คืนกำไรให้ชีวิต" ด้วยการ " ทัวร์นกขมิ้น"
ตั้งใจว่าจะไปเมืองกาญจนบุรี แต่พอถึงวันศุกร์ พ่อบ้าน
บอกว่า ที่พะโต๊ะ เมืองชุมพร จัดเทศกาลล่องแพพะโต๊ะ
ในวันที่ ๑๑ - ๑๒ กุมภา จะไปไหม คุณมะเดื่อจึงตัดสินใจ
เปลี่ยนแผนฉับพลัน....ดังนั้น...เช้าตรู่วันเสาร์พวกเรา
จึงมุุ่งหน้าล่องใต้ทันที
เมื่อ มกราคม ๖๐ ที่ผ่านมา พะโต๊ะ เป็นอีกอำเภอหนึ่งที่ประสบกับอุทกภัย
เช่่นเดียวกับอีกหลาย ๆ แห่งของภาคใต้ หลังน้ำลดเข้าสู่ปกติ คลองพะ่โ่ต๊ะ
อยู่ในสภาพที่เหมาะต่อการล่องแพชมทิวทัศน์สองฝั่งคลองพะโต๊ะเป็นอย่างมาก
ประมาณ ๔ โมงเช้าเศษ ๆ พวกเราก็เดินทางไปถึงอำเภอพะโต๊ะ
ซึ่งมีการจัดงานเทศกาลล่องแพเป็นวันแรก
สถานที่จัดงานอยู่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ และเทศบาล
มีประชาชนและนักท่องเที่ยวไปกางเต็นท์ค้างแรมกันด้วย
ดูน่าสนุก พ่อบ้านชวนให้ค้างคืนที่นี่ด้วยการนอนเต็นท์
เพราะทราบว่ายามเช้าตรู่จะได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้น
ตัดกับสายหมอกสวยงามมาก แต่คุณมะเดื่อเป็นห่วง
เจ้าตัวเล็กที่ไปด้วยกัน จะลำบากในการนอนจึง
ไม่ค้างที่นี่......ไปถึงแล้วจึงเตรียมตัวลงแพ
ทางเจ้าหน้าที่จัดงาน เตรียมเสื้อชูชีพให้กับทุกคน
เพื่อความปลอดภัย ส่วนแพนั้น เป็นแพท่อไฟเบอร์
ที่ทำเลียนแบบแพไม้ไผ่ ซึ่งก็ดูแน่นหนาพอควร แพนี้
ใช้นั่งได้ ๖ คน มีคนถ่อแพที่ทางผู้จัดงานจัดไว้
จำนวน ๑ คน แต่แพที่ครอบครัวคุณมะเดื่อนั่งไป
มีเพียงครอบครัวคุณมะเดื่อเท่านั้น จึงโชคดีที่
แพเบา ไม่ปริ่มน้ำ เหมือนแพอื่น ๆ ที่คนนั่งแพ
เปียกตั้งแต่ลงแพกันเลย
น้ำในลำคลองไหลแรงพอควร แต่ก็ไม่เชี่ยวกรากจนน่ากลัว
อีกทั้งยังไม่ลึกมาก
บางช่วงที่ผ่านไปมองเห็นพื้นดินใต้น้ำได้ชัดเจน...
แพหลายแพล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
บางแพมีเด็ก ๆ นั่งไป แล้วถือโอกาสกระโดดน้ำ
เล่นน้ำไปตลอดทางอย่างสนุกสนาน
สองฟากฝั่งเป็นสวนผลไม้ เสียดายที่ไม่ใช่ฤดูผลไม้ จึงมีแต่ต้นเขียว ๆ
บางแห่งมีหาดทราย เนินทรายน่าพักผ่อน บางช่วง
กระแสน้ำไหลผ่านโขดหินคล้ายน้ำตก
ทำให้คนถ่อแพต้องออกแรงคัดถ่ออย่างหนัก
แต่...ต้องชมว่าเขาเก่งมาก ๆ คนเดียวสามารถ
บังคับแพให้ผ่านเกาะแก่งรายทางได้อย่าง
ปลอดภัย แต่ผู้โดยสารไปกับแพ " เปียก" จ้ะ
มีแพไม้ไผ่ของชาวบ้านจอดรอผู้ชอบผจญภัย
แบบบ้าน ๆ อยู่เป็นระยะ ๆ ที่เห็นตลอดคลอง
คือ " ร่องรอย" ความบอบช้ำจากอุทกภัย
ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจน
ใช้เวลาอยู่ในแพประมาณ ๒ ชั่วโมง ขึ้นจากแพ
ก็รับประทานมื้อเที่ยง ที่ทางผู้จัดงานได้จัดไว้
บริการกับนั่กท่องเที่ยวล่องแพทุกคน
แถมมีดนตรีเพื่อชีวิตบรรเลงให้ฟัง
ในระหว่างรับประทานอาหารกันด้วย
สุดยอด.....!!
อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ทัวร์นกขมิ้น ก็บินต่อ
ไปยัง " ระนอง" สู่ " น้ำตกหงาว"
ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว เพื่อให้
เจ้าตัวเล็กได้เล่นน้ำตกนิดหน่อย
ตามคำเรียกร้อง
ออกจากน้ำตกหงาว พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ " กะเปอร์"
อันเป็นเส้นทางสู่เมืองพังงา อันเป็นจุดหมายปลายทาง
สำหรับวันนี้
บ่ายสี่โมงเศษ ๆ ก็เข้าเขตเมืองพังงา
ก็เจอฝนโปรยปรายต้อนรับกันเลย
สมกับฉายาของแดนใต้ที่ว่า " ฝนแปดแดดสี่"
นอกจาก สายฝนที่โปรยปรายแล้ว ยังพบว่า
เส้นทางสู่พังงานั้น เหมือนเดินทางสู่ภาคเหนือ
ที่ ......" ซ้ายก็ป่า...ขวาก็ภูเขา" ไปจนเข้าสู่พังงา
ทัวร์นกขมิ้น บินถึงพังงาก็ใกล้ค่ำ หาที่พักได้ในตัวเมือง
ที่พอดีกับพังงาจัดงานกาชาด จึงเป็นโอกาส
ให้ได้เที่ยวชมงานนี้ด้วย ....แต่ฝนก็ยังไม่หยุดตก
เอาไว้บันทึกหน้าอ่านต่อนะจ๊ะ บันทึกนี้ยุติไว้ก่อน
ไม่มีความเห็น