ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ช่วงเช้ามีกิจกรรมเรียนรู้ 3 ห้องเพื่อให้ชาวนาในแต่ละพื้นที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดย 3 ห้องเรียนรู้ คือ
ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้ทั้ง 3 ห้อง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม สลับหมุนเวียนห้องละประมาณ 1 ชม. ซึ่งจ๊ะจ๋าก็ได้เรียนรู้ร่วมกับชาวนาหลายๆ ภาคในกลุ่มที่ 3 ซึ่งในแต่ละฐานมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจนหยดสุดท้าย หมดเวลาแล้วยังไม่จบ...กว่าจะเปลี่ยนห้องได้...ก็เพราะกลุ่มอื่นๆ มายืนต่อแถวรอ ....
โดยห้องแรกที่เราได้เรียนรู้คือ ห้องการปรับปรุงบำรุงดินโดยชีววิธี(ดิน) มีคุณอำนวยคือ คุณณรงค์ จากมูลนิธิข้าวขวัญ
ได้มาเล่าให้ฟังถึงการเตรียมดินที่ดี ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการปลูกข้าวหรือแม้แต่ปลูกพืชชนิดอื่น ด้วยการใช้จุลินทรีย์ที่อยู่ในขอนไม้ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ แหล่งสำคัญของหัวเชื้อจุลินทรีย์คือมาจากน้ำตกไซเบอร์ จ. อุทัยธานี ในการเตรียมจุลินทรีย์เพื่อขยายต่อด้วยการนำหัวเชื้อจุลินทรีย์นี้มาผสมกับกากน้ำตาล รำ และใบไม้ไผ่ น้ำคลุกเคล้ากันให้ไม่เปียกมาก ทิ้งไว้ 7 วัน จนเกิดราสีขาว ก็สามารถนำไปใช้ได้แทนปุ๋ยเคมี ทุกช่วงตั้งแต่การเก็บ การเตรียมเป็นสิ่งสำคัญทั้งสิ้น ซึ่งรวมไปถึงอุณหภูมิ แสง น้ำ(ความชื้น) ต้องเหมาะสม นอกจากนี้ คุณณรงค์ยังเล่าที่มาที่ไปถึงผลการศึกษาทางวิชาการที่ได้รับการตรวจสอบจากนักวิชาการแล้วพบว่าจากจุลินทรีย์ที่เก็บมาจากน้ำตกไซเบอร์ มี 4 สายพันธุ์ใหญ่คือ ไตรโคเดอร์มา ไรไซบัส ยีสต์และ บาซิลัส
<p> </p><p>ภาพ1 เป็นการสาธิตการทำจุลินทีย์แบบแห้ง ภาพ2 ผลจากการหมักได้ 7 วัน สังเกตดีๆ จะเห็นเชื้อราขึ้นมาเป็นใยขาวๆ</p><p> เมื่อหมดเวลาก็เปลี่ยนห้องการปรับปรุงบำรุงดินโดยชีววิธี(ดิน) ไปยัง ห้องการจัดการศัตรูพืชโดยชีววิธี(แมลง) ซึ่งห้องนี้ก็ได้เรียนรู้ว่าในท้องนาที่เราปลูกข้าวนี้มีแมลงดี แมลงร้าย และจะส่งผลต่อระบบนิเวศอย่างไร ในกลุ่มได้ทดลองการจับแมลงในท้องนาด้วยการนำตาข่ายจับแมลง (ดังภาพ3) กวัดแกว่งในท้องนา ต้องลงไปถึงต้นข้าวนะคะ บางท่านที่ร่วมกลุ่มคิดว่ากวัดแกว่งแค่ยอดข้าวเท่านั้น …เราก็ได้รู้วิธีจับแมลง หลังจากนั้นก็ทำการน็อคแมลงแบบทันด่วน…และนำมาคัดเลือกว่าตัวไหนแมลงดี ตัวไหนแมลงร้าย และมาดูสัดส่วนกันว่า ท้องนาผืนสาธิตนี้มีสัดส่วนแมลงดีต่อแมลงร้ายเป็นอย่างไร จากการตรวจนับพบว่ามีสัดส่วนของแมลงดีอยู่มาก ซึ่งแมลงดีที่พบได้แก่ ตัวห้ำ ตั๊กแตนหนาวยาว จิ้งหรีดหนวดยาว แมลงปอเข็ม แมลงวันก้นขน แตนเบียน ด้วงก้นกระดก ด้วงเต่า (ยังมีแมลงดีอีกหลายชนิดนอกจากที่กล่าวข้างต้นคือ แมลงปอบ้าน มวนจิงโจ้ มวนเขียวดูดใบ แมลงมุมหลังเงิน เป็นต้น) แมลงร้ายที่พบคือ หนอนม้วนใบ 1 ตัว บ่งบอกได้ว่าขณะนี้มีแมลงดีช่วยกำจัดแมลงร้ายส่งผลห้ระบบนิเวศในท้องนาดี</p> และเราก็ได้ทดลองวาดรูปแต่ไม่อยากจะโชว์ ..เพราะวาดไม่ได้เรื่องเลย…สู้ นร.ชาวนาไม่ได้เลย..เค้าวาดได้สวยงามมาก แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ชาวนามีทั้งความตั้งใจและความเป็นศิลปินอยู่ในตัวตน แต่ไม่ได้แสดงออกมาให้คนทั่วไปรู้ จริงแล้วเขาเหล่านี้มีความรู้แฝงฝังอยู่ในตนทุกคนเพียงแต่ไม่รู้ตัวว่าตนมี นี่คือเวทีหนึ่งที่ทำให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่า ชาวนาไทยมีดีเหมือนกันนะ (ดังภาพที่ 4) <p> </p><p>ภาพ 3 นร. ชาวนาจับแมลงในท้องนาอย่างคล่องแคล่ว ภาพ 4 ฝีมือการวาดภาพของ นร. ชาวนา </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">ห้องการปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์ข้าว ฐานสุดท้ายที่ได้เรียนรู้ เป็นฐานที่น่าสนใจ ตั้งแต่คุณอำนวยที่ดูแลฐานนี้ บอกว่าในการคัดพันธุ์ข้าวนั้น ข้าวที่ดีจะต้องมีลักษณะ เรียว ยาว มีจมูกข้าว ผิวมันตึง ซึ่งตรงข้ามกับเมล็ดข้าว 3 ลักษณะที่ไม่ต้องการคือ มีท้องไข่ แหว่ง ร้าว ซึ่งจ๊ะจ๋าก็ได้ทดลองคัดเลือกเมล็ดข้าวกล้องที่มีพันธุ์ชื่อว่า คุ้มสุพรรณ โดยมีพี่เลี้ยงที่เป็นคุณตา คุณยาย คอยดูแล….เค้าให้คัดเมล็ดดี 5 เมล็ด เล่นเอาเราต้องปาดเหงื่อเลยทีเดียว…ยากนะคะ…ไม่ใช่เรื่องง่าย และคุณอำนวยฐานนี้ได้บอกกับเราว่า “เราต้องมีความมานะ และต้องขยันในการคัดเลือก...ถ้าคัดเลือกพันธุ์ออกมาได้ดี...ก็ง่ายในการนำไปขยายพันธุ์ข้าวต่อไป...ถ้าคัดเลือกได้ไม่ดี เมื่อนำไปปลูกเพื่อเพาะออกเป็นต้นกล้า..เมื่อข้าวออกรวงมา..แล้วลองเกาะออกมาดูอาจจะไม่ได้พันธุ์ข้าวที่ดี ก็ต้องคัดเลือกกันใหม่ ต้องทำกันหลายรอบคะ......จนในที่สุดจะได้ข้าวที่มีคุณภาพ....อย่าขี้เกียจเด็ดขาด....ลำบากตอนนี้...และในช่วงขยายพันธุ์เราจะสบาย” เป็นบทสรุปสั้น...แต่เนื้อหากินใจคะ</p> <p> </p><p>ภาพ 5 ข้าว 3 ลักษณะที่ไม่ต้องการ ภาพ 6 เมล็ดข้าวที่คัดไว้แล้ว</p><p></p><p></p><p> </p><p>ภาพ 7 นร.ชาวนาขมักเขม้นคัดเลือกเมล็ดข้าวกันน่าดู</p> หมดเวลา 3 ชม. ในห้องเรียนรู้..จนทุกคนบ่นว่า.. ทำไมหมดเวลาเร็วจัง……ในแต่ละฐานทุกคนตั้งใจเรียน ซักถาม สังเกต จดบันทึก จนไม่รู้ว่าหมดเวลาสำหรับฐานนี้แล้ว …ช่างเป็น นร.ชาวนาที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้กันจริงๆ…สมกับคำว่า เรียนไม่รู้จบ…น่าจะให้ นร. ยุคนี้ที่ไม่สนใจการเรียนมาดูเป็นตัวอย่างซะบ้าง….ว่าขนาด รุ่นพ่อ รุ่นแม่ รุ่นปู่ รุ่นย่า ยังสนใจใฝ่เรียนรู้…..และทำได้ดีทีเดียว
หมอชาวนา มีผลงานวิจัยอิสระเรื่อง ปัญหาความยากจนของเกษตรกร โดยเฉพาะกลุ่มชาวนา พบวิธีแก้ไขปัญหาง่าย ๆ หลายแนวทาง สามารถทำให้เกษตรกรรวยกว่าพ่อค้า ดีกว่าข้าราชการ ได้มากกว่ากองทุนเงินล้าน มีเงินให้รัฐบาลกู้ยืม รวยจากการให้ ได้จากความสามัคคี ยิ่งนานยิ่งรวย รวยด้วยศักยภาพและการพึ่งพาตนเอง ทุกปัญหามีคำตอบ แม้จะเป็นปัญหายุทธศาสตร์ขนาดใหญ่แต่ก็เป็นได้แค่เส้นผมบังภูเขา โอกาสเราสร้างเองได้ และชัยชนะเราสามารถสร้างขึ้นได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว ชนะแบบไม่ต้องออกแรงสู้ อยู่เฉย ๆ ก็ชนะ หรือชนะทางยุทธศาสตร์ ชนะโดยไม่ต้องรบ ปราบทุจริตให้สิ้นไปไม่มีใครกล้าทุจริตอีก ไม่เกิดความสิ้นเปลืองเสียหายร้ายแรง เน้นการเอาชนะปัญหา ไม่ใช่เอาชนะกันเอง เพราะความขาดสติไร้ปัญญาคนจึงฆ่ากันตาย ทำร้ายกันเอง ปัญญาเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาได้ดีที่สุด ต้องเป็นปัญญาของตนเองไม่ใช่เป็นเครื่องมือของใคร ไม่ว่าใครจะเรียนรู้อะไร จบจากไหน ระดับใด ถ้าขาดสติก็ไร้ปัญญา ชี้ทางสวรรค์ให้ก็ไปไม่ถูก เพราะใช้อารมณ์ ไม่ใช้ปัญญา ปัญญามาจากความจริง ทุกคนมีเป้าหมายอยากไปสวรรค์แต่พากันเดินลงนรกก็ไม่มีวันจะเห็นสวรรค์ ถ้าอยู่ร่วมกันด้วยการเบียดเบียนแก่งแย่งอย่างทุกวันนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีสันติสุขแท้จริง ยกเว้นแข่งกันทำความดี โดยใช้ความจริง สภาพปัญหาความยากจนสอดส่ายกันคล้ายใยลูกบวบ คนรู้ไม่จริงแก้ไม่ตกมืด 8 ด้าน ขอเชิญผู้มีเกียรติที่พร้อมด้วยสติปัญญาทุกท่านที่สนใจการแก้ไขปัญหาลองเข้าไปอ่านในอินเทอร์เน็ตหัวข้อ msgent of thai สงสัยติดต่อสอบถาม [email protected]