-อนุรักษ์ผักพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งกับผักแปลกๆ ณ บ้านลานทองน้อย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร กับการบันทึกเรื่องราวต่อจากบันทึกนี้ครับ มั่นคงทางอาหารแบบ"Farm Women Group"#2 เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจและอิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อยแล้วทีมงานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านลานทองน้อย จึงชวนผมไปเก็บผักพื้นบ้านนามแปลกหูว่า"ผักไร"ครับ...เมื่อมีโอกาสเหมาะ ๆ เช่นนี้มีหรือที่ตัวผมจะพลาดไปเก็บเรื่องราวและภาพบรรยากาศมาฝากผู้อ่าน เอาเป็นว่าพร้อมแล้วตามผมและทีมงานไป"แคะผักไร แวะเดินห้าง"ไปพร้อมๆ กันได้เลยคร้าบ!!!!
1.และนี่ก็คือทีมงานที่จะพาพวกเราไป"แคะผักไร"ครับ...นำโดย"พี่ดวง/พี่เข็ม"พร้อมกับทีมงานอีกบางส่วนที่ล่วงหน้าไปก่อน เพราะว่าเรามัวเก็บภาพบรรยากาศบนท้องทุ่ง ที่แม้ว่าอากาศจะร้อนไปสักหน่อย แต่พวกเราก็พร้อมรับ"ความสุข"ที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ ท้องไร่ท้องนาอันกว้างใหญ่ผืนนี้คร้าบ..5555
2.หลังจากมุ่งหน้าไปยังแปลงนาแล้ว ทีมงานของเราก็ได้พบกับ"ผักไร"ครับ...สำหรับตัวผมเองแล้วจะคุ้นเคยกับ"ผักขี้ขวง"ที่มีีรสชาติขมๆ หรือบางแห่งจะเรียกว่า"สะเดาดิน"มากกว่าครับ แต่วันนี้เราจะไปเก็บ"ผักไร"ซึ่งจะไม่มีรสขมเหมือน"ผักขี้ขวง"ครับ โดย"ลุงซอย(เสื้อสีขาว)"บอกกับผมว่า"ผักขี้ขวง จะมีลักษณะใบรีๆ จะยาว รสชาติจะขม"ส่วน"ผักไร จะมีลักษณะใบกลมมน รสชาติจะไม่ขม"ครับ แยกกันชัดเจนแบบนี้แล้วจึงทำให้ผมได้ลองหาดู"ผักไร"ไปด้วยความสนใจครับ..
3.และนี่ก็คือ"ผักไร"ครับ ลักษณะของใบจะกลมมนเหมือนกับที่ลุงซอยบอกเอาไว้ ผมได้ลองชิมดูใบ"ผักไร"แบบสดๆ ก็ทำให้รู้ว่ารสชาติไม่ขมเหมือน"ผักขี้ขวง"ครับ..แต่เราต้องดูดีๆ และแยกให้ออกเพราะว่าหากไม่ดูให้ชัดเจนแล้วเราก็จะเก็บ"ผักขี้ขวง"ติดไปด้วย แต่บางคนที่ชอบรสชาติขมๆ ก็สามารถเก็บไปแกงรวม ๆ กัน ก็จะได้รสชาติที่อร่อยไปอีกแบบหนึ่งครับ...
4.และนี่ก็คือ"ผักขี้ขวง"ครับ..ลักษณะของใบและข้อมูลที่สามารถค้นหาได้จาก Internet ติดตามได้จากที่นี่ครับ ผักขี้ขวง หรือ สะเดาดิน
5.ส่วนที่ท่านกำลังเห็นอยู่นี้"พี่เข็ม"บอกกับผมว่ามันคือ"ผักไรน้ำข้าว"ครับ...ลักษณะของใบก็กลมมนแต่จะมีสีขาวนวลกว่า"ผักไร"หากนำไปแกงหรือทำกับข้าวจะไม่ค่อยอร่อยเพราะจะสากๆ ลิ้นน่ะครับ...ได้รู้จักผักอีกชนิดหนึ่งแล้วทำให้ผมต้องเก็บข้อมูลเอาไว้ก่อนครับ 5555
6.พอเดินไปสักพักหนึึ่ง"ป้าผิน"ก็เรียกให้ผมไปดูผักพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า"ผักรังนก"ครับ ครั้งแรกที่ผมเห็นก็บอกกับ"ป้าผิน"ว่ามันคือ"กระทกรกหรือสะหลกบาตร"แต่ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นผักคนละชนิดกัน โดย"ผักรังนก"จะไม่มีขนครับ วิธีการนำมากินก็คือการนำเอามาดองหรือผัดน้ำมันจิ้มน้ำพริกครับ....ได้เจอของแปลก ๆแบบนี้ผมจึงขอชิม"ผักรังนก"แบบสดๆ กันสักหน่อย รสชาติออกจืดๆ ครับ คิดว่าหากนำไปดองหรือผัดน้ำมันต้องอร่อยแน่ๆ ครับ..
7.บรรยากาศในท้องทุ่งยามนี้ แม้ว่าจะร้อนจนดินแตก แต่"พี่ดวง"ก็บอกกับผมว่าสามารถมาหาแหย่เขียดได้ โดยตัวผมเองก็พอจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับวิธีการหาอาหารแบบนี้ ดังนั้นเมื่อเห็นแบบนี้แล้ว จึงขอเก็บภาพและรำลึกถึงความหลังครั้งเก่าก่อนกันสักหน่อยคร้าบ 555555
8.หลังจากเก็บ"ผักไร"ได้มากพอที่จะนำไปเป็นอาหารเย็นแล้ว "ลุงซอย"ก็นำเอาน้ำเย็นๆ มาให้เราดื่มดับกระหายครับ ผมเพิ่งสังเกตุว่า"ลุงซอย"ได้เอาน้ำใส่ย่ามมาด้วย ซึ่งทำให้พวกเราดับกระหายได้อย่างชุ่มฉ่ำหัวใจบนท้องทุ่งอันร้อนแรงครับ 555 ก่อนออกจากทุ่งนาอันกว้างใหญ่แหล่งอาหารพื้นบ้านแห่งนี้ ทีมงานของเราก็ขอเก็บภาพเอาไว้อีกรอบหนึ่ง บรรยากาศชิลล์ๆ แบบนี้ล่ะที่ผมชื่นชอบคร้าบ 55555
9.ก่อนจากกันวันนี้ ทีมงาน"แคะผักไร"แห่งบ้านลานทองน้อย ก็มอบ"ผักไร"ให้กับผมเพื่อเอาไปทำกับข้าว โดยวิธีการทำ"แกงผักไร"ของคนลานทองน้อยนั้น "พี่ดวง"บอกกับผมว่า"จะแกงใส่ลูกถั่ว"หรือ"ถั่วเขียว"ครับ ซึ่งตัวผมเองก็ยังไม่เคยได้ลิ้มลอง งานนี้คงต้องขอนำไปแกงแบบทางภาคเหนือกันก่อนก็แล้วกันนะครับ....อ้อ...ก่อนกลับเราขอแวะพักผ่อนที่"ห้างนา"กันก่อนจะเป็นไร เพราะว่าพวกเราคือ"นายห้างใหญ่"ครับ....55555 บรรยากาศแบบท้องทุ่งแบบนี้มีให้ได้สัมผัสและรับ"ความสุขแบบบ้าน ๆ "ได้จากที่นี่ บ้านลานทองน้อย ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร นะคร้าบ!!!!!
10.หลังจากกลับถึงบ้านไร่ของผมแล้ว มื้อเย็นนี้"แม่นันทา สืบวงศ์"ก็รับหน้าทีี่ในการปรุงเมนู"แกงผักไร"แบบต้นตำหรับของ"ชาวล้านนา"ให้ผมได้ลิ้มลองครับ "แกงผักไรใส่ปลาย่าง"กินแบบร้อนๆ อร่อยมากๆ เลยล่ะคร้าบ....และนี่ก็คือ"ความมั่นคงทางอาหารของพี่น้องชาวบ้านลานทองน้อย"ครับ...
สำหรับวันนี้ ต้องขอขอบคุณทีมงานแคะผักไร ที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ชีวิตดี ดี ให้กับตัวผม "ความสุข"เกิดขึ้นได้จากทุกแห่ง หากแต่ใจเราเปิดรับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา มิตรภาพอันงดงามเกิดขึ้นได้เสมอ จากที่แห่งนี้่ บ้านลานทองน้อย.....
ขอขอบคุณด้วยใจ
เพชรน้ำหนึ่ง
01/02/2560
ปล.ขอขอบคุณข้อมูลเรื่อง"ผักขี้ขวง"จากMed Thai.com มา ณ ที่นี้ด้วยนะคร้าบ!!!!
อ่านแล้ว พลอยให้หวนคิดถึงถึงวาทกรรมสำคัญที่ได้ยินและคุ้นชินจากอดีตมาจนปัจจุบัน คือ กินข้าวเป็นหลัก กินผักเป็นยา
ขอบคุณครับ