ม่อนแจ่มครั้งแรกนี้เป็นทริปที่เกิดขึ้นจากการไปประชุมวิชาการค่ะ ผู้จัดจัดให้เพื่อเรียนรู้โครงการในพระราชดำริโดยพาไปท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม
ฉันอะไรก็ได้ ที่ไม่ต้องตื่นเช้า จึงเป็นที่ม่อนแจ่ม ฉันว่าม่อนแจ่มก็ไม่ต่างจากภูป่าเปาะเป็นสถานที่ให้ชมวิวทิวทัศน์ และจำหน่ายสินค้า ไม่มีอะไรเด่นเป็นพิเศษ ยกเว้น "วิว" ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ ใครๆ ก็ต้องแวะ ตามแผนเราจะได้ชมโครงการในพระราชดำริเขื่อนหนองหอย และสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์
เครเลยค่ะ
ทริปเริ่มเวลา 7.30 น. ม่อนแจ่มห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 40 กม. เราไปรถตู้ค่ะ ไปชมไร่สตอเบอรี่ที่สะเมิงก่อน ถึงขับวนเป็นวงกลมมาที่ม่อนแจ่ม
จุดแรกที่แวะคือ วัดพระธาตุดอยคำ จุดที่มองเห็นสวนราชพฤกษ์ และตัวเมืองเชียงใหม่
วัดนี้มีชื่อเสียงเรื่อง หลวงพ่อทันใจ ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก หลายคนที่บนบานแล้วสำเร็จก็นำพวงมาลัยดอกมะลิมาถวายแก้บน หลวงพ่อทันใจแห่งวัดพระธาตุดอยคำ ว่ากันว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพญากือนา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา ฉันเห็นข่าวคนมาแก้บนบ่อยๆ ในทีวี
ฉันเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาในการทำความดี ฉันไม่ได้บนแต่ขอเอาดื้อๆ ฉันได้ขอให้ฉันมีดวงตาเห็นธรรม และสามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคในชีวิตไปได้
ระหว่างทางเข้าจากถนนเลียบคลองส่งน้ำมา จะพบเห็นการจำหน่ายพวงมาลัยตลอดเส้นทาง บางร้านขายทาง Social Network ด้วย เป็นยุคแห่ง Internet of Thing จริงๆ
นั่งรถต่อไปประมาณ 1 ชม.ชมภูเขาเขียว ลำธาร และไร่เกษตรกรรมหลากประเภท รถตู้ก็จอดให้เราลงเก็บสตอเบอรี่ที่ไร่ นภ ภูผา ที่สะเมิง
ฉันรู้สึกเมารถเล็กน้อย จึงได้ยึดเก้าอี้เอนหลังนอนพักผ่อน ไม่ได้ไปเดินเก็บสตอเบอรี่กับเพื่อน ได้น้ำสตอเบอรี่ปั่นจากทางไร่ (ไม่รู้ราคา-เพราะผู้จัดจ่าย) มันอร่อย และสดชื่นมาก ที่นี่มีที่พักและขับรถเอทีวีเที่ยวด้วย พวกเรามาเป็นหมู่คณะจึงได้แค่ชมไร่เก็บสตอเบอรี่ และถ่ายรูป
11.00 น. รถจอดส่งเราที่ม่อนแจ่ม ให้เวลาตามอัธยาศัยประมาณ 1.30 ชม. แดดใกล้เที่ยงทำเอาฉันเมื่อยล้า ประกอบด้วยอาการเมา(รถ)ค้าง ฉันเรียกรถมอไซด์รับจ้างจากตีนเนิน ไปส่งจุดชมวิวซึ่งเป็นที่ชัน ระยะทาง 200 เมตร ค่าบริการราคา 20 บาท...หัวเข่าต้องการการถนอมค่ะ...เจอหนุ่มๆ น้องวินแล้วกระชุ่มกระชวย 555+ ดีกว่าเดินลากสังขารเอาน้ำหนัก 80 กก.ขึ้นไปบนเนิน
จุดชมวิวม่อนแจ่มวันที่ฉันไปยืนนี้ ดอกนางพญาเสือโคร่งทิ้งใบแล้วแต่ยังไม่ผลิดอก...กร่อยอีกแระ เอาจริงก็ไม่กร่อยนะสำหรับดอกนางพญาเสือโคร่ง 3 ปีก่อนฉันไปดูแปลงปลูกที่ภูลมโลแล้วก็รู้สึกเต็มๆ ไปแล้ว
ดอกไม้สวยเบ่งบานรับนักท่องเที่ยว...
ที่นี่วิวหรือจุดไฮไลท์ไม่ใช่สิ่งที่ฉันประทับใจ หมอกก็คงไม่มีในเวลาเที่ยง สถานที่เต็มไปด้วยผู้คน สิ่งที่ฉันประทับใจคือ "ท้องฟ้า" ที่เป็นที่มาของทริปครั้งนี้ที่ว่า ฟ้าแจ่มที่ม่อนแจ่ม
(คนที่ติดอยู่กับภาพ ไม่รู้จักสักคน...ที่ท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวเป็นของคู่กัน)
นอกจากนั้นยังฉันประทับใจ"ร้านกาแฟ" ที่บรรยากาศเย็นๆในบนยอดเขาในเดือนมกราคมคงทำให้กาแฟได้อรรถรส แต่โชคร้ายตั้งแต่เช้าฉันกินกาแฟไป 2 แก้วของพร้อมน้ำสตอเบอรี่ปั่นไปอีก 1 แก้วใหญ่ ทำให้ฉันไม่สามารถบรรจุกาแฟลงไปได้อีก ...แต่พอมีพื้นที่ยัดสโคนลงไป 1 ชิ้น...น่าแปลกใจที่ที่นี่ไม่เสริฟแยมพร้อม...ทั้งที่สตอเบอรี่ก็ออกแยะ สโคนอร่อยสมคำร่ำลือ
ก่อนหมดเวลาที่นัดไว้ ฉันก็เริ่มเดินช้อปและชมลงมาที่จุดจอดรถ แวะร้านค้าที่จำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรสดๆ สินค้าของชาวเขา แค่ระยะทาง 200 เมตร เล่นเอาหมดเงินไปเยอะเหมือนกัน ทั้งซื้อกินและซื้อฝาก
ฉันบอกแม่ค้าพ่อขายว่า ถ้าบ้านฉันอยู่ใกล้ ฉันจะเหมาผัก ผลไม้กลับไปให้หมดเลย...ความสด ทำให้ฉันเกิดความโลภ
ของที่ระลึกจากหัตถกรรมก็มีหลายประเภท เชาน กระเป๋าใส่เศษเหรียญที่ทำมาจากหญ้าชนิดหนึ่ง
หลังจากนั้นระหว่างไปสถานที่ปลูกผักเมืองหนาวของโครงการพระราชดำริหนองหอย ผู้จัดก็พาเราทานข้าวเที่ยงที่สวนอีเดน ถ้าได้แวะร้านอาหารโปรดสั่งไก่อบโอ่ง มันอวบอ้วนมาก
ส่วนการเข้าชมสวนอีเดนนั้นจ่ายเพิ่ม 20 บาท ฉันไม่ได้เข้าด้วยความรู้สึกสวนและไม้ประดับโทรมเกินกว่าจะจ่ายเงินเข้าไปถ่ายรูปด้วย
จุดสุดท้ายแห่งวัน คณะจะพาไปชมสวนพฤกษศาสตร์สิริกิตติ์ ด้วยอาการเมารถทำให้ฉันยกเลิกการเที่ยวชมและเข้าเมืองไปพร้อมกับน้องที่ต้องเดินทางกลับ เป็นอันจบทริปเบาๆ
...งานนี้ฉันเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนเหมารถแดงไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งบานตามแหล่งต่างๆ ก็น่าจะได้บรรยากาศไปอีกแบบ
เชียงใหม่มีความได้เปรียบด้านการท่องเที่ยว พร้อมครบทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ บูรณาการและแหล่งช้อปปิ้ง ต้องเที่ยวหลายวัน
ไม่มีความเห็น