เที่ยวลันตาอีกแล้ว


ทุกการเดินทางล้วนมีแง่มุมที่ดีของมันอยู่เสมอ


ความไม่คาดฝัน ทำให้เกิดความรู้สึกเร้าใจ

ความไม่ได้ดั่งใจ ทำให้เราได้มีโอกาสตั้งสติ

ฝนตกตอนเที่ยวทะเล ทำให้เราได้เล่นน้ำทะเลกลางฝน

เครื่องบินเสียเวลา ทำให้เราได้นั่งคุยกับสมาชิกในครอบครัวนานขึ้น

เอาเป็นว่า เดินทางเหอะ เราจะได้พบเรื่องดีๆอย่างที่ผมโปรยมาบ้าง ไม่มากก็น้อย

วันหยุดยาวช่วงปีใหม่นี้ "ชูบุญ" หลังน้อยๆนี้ ไปเที่ยวลันตากันอีกรอบ

หลายคนคงกำลังอมยิ้ม และอาจจะรู้สึกสงสัย ว่าลันตามีอะไรนักหนา บ้านของผมจึงต้องไปเหยียบที่นั่นมันทุกปี

ผมก็จะอมยิ้มและตอบกลับไปว่า "ก็เพราะมันเป็นลันตาไง จึงได้อยากไปทุกปี"

ลันตายังสวย

ลันตายังไม่พลุกพล่าน

ลันตาลงแช่ตูดในทะเลได้โดยไม่ต้องกลัวถูกดูดออกไปอินเดีย

และที่สำคัญ ลันตามีความทรงจำของครอบครัว

เรามาลันตาครั้งแรกกันตั้งแต่น้องจ้ายังพูดไม่เป็นประโยคด้วยซ้ำ เรายังต้องรอคิวลงแพข้ามระหว่างเกาะ ๒ ช่วง เราจะย้ายที่นอนกันครั้งที่มาที่นี่ เรายังคงไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหาร "บนเขา" ทุกปี ไปกินกันจนคนในร้านจำครอบครัวเราได้ เมื่อปีใหม่ ๒ ปีที่แล้ว ผมมากับจิ๋มเพียง ๒ คน เด็กในร้านยังถามถึงลูกสาวทั้งคู่ของเรา แป้งเคยลงสระที่นี่นานที่สุดถึง ๓ ชั่วโมง และเป็นที่มาที่เราพยายามโทษการลงสระในครั้งนั้นที่ทำให้ลูกสาวเราดำจนถึงตอนนี้ (ฮ่าๆๆ)

มาถึงคราวนี้ แป้งชักจะบ่นๆ ว่าเบื่อลันตา "มันไม่มีอะไรนอกจากฟ้าและทะเล" เธอว่ามา

ผมจึงบอกไปว่า "ก็นั่นแหละ เกาะที่ไหนก็มีแต่ฟ้ากับทะเลไม่ต่างกัน ดังนั้น ลันตาจึงเป็นทางเลือกแรก เพราะเดินทางมาได้โดยสะดวกและปลอดภัยที่สุด"

เอาล่ะ คราวนี้ผมจะเล่าว่า ลันตาครั้งนี้ของผมมีอะไร ในมุมมองธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของผม

๑. ลันตาคราวนี้ เป็นการได้นอนร่วมเค้าท์ดาวน์นอกบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ ๔ ปีที่ผ่านมาที่ผมต้องคอยเป็นรองผู้อำนวยการเฝ้าโรงพยาบาลมาตลอด ดังนั้นในปีนี้ใครจะเอาอะไรมาฉุดผมเอาไว้ก็คงไม่อยู่ เมียสั่งให้ลาพักร้อนออกจากโรงพยาบาลไปตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม (ไม่รู้ว่าใครเก็บกดกันแน่นะ)

๒. น้องจ้าเป็นผู้เลือกรีสอร์ทเอง "ริเวียร่า" หาดคลองโขง เธอเลือกที่นี่ด้วยเหตุผลเดียว มันเป็นชื่อรัฐรัฐหนึ่ง ในหนังสือนิยายเรื่องโปรดที่เธออ่าน

ช่วงนี้ น้องจ้าอ่านหนังสือเก่งมาก เธออ่านนิยายเล่มหนาๆเป็นว่าเล่น บางเรื่องเป็นซีรี่ส์ ๔-๕ เล่ม อ่านซ้ำไปซ้ำมา มาลันตารอบนี้ เธอยังยืมหนังสือนิยายมาจากเพื่อนอีก ๒ เล่ม (และก็อ่านมันจนจบ)

๓. ลันตาเปิดใช้สะพานเชื่อมเกาะลันตาน้อยและลันตาใหญ่

"สิริลันตา"

ผมเห็นมันตั้งแต่ลงตอม่อ จนบัดนี้ได้มาใช้มันจริงๆ อยากจะจอดรถลงไปจูบพื้นสะพานใจจะขาด แต่กลัวรถคันหลังจะหมั่นไส้ บดผมจนไส้แตกไปเสียก่อน เลยได้แค่เบิ่งตาชื่นชมและขับรถไปตามทางของมันเท่านั้น

๔. ทันทีที่เราเลี้ยวรถเข้ามาตามที่ Garmin บอกทาง ผมก็รู้สึกใจหาย เพราะหากเราไม่ใช้เครื่องนำทาง คงหาทางเข้าไม่เจอ

ริเวียร่า เป็นรีสอร์ทแบบบ้านๆ บริหารงานยังไม่ค่อยดี หรืออาจจะเป็นเพราะมันเก่า หรือเพราะพื้นที่รอบๆมันดูโทรมๆ

น้องจ้าอุทานออกมาว่า "จ้าเลือกผิดเหรอเนี่ย" เธอแสดงสีหน้าที่ผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ในใจลูกคงเสียใจเพราะเป็นคนเลือกที่นอนเอง เธอกลัวว่าครอบครัวจะไม่มีความสุขจากการนอนที่รีสอร์ทเล็กๆ

ผมจึงแก้ลำไปด้วยการหัวเราะดังๆ "อย่างนี้แหละลูก ที่นี่แขกมาพักเยอะมาก ลูกชอบคนเยอะๆไม่ใช่เหรอ มันไม่เหงาดี"

เย็นวันแรก ผมลองออกไปวิ่งที่ชายหาด อยากจะบรรจุ Ko Lanta running ไว้ในสถิติการวิ่ง ปรากฏว่าเกือบตาย ชายหาดมีความลาดเอียงสูง ทรายยุบจิกเท้า พยายามวิ่งหาพื้นแข็งก็พบว่ามันยากมาก วิ่งไปได้ ๑ กิโลเมตรจึงหันหลังกลับมาอีก ๑ กิโล และเดินเลยรีสอร์ทไปอีกนิด และที่นี่ผมก็พบสวรรค์

พระเจ้า ชายหาดด้านที่กำลังเดินอยู่นั้นมันไม่มีรีสอร์ทผุดขึ้นมาเลย ต้นไม้ยังขึ้นอยู่มากมาย มองขึ้นมาจากชายหาดมันจีงสวยจับใจผมมาก

ถ้าจะบอกว่า คลองโขงมีดีที่ตรงไหน ผมก็จะตอบว่า ตรงนี้แหละ




๕. เราได้กินพิซซ่าประจำเกาะเสียที

อันที่จริงจะเรียกว่าพิซซ่าประจำเกาะก็กระไรอยู่ แต่ผมตั้งชื่ออย่างนั้นให้มันเอง

ครั้งหนึ่ง คนไข้ที่ดูแลอยู่เธอบอกว่า "พิซซ่าร้านนี้อร่อย" เธอกำลังหมายถึงร้านที่อยู่ใกล้ตลาด บริเวณหาดคลองดาว แต่จนแล้วจนรอด เราก็ไม่เคยได้กินสักที มันปิดตลอด แต่มาคราวนี้มันเปิดรอเราอยู่แล้ว แต่ช้าก่อน มันถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "Sole Mare Italian Pizzeria" เจ้าของร้านออกมาคุยกับเราและบอกว่า เธอซื้อร้านนี้มาทำต่อ เพิ่งเปิดได้เกือบ ๒ สัปดาห์เท่านั้นเอง

ผมสั่ง pizza calzone มากิน รสชาติธรรมดาครับ แต่สปาเก็ตตี้นี่ไม่ธรรมดานะครับ อร่อยมาก หอมกลิ่นน้ำมันมะกอกไม่เหมือนใคร



๖. ผมและจิ๋มชอบนั่งจิบค๊อกเทลริมหาด และที่นี่เขาจัดที่นั่งริมหาดได้เร้าใจ

เขาเกลี่ยทรายให้เป็นหลุมกว้าง ปูด้วยผ้าใบหรือเสื่อ และวางโต๊ะเตี้ยๆลง สันทรายกลายเป็นหมอนพิงหลัง โรแมนติกดีนัก และครั้นเมื่อสั่งค๊อกเทลมาดื่ม ฮ่าๆๆ มันถูกใส่มาด้วยแก้วพลาสติกชนิดที่ซดแล้วทิ้ง หมดกัน ความโรแมนติกเมื่อครู่หดไปพร้อมเครื่องดื่มริมหาดที่คลาสสิคในแก้วใบหรูที่สุด แต่เอาเหอะ ราคา ๑๖๐ บาทต่อแก้ว ก็นับว่าถูกเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ "สมราคา" เมียผมว่าอย่างนั้น

๗. เรายังคงไปกินอาหารเที่ยงที่ร้านอาหาร "บนเขา" พนักงานต้อนรับคนนั้นเธอยังคงยิ้มและรีบมาต้อนรับเรา "ปีที่แล้วน้องไม่มานะคะ" เธอทักทาย

เราเลือกที่นั่งที่เดิม มากี่ทีกี่ทีก็นั่งพิงหมอนอิงกินกันที่โต๊ะตัวนี้ แผนที่เกาะแผ่นใหญ่ถูกย้ายตำแหน่ง จ้าเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง ปีนี้ยอดต้นยางเริ่มสูงขึ้นมาบังวิว ร้านถูกขยายไปยังอีกฟากหนึ่ง ผมสังเกตว่าราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น รสชาติยังคงเป็นฝีมือแม่ครัวคนเดิม



๘. เมื่อกินมื้อเที่ยงเสร็จ ผมพาลูกลงไปเที่ยวในเขตชุมชนเก่าแก่ของเกาะ เราเคยมาแถบนี้เมื่อครั้งล่าสุด เพียงแต่การมาครั้งนั้น เรามาไม่ถึงชุมชนดั้งเดิม! เอ๊ะ ยังไงกัน

ลูกสาวบอกว่า ครูสอนเปียโนเล่าให้ฟังว่า อยากมานอนในชุมชนจีนโบราณ "Mango" คือชื่อที่เธอบอกมา เราจึงค้นหาใน GPS จึงได้พบว่า ชุมชนจีนโบราณมีรีสอร์ทที่ว่านั่นจริงๆ และมันก็อยู่บนเส้นทางที่เราเคยมาเยี่ยมเยียนเมื่อคราวก่อน

ครับ มันอยู่ตรงนั้น เพียงแต่เราต้องเลี้ยวเข้าซอยอีกทีหนึ่งเท่านั้น

เมื่อมาถึงชุมชนจีน ผมก็ถึงกับตะลึง

นี่เรามาลันตากันกี่ครั้งแล้ว ทำไมเราจึงพลาดที่นี่ไป ถนนสายเล็กๆที่เป็นเส้นทางหลักของชุมชนถูกขนาบด้วยบ้านเรือนแบบโบราณ มีศาลเจ้าและรูปปั้นเทพเจ้าอันแสดงถึงสัญลักษณ์ของชุมชนจีนที่ไม่มีทัวร์จีนมาถล่มถึง นอกจากคนเก่าคนแก่ที่มาตั้งรกรากทิ้งไว้ แต่ละบ้านเริ่มปรับแต่งตัวเองมาเป็นร้านอาหาร ที่พักแบบกางมุ้ง และร้านขายของที่ระลึก เสียดายที่เพิ่งอิ่มมาหมาดๆ จึงไม่ได้ลองชิมฝีมือ รอบหน้าคงได้เจอกัน



มีอยู่ร้านหนึ่งขายแต่เปล มันคลาสสิคมาก เปลยวน เปลวินเทจ เปลนั่ง เปลนอน บรรยากาศในร้านบ้านหลังเก่า เปิดหน้าต่างโล่งให้ลมโกรกเย็นสบาย นี่ถ้าได้ลองนั่งเปลนานกว่านี้คงได้ตื่นตอนเย็น "Hammock house"


มาถึงตอนนี้ก็ได้แต่ก่นด่าตัวเอง นี่เรามาลันตาตั้งกี่ที ทำไมไม่ถึงลันตาตรงที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้

๙. ตั้งต้นว่าจะมาเค้าท์ดาวน์ แต่เอาเข้าจริงๆก็ง่วงจนหลับไปตั้งแต่ ๔ ทุ่มเศษ มาตื่นอีกทีก็คงเพราะเสียงพลุดังโครมครามอยู่ด้านนอกตามประสาวันปีใหม่ ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ตกใจจนหัวใจแทบจะออกไปเต้นนอกอกเมื่อพบว่า มีเงาตะคุ่มๆอยู่ด้านข้างบนเตียงนอนข้างกาย เกือบจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาอยู่แล้ว แต่เมื่อครั้นสายตาเริ่มปรับให้เข้ากับความมืดได้จึงรู้ว่า เงาตะคุ่มเงานั้น แท้จริงแล้วก็คือเมียเราที่กำลังนั่งสวดมนต์ข้ามปีตามการถ่ายทอดสดทางทีวีอยู่ โถ ที่รัก คราวหลังก็รวบผมก่อนบ้างนะ เล่นฟูฟ่องซะขนาดนั้น (มันเป็นผลกระทบจากการลงเล่นน้ำเมื่อตอนเย็นสินะ)

๑๐. จะว่าไป "สิริลันตา" ก็ไม่ค่อยได้ช่วยเรื่องการระบายรถได้ดีสักเท่าไหร่ เพราะอย่างไรก็ตามเรายังคงต้องไปรอคิวลงแพก่อนขึ้นบกอยู่ดี ผมนั่งนับจำนวนแพที่วิ่งให้บริการอยู่ก็พบว่ามี ๖ ลำ รถที่รอลงมาลันตาคิวยาวเกือบ ๒ กิโลเมตร นั่นแสดงว่า ผมยังคงมาลันตาได้อีก เพราะคนที่จะไหลมาเนื่องจากคิดว่าการเดินทางสะดวกขึ้นนั้น อันที่จริงยังคงไม่เป็นเช่นนั้น

บางคนอาจจะคิดว่า การไปเที่ยวคือการตัองมีกิจกรรมต่างๆมากมาย เล่นน้ำ คายัก แคนู ดำน้ำ ขี่ช้าง ล่องแพ เอากันให้เหนื่อยจนคุ้ม กินจนเมา เต้นจนเหวี่ยง แต่สำหรับผมแล้ว การออกเดินทางท่องเที่ยวแบบนี้ คือการมาพักผ่อน มาเปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนที่กิน (แม้จะเป็นการกินร้านเดิมๆนอกบ้าน) เปลี่ยนที่อ่านหนังสือ ความเหนื่อยอย่างเดียวน่าจะเป็นจากการเดินทาง หรือเหนื่อยจากการเล่นน้ำในรีสอร์ท ในทะเล เท่านั้น

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๐ นะครับ

ธนพันธ์ ชูบุญ




หมายเลขบันทึก: 621081เขียนเมื่อ 5 มกราคม 2017 14:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม 2017 14:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สถานที่น่าไปมาก

ยังไม่ได้ไปเลยครับ

แต่สองสาวผมโตไวมาก

เมื่อก่อนยังตัวนิดเดียว


ผมจะไม่แก่ได้อย่างไร

ขอให้คุณหมอและครอบครัวมีความสุขมากๆครับ

-สวัสดีครับ

-เกาะลันตา

-ขอบคุณที่นำภาพสวยๆ และเรื่องเล่าดี ดี มาฝากกันนะครับ

-น้องน่ารักมากๆครับ

คิดถึงเลยครับ อ.ขจิต

ขอบคุณนะครับ ยังจำเรื่องราวหนนั้นได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอ

อ่านแล้วอยากไปบ้างจังครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท