มีคนถามผู้เขียนว่า เขียนบันทึกหรือเขียนบทความนี้เขียนอย่างไร ผู้เขียนตอบไปแบบกำปั้นทุบดินว่า "อยากเขียนอะไรก็เขียนไปเถอะ มีเรื่องอะไรๆก็เขียนมันเข้าไป ..." ประมาณเลียนแบบอาจารย์ยิ่งศักดิ์ที่สอนทำอาหารเจ้าของวลีที่ว่า "มีอะไรก็ใส่ๆเข้าไปเถอะ ออกมามันก็อร่อยหมดล่ะคุณผู้โชมมม..." อธิบายถ้อยวลีนี้ของอาจารย์ยิ่งศักดิ์ประมาณได้ว่า จะทำอาหารหากมัวแต่คิดมากไม่ยอมใส่ ไม่โยนอะไรลงไปก้ไม่เป็นอาหารได้ อุปมาการเขียน หากมัวแต่คิดไม่เขียนออกมาย่อมเขียนไม่ได้
และก็มีคนถามต่ออีกนั้นแหล่ะว่า คิดได้ พูดได้เป็นเรื่องเป็นราวมากมาย แต่เวลาจะเขียนเขียนไม่เป็น บางครั้งแค่จะตอบเมล์ ยังเขียนไม่ได้ทั้งที่คิดได้พูดได้ว่าต้องการสื่อสารไปอย่างไร แต่พอจรดมือจะจิ้มคีย์บอร์ดเท่านั้นไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ผู้เขียนก็ตอบกลับไปว่างั้นก็เขียนร่างเรื่องราวบนกระดาษก่อนสิ ร่างจนกว่าจะได้ว่าเมล์ จดหมายหรืองานเขียนนั้นมันตรงกับความคิดของเราที่ต้องการสื่อ หลังจากนั้นก็จัดการพิมพ์ตามร่างที่เขียนไว้
ทำอย่างนั้นบ่อยๆ จนเกิดความชำนาญจะสามารถที่จะเขียนหรือพิมพ์บันทึกได้โดยที่ไม่ต้องร่างก่อนได้ คือเขียนและแก้ไขไปพร้อมกัน แต่หากเป็นงานบทความ เรื่องสั้น ที่ส่งให้ผู้ว่าจ้าง เขียนร่างไว้จะดีกว่าเผื่อทบทวนโครงเรื่อง แนวคิด ที่อาจจะหลงประเด็นหรือเปลี่ยนไปมาได้
และหากจะมีคนถามอีก(เอ๊ะ! ใครจะช่างถามอะไรนักหนานะ 555) ว่าเขียนแล้วได้อะไร ได้เงินมัีย ผู้เขียนตอบว่าได้ ถ้ามีคนซื้อหรือจ้างงานก็เขียนได้ ถ้าไม่มีก็เขียนบันทึกเก็บไว้ เพราะใจมันชอบเขียน
มีอะไรก็เขียนไปเถอะ เดี๋ยวมันก็เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเองล่ะ.
..................
ใช่เลยครัยครับ คุณ พ .เขียนเพราะอยากเขียน
ขึ้นไปงาน สมัชชาสุขภาพที่ เมืองทองธานี
มีคณะทำงานของ สช.คนหนึ่งนามสกุลเดียวกับคุณ พ. ขยันขันแข็งมาก อยากสัมภาษณ์มาลงบล็อก แต่เธองานยุ่งมาก สามวันเจอกันครั้งเดียว
แม่นแล้ว....เขียนเพราะอยากเขียน
อะไรก็ได้ที่อยากเขียน และต้อง...
ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนด้วยจ้าา
เขียนแล้วสร้างสรรค์...สบายใจจ้ะ