"บันทึกนี้เป็นการบันทึกแนวคิดทางกิจกรรบำบัดในการส่งเสริมการกลับไปทำงานในวัยผู้ใหญ่"
กรณีศึกษาที่ 2: เคสวัย 40 ปี เป็นหลอดเลือดสมองตีบมา 3 ปี เบื่อและอยากลาออกจากการทำงานอาจารย์ที่หนักจนไม่มีเวลาพักผ่อนและเสี่ยงเป็นหลอดเลือดสมองตีบ ไม่ชอบออกกำลังกาย มีความสามารถเป็นพิธกร ดีเจ และนักเขียน และกำลังเครียดเพราะเป็นเสาหลักเลี้ยงดูครอบครัวกว่า 3 คน และมีหนี้สินบ้านจากการผ่อนชำระเงินดือนจากงานอาจารย์ประจำ
วิเคราะห์ตาม PEOP
การประเมินทางกิจกรรมบำบัดเพิ่มเติม
ด้านกิจวัตรประจำวัน
- ประเมินกิจวัตรประจำวัน โดยใช้ FIM-FAM เพื่อประเมินความสามารถพื้นฐานของผู้รับบริการโดยทั่วไป
- ประเมินการใช้เวลาในการทำกิจกรรมในแต่ละวัน โดยให้ผู้รับบริการเขียนตารางชีวิตประจำวันของตนเอง ทั้งวันธรรมดาและวันเสาร์อาทิตย์ พร้อมบอกความสำคัญและความสามารถของตนเองต่อกิจกรรมนั้นๆ
ด้านจิตใจ
- ประเมินความวิตกกังวลและความอาการซึมเศร้า โดยใช้แบบสอบถาม Hospital Anxiety and Depression Scale (HADS) ฉบับภาษาไทย เพื่อคัดกรองปัญหา และสังเกตขณะสัมภาษณ์ ใส่ใจในคำพูดของผู้รับบริการ
- ประเมินระดับความเครียด โดยใช้แบบประเมินและวิเคราะห์ความเครียดด้วยตนเองของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ผู้รับบริการรับรู้ถึงระดับความเครียดของตนเอง และนำไปใช้ในการประเมินซ้ำ เพื่อเปรียบเทียบผลการรักษาได้อีกด้วย
- ประเมินคุณภาพชีวิต โดยใช้ WHOQOL–BREF–THAI ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ความสัมพันธ์ทางสังคม และสิ่งแวดล้อม
ด้านสังคมและสภาพแวดล้อม
- สัมภาษณ์สมาชิกในครอบครัว เกี่ยวกับผู้รับบริการ เพื่อพิจารณาความสัมพันธ์ในครอบครัวและความพร้อมในการสนับสนุนผู้รับบริการในการทำกิจกรรมต่างๆ
- ประเมินสภาพบ้าน โดยใช้แบบประเมินสภาพบ้าน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกบ้าน รวมถึงสิ่งแวดล้อมในการทำงานด้วย โดยการสัมภาษณ์ผู้รับบริการและให้ผู้รับบริการถ่ายรูปบ้านมาให้ดูด้วย
Job analysis งานอาจารย์
*อาจารย์ เป็นงานที่ผู้รับบริการทำเป็นประจำ จึงนำมาวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบที่ใช้ เพื่อหาปัญหาและส่งเสริมโดยการปรับกิจกรรมให้เข้ากับบริบทและความสามารถของผู้รับบริการ
กิจกรรมที่ทำในงาน
|
องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องในการทำกิจกรรมนั้น
|
- เรียบเรียงเนื้อหาการสอนและทำสไลด์
|
- Cognition –Attention, Orientation, Planning, Executive function, Problem solving, Sequencing
- Temporal organization
- Use objects
- Sitting balance
- Endurance of activities
- Visual perception
|
|
- Cognition –Attention, Sequencing,
Orientation, Planning, Executive function, Problem solving
- Use objects
|
|
- Cognition –Attention, Orientation,
Planning, Executive function, Problem solving
- Social skills
|
|
- Cognition –Attention, Orientation,
Planning, Executive function, Problem solving, Sequencing
- Temporal organization
- Use objects
- Social skills
|
Problem lists
- ผู้รับบริการมีความเครียด
- ผู้รับบริการไม่มีเวลาพักผ่อน
- ผู้รับบริการเบื่อและอยากออกจากงาน (ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน)
Intervention plan
Goal 1: ผู้รับบริการสามารถผ่อนคลายความเครียดได้ด้วยตนเองอย่างเหมาะสม ภายใน 2 สัปดาห์
FoR/Model: MOHO, Psychosocial FoR
Approach: Relaxation technique, Biofeedback theory, Group dynamics
Therapeutic media: Therapeutic use of self, Teaching and learning, Activity analysis
Therapeutic activity:
- ให้ผู้บำบัดสร้างสัมพันธภาพที่ดี และพูดคุยเพื่อผู้รับบริการไว้ใจ และเปิดโอกาสให้เล่าถึงความเครียด เพื่อระบายความเครียดนั้นออกมา
- สอบถามเกี่ยวกับวิธีจัดการความเครียดที่ทำอยู่เป็นประจำ แล้วให้ผู้รับบริการลองทำให้ดู และสอบถามถึงความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการความเครียด นอกจกนี้ให้ผู้บำบัดแนะนำวิธีการผ่อนคลายแนะนำวิธีการผ่อนคลายอย่างง่าย 3 วิธี ดังนี้
- Breathing exercise ให้หายใจเข้าออกลึกและช้า โดยให้พยายามหายใจออกยาวกว่าหายใจเข้า ขณะหายใจให้หายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ สามารถทำได้ตลอดเมื่อรู้สึกเครียด และทำได้ทั้งท่านั่งและท่านอนที่สบาย
- Music therapy ให้ฟังเพลงสบายๆ โดยเป็นเพลงจังหวะช้าๆ หรือเสียงธรรมชาติ เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เพราะการฟังเพลงสามารถช่วยลดความเครียดได้
- Progressive muscle relaxation ให้ผู้รับบริการเกร็งกล้ามเนื้อทีละส่วน โดยให้เกร็งมากที่สุด ค้างไว้ แล้วจึงคลายกล้ามเนื้อ
- หลังจากแนะนำวิธีการแล้ว ให้ผู้รับบริการลองทำวิธีการดังกล่าว เพื่อให้เกิดเป็น Biofeedback สะท้อนกลับไปในตนเองผ่านร่างกายว่า รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหรือไม่ และให้ผู้บำบัดพูดสะท้อนถึงสีหน้าของผู้รับบริการขณะทำวิธีผ่อนคลายความเครียดด้วย เพื่อให้ผู้รับบริการเข้าใจถึงกลไกของการผ่อนคลายและมีแรงจูงใจในการนำกลับไปใช้ต่อไป ผู้รับบริการสามารถเลือกทำวิธีที่ชอบ
- จัดกิจกรรมกลุ่มดนตรี โดยให้ผู้รับบริการเป็นดีเจเปิดเพลง ให้สมาชิกกลุ่มร้องตาม หรือให้ผู้รับบริการเปิดเพลงให้สมาชิกในครอบครัวฟัง เพื่อให้ผู้รับบริการได้มีโอกาสแสดงความสามารถและผ่อนคลายผ่านการทำกิจกรรมที่ชอบ นอกจากนี้ให้จัดกลุ่มกิจกรรมการเขียน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตนเองให้ผู้อื่นได้อ่าน และเรียนรู้เรื่องราวนั้นไปด้วยกัน
Goal 2: ผู้รับบริการสามารถจัดการเวลาในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม ภายใน 2 สัปดาห์
FoR/Model: MOHO, Transtheoretical model
Approach: Time management, Process of change
Therapeutic media: Teaching and learning, Therapeutic use of self
Therapeutic activity:
- พูดคุยและให้ความรู้กับผู้รับบริการในการจัดการเวลา เพื่อให้ผู้รับบริการตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการเวลาที่มีคุณภาพ ว่าสามารถช่วยลดปัญหาต่างๆได้ รวมถึงพูดข้อดีข้อเสียของการจัดตารางเวลาให้ผู้รับบิการเกิดความมั่นใจละตัดสินใจที่จะทำ
- จากนั้นให้ผู้รับบริการเขียนตารางในชีวิตประจำวัน เพื่อพิจารณากิจกรรมและช่วงเวลาที่ใช้ในแต่ละกิจกรรม จากนั้นให้เรียงลำดับความสำคัญของกิจกรรมด้วย
- ให้ผู้รับบริการจัดตารางเวลาในชีวิตประจำวันใหม่ โดยแบ่งเวลาในการทำกิจวัตรประจำวันและการนอน รวมกันประมาณ 10 – 12 ชั่วโมง ทั้งนี้การนอนควรนอนวันละอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง ทำกิจกรรมยามว่าง ประมาณ 3 – 5 ชั่วโมง และทำงาน ประมาณ 8 – 12 ชั่วโมง ต่อวัน และแนะนำให้ผู้รับบริการเลือกทำกิจกรรมที่มีความสำคัญมากที่สุดหรือเร่งด่วนก่อน แล้วจึงทำกิจกรรมอย่างอื่น
- ให้ผู้รับบริการนำตารางชีวิตประจำวันแบบใหม่ไปใช้ เพื่อให้ผู้รับบริการสะท้อนความพึงพอใจด้วยในการชีวิตประจำวันของตนเอง หากตารางเวลาไม่สมดุลกับชีวิต ให้ผู้บำบัดให้คพแนะนำในการปรับ และระหว่างการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตนี้ให้ผู้บำบัดให้ Positive feedback ชื่นชมผู้รับบริการและแสดงคามเห็นอกเห็นใจ รวมถึงแนะนำสมาชิกในครอบครัวของผู้รับบริการให้คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ
- Work conditioning
- Motivation interviewing พูดคุยให้เห็นว่าการทำงานไม่ได้มีแต่ความทุกข์เสมอไป หากได้ทำให้เกิดความสมดุลก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ โดยเริ่มคำถามปลยเปิดในการให้ผู้รับบริการได้มีอากาสแสดงความรู้สึกออกว่า ทำไมถึงรู้สึกเบื่อและออกจากออกงาน ถามรายละเอียดให้ลึก และพูดให้ผู้รับบริการมองย้อนกลับไปในอดีตว่าชีวิตเป็นอย่างไร และมองไปถึงอนาคตข้างหน้าด้วยว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อให้เข้าใจและหาคุณค่าในชีวิตของตนเอง จากนั้นสรุปเป้าหมายในชีวิต สิ่งที่ต้องทำ และอุปสรรค แล้วให้ทำไม้บรรทัดความพร้อม เพื่อวัดความพร้อมในการเปลี่ยนความคิด เช่น เป้าหมายคือเป็นเสาหลักครอบครัวที่ดี สิ่งที่ต้องทำคือทำงานที่เป็นอาจารย์ก่อนเพราะเรื่องหนี้สินบ้าน แต่ทั้งนี้สามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ชอบร่วมด้วยได้ เพื่อให้เกิดความสมดุลของชีวิตและการทำงาน และส่งเสริมสุขภาพที่ดี พร้อมทั้งป้องกันความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบซ้ำอีกด้วย เป็นต้น
- ส่งเสริมความสามารถในการจัดตารางในชีวิตประจำวันและการใช้เทคนิคผ่อนคลายความเครียดขณะทำงาน เพื่อให้เกิดความสมดุลของการทำงานและชีวิตประจำวัน (Work-life balance) และจัดการความเครียดได้อย่างเหมาะสม
- Work hardening ให้ผู้รับบริการทำงานจริง ตามตารางการจัดการเวลาอันใหม่ พร้อมเทคนิคการผ่อนคลายความเครียดร่วมด้วย
- Job modification ปรับการทำงาน ดังนี้
- จัดตารางเวลา เรียงลำดับความสำคัญของงานและทำงานที่สำคัญก่อน
- ทำกิจกรรมที่ชอบร่วมกับการทำงาน เช่น เป็นอาจารย์ ร่วมกับการเขียนหนังสือถ่ายทอดความรู้ที่ดีแก่ผู้อื่น เป็นต้น
Goal 3: ผู้รับบริการมีทัศนคติที่ดีในการทำงานอาจารย์ เพื่อให้มีแรงจูงใจการทำงาน ภายใน 4 สัปดาห์
FoR/Model: Psychosocial FoR, MOHO, Occupational adaptation
Approach: Ergonomics, Work conditioning, Job modification, Positive reinforcement
Therapeutic media: Activity analysis, Teaching and learning, Environmental modification, Therapeutic use of self
Therapeutic activity:
- ให้ Positive reinforcement กับผู้รับบริการ และแนะนำครอบครัวให้คอยให้กำลังใจ
- จัดสภาพแวดล้อมการทำงานตามหลักของการยศาสตร์ โดยให้นั่งทำเก้าอี้ที่มีพนักพิง ข้อเข่าและสะโพกงอ 90 องศา มีแสงสว่างเพียงพอ อาจเปิดเพลงเบาๆให้เหมาะสม (ขณะทำงาน เสียงควรดังประมาณ 45 dB) เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ผ่อนคลายในการทำงาน
Clinical Reasoning
- Procedural reasoning รวบรวมข้อมูลของผู้รับบริการ ว่ามีความเครียดจากการเป็นเสาหลักของครอบครัวและอยากออกจากงานอาจารย์ จึงรวบรวมวิธีการจัดการความเครียด และการจัดการตารางเวลา เพื่อลดความเครียดและเสริมสร้างแรงจูงใจในการกลับไปทำงาน
- Pragmatic reasoning จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ดนตรีสามารถช่วยลดความเครียดได้
Reference
1. Linnemann A, Ditzen B, Strahler J, Doerr JM, Nater UM. Music listening as a means of stress reduction in daily life. Psychoneuroendocrinology. 2015;60:82-90.
2. Shinitzky HE, Kub J. The Art of Motivating Behavior Change: The Use of Motivational Interviewing to Promote Health. Public Health Nursing. 2001;18(3):178-85.
3. Chippendale T, Boltz M. Living Legends: Effectiveness of a Program to Enhance Sense of Purpose and Meaning in Life Among Community-Dwelling Older Adults. American Journal of Occupational Therapy. 2015;69(4):6904270010p1-p11.