วปช. แม่น้ำ 4 สายไหลลงสู่ปากพะยูน Creative And Innovation (Thailand 4.0 )


ถอดระหัส การพูดคุย นอนแคงแหลงเรื่องการขับเคลื่อน วปช.ออกมาดังนี้ “ทำเอง ดักทาง ตางค์ยัง”

<p “=”


เมื่อผู้สูงวัยหัวใจ คน วปช. หลายจังหวัดนัดพบกันที่ สภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลปากพะยูน เพื่อมาคิดงานการขับเคลื่อน สำนึกพลเมืองใน เฟส 2 หลังจากที่ได้ถอดบทเรียนการสัญจร “คดห่อ ล้องาน สานพลัง สัญจร สำนึกพลเมือง”ทุกคนที่มา มีการจัดการตนเอง ในเรื่องงบประมาณค่าเดินทาง ค่าที่พักและ อาหารการกิน ทีมงานมาจากสตูล อาจารย์ พงศ์จักรกฤษ สิทธิบุศ ถึงมาเป็นคนแรก บังหนุ้ย ขับมอเตอร์ไซค์ จาก ตรัง มานั่งรอรับอาจารย์ จำรัส เจริญเวช ที่โดยสารรถไฟฟรีมาลงสถานีหารเทา ก็เข้ามาพร้อมกันด้วย มอเตอร์ไซค์ เจ้าของบ้านเตรียมข้าวมันไก่ไว้ต้อนรับ แต่ทางผู้มาเยือนบอกว่าจัดการตนเองเรียบร้อยแล้ว พักผ่อนพอหายเหนื่อยก็เข้าร่วมประชุมสังเกตการณ์ของ ศูนย์พัฒนาครอบครัว ที่ทางสมาคมครอบครัวศึกษา ร่วมกับสมาคมครอบครัวเข้มแข็งจังหวัดพัทลุง ที่ได้ลงมาติดตามโครงการ”จักรยานปั่นรักสายใยครอบครัว”ที่ทาง ศพค ปากพะยูนกำลังขับเคลื่อนอยู่ พร้อม ให้คำแนะนำ เสนอแนะในการทำให้ครอบครัวอบอุ่น


วปช ประชุมร่วมกับศพค


เสร็จจากการประชุมลงพื้นที่ชุมชน ดูเศรฐกิจพอเพียงแบบประณีต 1ไร่ 1แสน ที่เลี้ยงปลาดุก ใช้น้ำจากบ่อปลาดุกมารดปาล์ม รดผักรอบบ่อปลา ดูการเพาะเลี้ยงไก่ชน ดูการผสมอาหารไก่ ดูโรงผลิตปุ๋ย(คอกเลี้ยงแพะ)


โรงงานปลิตปุ๋ย(คอกแพะ)

ตกกลางคืนก็มานอนแคงแหลงเรื่อง วปช. ในการขับเคลื่อนต่อใน เฟส 2 มี บังจิระ ชูช่วย มาร่วมว นอนแคงด้วย ร่วม วิเคราะห์ สถานการณ์ทางการเมือง และเรื่องพรรคการเมืองภายใต้ รัฐธรรมนูญใหม่ ที่ทำให้พรรคการเมืองเล็กลง เป็นโอกาสของภาคประชาชน ที่จะมีบทบาทมากขึ้น คน วปช.ต้องสร้างคน สร้างงานให้ชัด คนทำงานอาสาคือผู้สืบทอดการพัฒนาชุมชน วิเคราะห์เรื่องคนทำงานอาสา พบว่า “ฝึกคนให้ทำงานนั้นง่าย แต่ฝึกคนให้คิดเป็นนั้นยาก”


ผลิตอาหารไก่ ส่วนผสม ข้าวสารราคาถูก(สารแดง) กากมะพร้าว กากถั่วเขียวอละปลาสด หุงต้มปนกัน

อาจารย์ จำรัส ให้กำลังใจ บอกว่า”พวกเราทำเพื่อให้” เพราะฉะนั้นไม่ต้องท้อ ตามทฤษฎี”มวลวิกฤติ บอกว่าในสังคม คนที่เป็นผู้นำมีเพียง 15 % คนที่เตะถ่วง ไม่เห็นด้วยอีก 15% ส่วนคนที่เป็นกลาง หรือนั่งดูอีก 70% จึงเป็นเรื่องธรรมชาติของสังคม แต่ก็เป็นพันธกิจของพวกเรา คน วปช.ที่เป็นการจุดประกายให้ชุมชนมีแสงในตัวเอง ชุมชนต้องทำตามที่ชุมชนต้องการ มีแผนตนเอง ทำตามแผนตนเอง และต้องรู้ทิศทางนโยบาย ไม่ต้องต้องเป็นห่วงเรื่องงบประมาณ ถอดระหัส การพูดคุย นอนแคงแหลงเรื่องการขับเคลื่อน วปช.ออกมาดังนี้ “ทำเอง ดักทาง ตางค์ยัง”คือผลสรุปของการเคลื่อนงาน วปช ในปี 2560 ที่ต้องดักทางนโยบาย Creative And Innovation (Thailand 4.0 )คือ ชุมชน คน วปช ต้องมีนวัติกรรมในขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบของคนที่สถาปนาตนเองเป็นนักวิชาการภาคประชาชน คนวปช. </p>



อาหารอร่อย้ลื่องลือ คือปากพะยูนบ้านเรา

คำสำคัญ (Tags): #Creative And Innovation (Thailand 4.0 )
หมายเลขบันทึก: 615027เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2016 21:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน 2016 22:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ชอบเวที นี้จังเลย ค่ะ .... วีถีประชา


"ทำเอง ดักทาง ตางค์ยัง" กระบวนทัศน์ลูกทุ่งเพราะต้องยึดชุมชนเป็นศูน์กลาง ภูมิสังคมจึงเป็นฐานปฏิบัติการที่ใช้ปัจจัยภายใน ด้วยองค์ประกอบ จิตวิญญาณ วัฒนธรรม ภูมิปัญญา ทรัพยากร และเงินตรา ภายในชุมชนเป็นตัวตั้ง การวิเคราห์ สังเคราะห์ สู่นวัตกรรม และแข่งขันเชิงพาณิชย์ที่ดำรงค์อัตลักษณ์ของวิถีชีวิต

นี่แหละเวทีชาวบ้านขนานแท้นะจ๊ะ


ทีมงานยังเข้มแข็งเหมือนเดิมครับบัง

ขอบคุณมากๆครับ

เรียนหมอเปิ้น

วิถีประชา การสนทนาแบบนี้ ชาวใต้ เรียกว่า"นอนแคงแหลงกัน(เป็นการปรึกษาหารือ ที่ยิ่งกว่าการไดอล็อก)

สวัสดีครับอาจารย์ จำรัส กลางเดือน ตุลา น่าจะลงพื้นที่สตูลอีกครั้ง

ดูเกษตร วปช.ของโก้อ้วน

สวัสดี น้องมะเดื่อ เวทีนอนแคง

เคยจัดที่ รีสอร์ท พันดาว

คืนนั้น มีอาจารย์ เสริม อาจารย์ขจิต นอนแคงแหลงเรื่อง เมืองสามอ่าว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท