เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบ TPR (Total Physical Response)


เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบ TPR (Total Physical Response)

เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบ TPR

การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่ยากที่ต้องใช้ความพยายามในการฝึกฝนหรือต้องมีใจรักจึงจะเรียนภาษาอังกฤษได้ดี แต่การเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ดียิ่งยากมากกว่าหลายเท่า แต่ถึงอย่างไร ครูที่รักการสอนภาษาอังกฤษ ก็มีเทคนิคและวิธี ที่จะทำให้ลูกศิษย์สามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีหลายวิธีดังนี้

เทคนิคการสอนภาษาด้วย TPR Total Physical Response หมายถึง การสอนภาษาโดยการใช้ท่าทาง โดยมีผู้เรียนฟังคำสั่งจากครูและผู้เรียนทำตาม เป็นการประสานการฟังกับการใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นการตอบรับให้ทำตาม โดยผู้เรียนไม่ต้องพูด วิธีการสอนภาษาโดยการใช้ท่าทาง ใช้ สำหรับการเริ่มต้นเรียนภาษาที่ 2

ประเภทของ TPR

1. TPL-B (Total Physical Response - Body

เป็นการสอนโดยใช้คำสั่งที่มีคำศัพท์ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย (body movement) เช่น นั่งลง(sit down ) ยืนขึ้น ( stand up ) เลี้ยวซ้าย (turn left ) เลี้ยวขวา (turn right ) เดินหน้า ( go straight) ถอยหลัง(back) กระโดด (jump) ปรบมือ (clap your hand ) หยุด (stop) กลับหลัง (turn around ) ชูมือขึ้น (raise your hand ) เอามือลง (put down your hand ) โบกมือ (wave your hand)เป็นต้น กิจกรรมหรือเกมที่ใช้อาจใช้เกม Simon say เช่น Simon say touch your nose ถ้าไม่ได้พูดคำว่า Simon say ไม่ต้องทำตาม

ข้อควรคำนึง
-กริยา/ท่าทาง ทุกอย่างที่แสดงต้องสมจริง (must be real) และต้องถูกต้อง
-เวลาครูสาธิต ต้องพูดคำสั่งจบก่อนแล้วจึงทำท่าทาง (เพื่อตั้งใจฟังก่อน และป้องกันนักเรียนทำตาม ครูโดยที่ไม่เข้าใจ
-พูดและทำท่าทางเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาดู อย่างน้อย 3 ครั้ง

ทุกหนึ่งรอบของการทำท่าทาง ควรจะให้จบกระบวนการ ทุกๆการสอน ต้องทบทวนบทเรียน/คำศัพท์ในอาทิตย์ที่แล้ว หรืออาทิตย์ที่ผ่านมา โดยครูอาจทำพร้อมนักศึกษา หรือครูสั่งแล้วให้นักเรียนทำพร้อมกันโดยทบทวนก่อนสอนคำชุดใหม่ พูดคำที่ต้องการสอนเท่านั้น สิ่งที่ไม่ต้องการให้นักศึกษารับรู้ก็ไม่จำเป็นต้องพูด จัดสถานที่ให้เหมาะสมกับคำกริยา/คำสั่งที่ต้องการสอน

2.TPR-O(Total Physical response – objects เป็นการสอนโดยใช้คำสั่งที่เป็นคำศัพท์ที่เป็นสิ่งของ Object เช่น สมุด (book)ปากกา (pen) ดินสอ Pencil ยางลบ eraser ไม้บรรทัด rule แผนที่ map โต๊ะtable เก้าอี้ chair ประตู door นาฬิกา clock ไฟฉาย flash light ดอกไม้ flower ใบไม้ leaf ก้อนหิน rock จาน plate ชาม bowl แก้วน้ำ glass ช้อน spoon ส้อม fork หวี comb กระจก mirror เป็นต้น อย่าไปติดการสอนในชั้นเรียนอาจพาผู้เรียนออกนอกห้องเรียน เพื่อเรียนรู้วัตถุสิ่งของต่างๆหรืออาจใช้เกม bring me ( a pen ,a red pencil )

วัตถุประสงค์ ต้องการให้ผู้เรียนฟังคำสั่งให้เข้าใจและทำตามคำสั่ง โดยผู้สอนมีเป้าหมายให้ผู้เรียนรู้จักกลุ่มคำเกี่ยวกับสิ่งของต่างๆ

ข้อควรคำนึง ต้องพูดหลายครั้งจนแน่ใจว่านักเรียนเข้าใจ ให้ระวังคำที่มีความหมายใกล้กัน ถ้าบทเรียนยากเกินไป ครูอาจแบ่งเป็น 2 บทเรียน เพื่อให้เห็นความเชื่อมโยงของเนื้อหา ถ้าหากนักเรียนทำผิด ครูจะต้องทำให้ดู ทบทวนจนแน่ใจว่านักเรียนทำได้ หากนักเรียนทำไม่ได้ ให้กำลังใจ อย่าทำให้นักเรียนเสียหาหรือขาดความมั่นใจ

วิธีปฏิบัติ ครูเรียกชื่อสิ่งของ 3 ครั้ง และหยิบของสาธิตให้ดู ให้ตัวแทน 2 คน ออกมาแสดงพร้อมกับครูแล้วให้ผู้เรียนแสดงให้ดู 3 ครั้ง การทำ TPR- O อาจแทรกคำศัพท์ TPR-B ได้เพราะเรียนมา จากบททีแล้ว ผสมกันไปแต่เอาง่ายๆก่อน แล้วเพิ่มความยากไปเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนทำพร้อมๆกัน แบ่งเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มล่ะ 3-5 คน และปฏิบัติตามคำสั่งของครูโดยให้ผู้เรียนแสดง

3. TPR –P (Total Physical Response - Picture เป็นการสอนเกี่ยวกับการออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพ การเลือกภาพที่ใช้ในการเรียนการสอนควรใช้ให้เหมาะสมกับนักเรียน โดยยกตัวอย่างคำถามจากภาพ เมื่อครูถามแล้วให้นักเรียนไปชี้ภาพดู ไม่มีการพูดภาพที่ครูกำหนดควรเป็นภาพตัดแปะจะได้เคลื่อนย้าย คน สัตว์ สิ่งของ ไปไว้ตามตำแหน่งต่างๆของภาพได้ เพื่อตรวจสอบผู้เรียน เป็นการสอนโดยใช้คำสั่งที่เกี่ยวกับข้องกับรูปภาพมีเป้าหมายให้นักเรียนรู้จักกลุ่มคำเกี่ยวกับภาพต่างๆ มี 3 ประเภทคือ ภาพโปสเตอร์ แผ่นพับ รูปภาพที่มีอยู่แล้ว ภาพตัดแปะจากผ้า หรือ กระดาษ ภาพวาดลายเส้นหรือภาพสีที่ผลิตโดยครูหรือผู้เรียนหรือ ภูมิปัญญาท้องถิ่น

หลักการ รูปภาพที่ใช้ต้องมีสิ่งของ/กิจกรรมต่างๆ/ผู้คนที่จะสอนผู้เรียน ครูจะสอนให้ผู้เรียนมาชี้ จับ แตะ สิ่งของต่างๆในภาพวาดที่ครูต้องการสอน การใช้ TPR-P อาจสอนอาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้านักเรียนมีความก้าวหน้าอาจใช้การสอนมากกว่านี้ ภาพหนึ่งอาจสอนได้หลายครั้ง โดยอาจสอนเสริมให้ผู้เรียนรุ้คำศัพท์มามากแล้ว อาจใช้ TPB –B ประกอบการสอน TPR-P เช่นสอนเรื่องข้างหน้า ข้างหลัง ข้างๆ สอนคำศัพท์เหล่านี้ก่อน จึงสอนคำจากรูปภาพ ภาพควรเป็นภาพที่เหมาะสมกับบุคคลและสอดคล้องกับสภาพของนักเรียน

4.TPR-S Total physical response – story telling เป็นการสอนภาษาโดยการเล่าเรื่อง โดยครูเล่าเรื่องคล้ายกับชีวิตประจำวันของนักเรียนหรือเล่านิทาน 2-3 ครั้ง แล้วให้ผู้เรียนมาแสดงละครจากเรื่องที่ครูเล่าหรือบางครั้งอาจเปลี่ยนเป็นอาจารย์อ่านให้ฟัง 1-3 ครั้ง ให้นักเรียนเขียนขึ้นมาใหม่ เหมือนที่ครูเล่าหรือไม่ แสดงว่าผู้เรียนฟังแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ให้เริ่มจากง่ายๆก่อน เป็นการสอนเกี่ยวกับการออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพ การเลือกภาพที่ใช้ในการเรียนการสอนควรใช้ให้เหมาะสมกับนักเรียน โดยยกตัวอย่างคำถามจากภาพ เมื่อครูถามแล้วให้นักเรียนไปชี้ภาพให้ดูไม่มีการพูดภาพที่ครูกำหนดควรเป็นภาพตัดแปะจะได้เคลื่อนย้าย คน สัตว์ สิ่งของ ไปไว้ตามตำแหน่งต่างๆของภาพได้ เพื่อตรวจสอบว่านักเรียนรู้จักภาพเหล่านั้นจริงๆ ไม่ใช้การท่องจำภาพเท่านั้นเป็นการสอนที่ใช้เรื่องเล่าการสอนภาษาโดยการใช้รูปภาพ TPR-P การสอนภาษาด้วยการเล่าเรื่อง ควรใช้เมื่อผู้เรียนมีความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ โดยครูเล่าเรื่องราวที่คล้ายคลึงกับชีวิตประจำวันของผู้เรียน หรือนิทานเองง่ายๆ ครูเล่าเรื่องให้ฟังอีกครั้งหนึ่งจากนั้นให้ผู้เรียนออกมาแสดงเรื่อง ( ตามที่ครูเล่า ) โดยไม่ต้องพูด ต่อมาให้ผู้เรียนเล่าเรื่องเอง แล้วให้ผู้เรียนคนอื่นมาแสดงละครตามเรื่องที่ผู้เรียนเล่าให้ฟัง จุดประสงค์ของ TPR-S คือต้องการให้ผู้เรียนฟังครูพูดให้เข้าใจและทำท่าทาง โดยผู้เรียน ไม่ต้องพูด เพียงแต่แสดงท่าทางประกอบการเล่าเรื่องเท่านั้น

ทำไม TPR จึงมีประสิทธิภาพในการสอนภาษา

1 มาจากวิธีที่ทารกเรียนภาษา โดยเริ่มฟังคำพูดจากพ่อแม่

2 การใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายร่วมกับภาษา

3 การเรียนรู้โดยที่ไม่ใช้การพูดจะใช้สมองซีกขวา

ผลดีของการจัดการเรียนการสอนแบบ TPR

1 เป็นต้นแบบโดยครู ครูพูด ครูทำ ให้ผู้เรียนดูก่อน

2 เน้นการสาธิตครูและผู้เรียนอาสาสมัครทำพร้อมกัน

3 ให้กำลังใจเมื่อผู้เรียนทำไม่ได้ ไม่เร่ง ต้องแน่ใจว่านักเรียนทำได้ ครูไม่เร่งรีบ แต่จะให้นักเรียนเข้าใจเอง

4 ครูให้ผู้เรียนทำเมื่อแน่ใจว่าผู้เรียนเข้าใจแล้ว

5 มีส่วนขยาย เพิ่มวงคำศัพท์ที่เรียนมาแล้ว


แนวการสอน TPR

1 แนวทางการสอน TPR อาจสอนเป็นช่วงๆ วันละประมาณ 20 นาที

2 TPR –B TPR-O TPR-S อาจสลับกันได้

3 สามารถนำเพลง เกม มาใช้สอนประกอบด้วย เช่นเพลงเกี่ยวกับร่างกายของเรา

4 การนำ TPR ไปใช้สอนกับวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ สุขศึกษา และศิลปะเป็นต้น

5 การสอน TPR เป็นการสอนคำศัพท์ใหม่ๆ ครั้งแรกควรสอนประมาณ 5-10 คำก่อน โดยครูทำให้ดูเป็นต้นแบบ มีการสาธิตทำตามครูแล้วให้ผู้เรียนทำเองตามคำสั่งครู เมื่อเริ่มต้นกำหนดคำที่ต้องใช้ควรตรวจสอบว่านักเรียนเข้าใจคำที่ครูพูดหรือไม่

ข้อควรคำนึงกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

1 การออกแบบกระบวนการเรียนด้านภาษาจะต้องตระหนักให้ผู้เรียนเกิดความเชื่อมั่นในการเรียนรู้แบบต่างๆ เช่นการเรียนด้วยภาพ/สิ่งของ การเรียนด้วยการพูดสนทนา บรรยาย พรรณนา อธิบาย อภิปราย และวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่างๆได้

2 สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเรียนภาษาที่สองก็คือ ผู้เรียนต้องไม่รู้สึกกลัวหรืออาย การเรียนภาษาที่สองจะต้องเริ่มจากสิ่งที่นักเรียนรู้ และขึ้นอยู่กับความพร้อมของนักเรียน และเรื่องที่เรียนรู้จะต้องสนุกสนาน 3 การสอน TPR ใช้สอนระยะแรกที่ผู้เรียนไม่รู้จักวงคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ อาจใช้สอนประมาณ 1-2 เดือนแรกที่เข้าเรียนเท่านั้น


ผู้จัดทำ 1.นางสาวรัชฎาภรณ์ พรภูติ รหัสนักศึกษา 58561802107
2.นางสาวสุธิดา ธนบัตร รหัสนักศึกษา 58561802109


peerayut 03:41

http://peerayut1001.blogspot.com/

หมายเลขบันทึก: 611844เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2016 15:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม 2016 15:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท