ดาวเคราะห์กลม ๆ สีน้ำเงิน....หมุนรอบตัวเองในหนึ่งวัน หมุนรอบพระอาทิตย์ในหนึ่งปี......แหวกว่ายอวกาศจักรวาล
ช่างบังเอิญดีแสนดี ......ให้สิ่งมีชีวิตได้พึ่งพาอาศัย.....แต่โชคร้ายไปนิดที่บังเอิญสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า....มนุษย์ ..อุบัติขึ้น ณ ที่แห่งนี้
...........ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าผู้ประเสริฐ......ได้แอบอ้างพระเจ้า โน่น พระเจ้านี่ ของตัวเอง สร้างมันขึ้นมา (กับมือ) ได้ทำลายล้างชีวิตผู้เห็นต่างด้วยวิธี...อย่างผู้ประเสริฐ..................กาลเวลาผ่าน โลกยังหมุนรอบตัวเอง....ลูกหลานสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ได้เหิมเกริม เพื่อครอบครองความเป็นเจ้าของโลก (เจ้าโลก)ซะงั้น. การเข่นฆ่าผู้ประเสริฐด้วยกันไม่เคยหยุดหย่อน......แล้วผู้มีอำนาจก็จัดสรรขีดเขียนลงบนแผนที่กระดาษ ...เพื่อแบ่งปันครอบครอง แม่น้ำสายเดียวกัน ทะเลเดียวกัน ภูเขาลูกเดียวกัน ใบไม้ ทุ่งหญ้า ชะนี เสือ สิงห์......ถูกแบ่งแยกย้าย...... จนถึงวันนี้ ผู้ประเสริฐ ..ก็ยังคิดที่จะเข่นฆ่าเพื่อนผู้ประเสริฐด้วยกันเพื่อแย่งชิงสิ่งที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของ ...มันด้วยเหตุผลอะไรละ....เพราะอยากครอบครอง เพราะทำหน้าที่ เพราะรัก ชอบ คลั่ง โกรธ โง่ หรืองมงาย ...............สุดท้ายเคยอ่านเจอคำกล่าวของนักบินอวกาศท่านหนึ่ง (จำไม่ได้แล้วว่าเป็นใคร) กล่าวไว้ว่า....”โลก เมื่อยู่บนอวกาศมองเห็น จะเป็นโลกที่สวยงามที่สุด เพราะไม่เห็นเส้นแบ่งเขตแดน ไม่เห็นความเหลื่อมล้ำของสังคม ไม่เห็นคนจนแสนจน ไม่เห็นคนรวย แสนรวย ไม่เห็นโลกแห่งคอมมิวนิสต์ โลกประชาธิปไตย เห็นแต่เพียงดาวสีน้ำเงิน ที่มีมวลมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่อยู่ในนั้น”.....เหอะๆๆๆ...หากนักบินอวกาศผู้นั้นยังไม่ตาย อยากให้ขึ้นไปอีกครั้ง ลองมองลงไปอีกทีซิ...ในทิศ อุษาคเนย์ เทือกเขาพนมดงรัก ณ ละติจูดที่ 104 องศาตะวันออก 41 ลิปดา ท่านจะเห็นมั้ย....ดินแดนเขมร ดินแดนสยาม อาณาจักรขอม......และชาวบ้านแถว ๆ นั้น ...แล้วท่านเห็นประสาทเขาพระวิหารเป็นของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเขมร หรือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าสยาม หรือท่านเห็นมันคืออารยธรรมของมวลมนุษยชาติจะภาคภูมิใจ หรือ เป็นเพียงแค่ปราสาทหินดาดๆ ไว้เป็นอนุสรณ์หลุมฝังศพ ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ผู้คลั่งจนเสียสติ...................
ไม่มีความเห็น