ช่วงยามเย็นค่อนไปทางพลบค่ำกลางเดือนมีนาคม ผมไปรับลูกชายที่บ้านครูประจำชั้นของเขา นับเป็นเรื่องปกติแล้ว เพราะกว่าผมจะเลิกงาน และไปรับลูกได้ก็เกือบเวลาห้าโมงเย็นกว่า ๆ จึงฝากคุณครูไว้ ครูจะติวหนังสือให้ แต่ส่วนใหญ่คุณครูจะดูแลเรื่องอาหาร และพาทำการบ้านมากกว่า
ชีวิตหลังเลิกเรียนของลูกชาย จะเป็นแบบนี้ ตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึง ป.6
ลูกชายบอกกับผมเมื่อเจอหน้าว่า พรุ่งนี้คุณครูจะพาไปรับเกียรติบัตรนักเรียนที่มีผลการทดสอบระดับชาติ O-NET ได้คะแนน 100 คะแนนเต็ม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ที่ทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด
คุณครูประจำชั้นก็ออกมาแจ้งข่าว และดีใจด้วย เพราะนาน ๆ นักเรียนของโรงเรียนของเรา (ระดับอำเภอ) จะได้ O-NET 100 คะแนนเต็ม
ในใจของผมก็ดีใจ และพองโต ตามวิถีชีวิตของปุถุชนคนหนึ่ง ที่ลูกมีความสุข และความสำเร็จ แม้เล็ก ๆ น้อย ๆ พ่อก็ย่อมดีใจไปกับลูก
ลูกชายก็คงแอบดีใจเงียบ ๆ เพราะเขาไม่ค่อยแสดงความรู้สึกยินดียินร้ายออกมาอย่างชัดเจน แอบถามเขาว่า ทำไมไม่ดีใจหรือ เขาเคยตอบว่า เขาดีใจ แต่กลัวเพื่อนคนอื่นจะเสียใจที่ไม่ได้โอกาสดีใจเช่นเขา
เหมือนตอนชั้น ป. 1 ถึง ป.4 ที่เขาเคยสอบได้อันดับท้าย ๆ ห้อง อันดับที่ 30 40 ของชั้น เขารู้สึกเสียใจเช่นกัน จึงอยากทำให้ความดีใจ-เสียใจ เป็นเรื่องปกติ
พอขึ้น ป.5 และ ป.6 ลูกชาย มีความตั้งใจอ่านหนังสือมากขึ้น ผลการเรียนก็ดีขึ้น โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ที่เขาชอบมาก เขาบอกว่า โจทย์ที่ทำได้แล้วจะทำอีกหนึ่งรอบเพื่อความมั่นใจว่าทำได้ ส่วนโจทย์ที่ทำไม่ได้ จะถามครู และถามคุณอา และอาเขย (ที่เป็นครูคณิตศาสตร์) จนทำได้ และทำอีก 2-3 รอบ และทดลองทำในหลายวิธี
เขาบอกว่า โจทย์คำถามหนึ่ง จะมีวิธีค้นหาได้หลายวิธี เพื่อได้คำตอบ และเขาบอกว่า ชอบคำสอนของพระพุทธเจ้า เรื่อง อิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
ผมแค่เปรย ๆ กับลูกเรื่องเรียนหนังสือว่า อย่าไปเครียดมากมาย ชีวิตเรายังมีอะไรอีกมากมาย ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง แต่อยากให้มีความสนุกกับการเรียน และการดำเนินชีวิต
เพราะแต่ละคนได้โจทย์ชีวิตไม่เหมือนกัน จงค้นหาหลาย ๆ วิธี ที่จะได้คำตอบ หรือถ้าเราเปลี่ยนโจทย์ชีวิตได้ คำตอบของชีวิตก็จะเปลี่ยนไปด้วย
ลูกอาจยังไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูด แต่ผมภาวนาว่า สักวันหนึ่งเขาจะเข้าใจ และมีความสุขเล็ก ๆ พุ่งพวยขึ้นกับลมหายใจอุ่น ๆ
ยินดีด้วยครับ
อ่านเรื่องน้องทิมดาบ ... ตื้นตันและน้ำตาซึม
เกิดความเชื่อว่า จากการสอบครั้งก่อนที่ได้เกือบท้ายๆ ต่อมาน้องทิมดาบมีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสาจนสามารถนำพาตนเองมาถึงเป้าหมายได้ นี่คือ การทดลองอันยิ่งใหญ่ที่น้องทิมดาบได้เรียนรู้ในชีวิต
เชื่อมั่นในการเติบโต...และงอกงาม
ดีใจภูมิใจกับน้องทิมดาบที่ทำข้อสอบได้ดี ยิ่งดีใจกับพ่อที่น้องเขารู้จักเป็นห่วงจิตใจของเพื่อนที่ไม่ได้เหมือนเขา เชื่อว่าน้องเขาต้องโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจงดงามและแก้โจทย์ชีวิตได้ดี ปีนี้ทิมดาบโตจะเป็นหนุ่มแล้วนะคะ