ผืนดิน สอนให้เรา หนักเเน่น มั่นคง ไม่หวั่นไหว
ผืนน้ำ สอนให้เรา อ่อนโยน ชุ่มเย็น เป็นสุข
ผืนฟ้า สอนให้เรา ใจกว้าง สดใส พร้อมรับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ
ผืนลม สอนให้เรา เข้าใจความเปลี่ยนแปลง ในทุกสรรพเเสงในชีวิน
ธรรมชาติ สอนให้เรา เข้าใจความเป็นไปของตัวเราเเละภายนอกทั้งมวล ทั้งมีชีวิตเเละไม่มีชีวิต
อนึ่ง เราทุกคนเกิดมาย่อมมีเเรงบันดาลใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อที่จะเลือกดำรงค์ชีวิตอยู่อย่างผาสุขในสันติ เราทุกคนล้วนมีเเรงบันดาลใจเป็นปัจเจกภายในที่เเม้คล้ายกันเเต่ไม่เหมือนกันไปเสียทีเดียว เพราะต้นทุนชีวิตของเราเเต่ละคนไม่เหมือนกัน ระบบความคิด ความรู้ เเละความเชื่อไม่เหมือนกัน "เเรงบันดาลใจจึงเกิดขึ้นจากสรรพสิ่ง" เกิดขึ้นจากสิ่งใดก็ได้ที่เรานำมายึด นำมาเป็นเข็มทิศนำทางชีวิต
กรเข้าใจการเกิดขึ้นของเเรงบันดาลใจหรือกระบวนการเข้าใจตนเองจากภายในจึงมีความสำคัญ เพราะในสรรพสิ่งทั้งหลายนั้น มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น กระบวนการสำคัญ คือ เราไปยึดเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือ บุคคลใดคนหนึ่ง มาประกอบ มาสร้างเป็นเเรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นในตนเอง จากภายนอกเรารียกว่า เเรงจูงใจ เเละ จากภายในเราเรียกว่า แรงบันดาลใจ ซึ่งทั้ง ๒ ส่วนนี้หลายมุมก็รวมอยู่ในส่วนเดียวกัน เเต่ให้เข้าใจว่า เป็นเเรงบันดาลใจหรือเเรงจูงใจก็ย่อมได้
แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นมีทั้งมุมบวกเเละมุมลบ เเต่ให้เราเลือกที่จะเอามุมบวกมายึดใจ มาเสริมใจตนเอง (Positive Thinking) ในสรรพสิ่งเเต่เดิมเเท้มิได้มีมุมบวกเเละมุมลบ เเต่เราให้ความหมายมันเองเพื่อให้ง่ายต่อการใช้ชีวิตในเเบบผุถุชน ที่มีบรรทัดฐานทางสังคม มุมมองบวกจึงมีความสำคัญต่อการสร้างเเละเสริมใจตนเอง เพื่อน ครอบครัว เเละสังคม มากที่สุด ในสรรพสิ่งเราจึงใช้เเรงบันดาลใจด้านบวกเข้าใจยึด มาเสริมใจตนเองหรือเสริมกันเเละกัน
นอกจากความเข้าใจเเรงบันดาลใจจากสรรพสิ่งเเล้ว สิ่งสำคัญที่เราต้องเข้าใจภายในตนเอง คือ กระบวนการของแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นกฎธรรมชาติ ที่มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เเละดับลงไปเป็นธรรมดา เมื่อดับไปเเล้วย่อมมีเกิดขึ้นใหม่เป็นธรรมดา อาจเกิดขึ้นจากสิ่งเดิมเเต่ความหมายเปลี่ยนแปลงไป หรืออาจเกิดขึ้นจากสิ่งใหม่ที่มีความหมายในเเบบเดิม หรืออื่นๆ ก็อาจเป็นได้ ในช่วงเวลาที่มันเกิดขึ้นให้เรารู้ว่ามันเกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่มันตั้งอยู่ "หัวใจพองโต" ให้เรารู้ว่ามันพองโต ในเวลาที่มันหายไปให้เรารู้ว่ามันหายไป เพราะเมื่อเรารู้กระบวนการนี้เเล้ว "เราจะเข้าใจกระบวนการภายในของตนเองมากขึ้น"
หากเราเข้าในเเรงบันดาลใจจากสรรพสิ่งในระดับกระบวนการภายในตนเองเเล้ว มุมมองหนึ่งเราจะมีฐานสติที่มากขึ้น มีพลังในการสร้างเสริมตนเองมากยิ่งขึ้น มีเเรงบันดาลใจทำกิจเเละทำจิตเพิ่มมากขึ้น เพราะเข้าใจความไม่เที่ยงของเเรงบันดาลใจ เข้าใจความไม่เที่ยงของใจ(อารมณ์) ในมุมมองทางโลกอย่างเราๆ คือ เมื่อเห็นว่ามันเเรงใจหมดไปเเล้ว ให้เราพยายามหาแรงใจนี้อีกครั้งเเล้วลุกขึ้นสู้ต่อไป
แรงบันดาลใจภายในใจเรานั้นสามารถหายไปได้ เเต่เราสามารถหาได้ใหม่จากทุกสรรพสิ่งที่เราเลือกให้ความหมายเเละนำมาสร้างใจเสริมใจให้ตนเอง เเรงบันดาลใจจากสรรพสิ่งจึงมีความสำคัญ ต่อการสร้างเเรงบันดาลใจภายในตนเอง
หากไฟหมด ให้เธอจุด
จุดไฟ ในไฟฝัน
หากเธอมีไฟ ก็ให้แบ่งปัน
ให้สร้างฝัน ที่มีไฟให้ผู้คน
แบ่งปัน ด้วยความรัก
รักใน ความเป็นคน
มีเหตุ เเละมีผล
จะไม่มี คนจนใจ
ธีระวุฒิ ศรีมังคละ
๑๐ เมษายน ๒๕๕๙