เมื่อฉันย้อนมองกลับไป
ฉันรู้สึกถึง...
ฉันใช้ชีวิตผ่านกาลเวลามานานแสนนาน
ฉันผ่านอะไรมาก็มาก
ทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไ่ม่ดี
เมื่อฉันยังเล็ก
พ่อแม่ฉันไม่ได้มีต้นทุนในชีวิตสูง
พยายามเลี้ยงดูและประคับประคองชีวิตฉัน
ในไปทางที่ถูกต้องที่สุด
ตามเท่าที่กำลังความคิดของท่านจะมี
สติปัญญาความสามารถของฉันแค่ระดับปานกลางไปจนถึงต่ำ
ตั้งใจเรียนแล้วแต่ก็ยังคงเรียนไม่เก่งเมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่น
ฉันได้เรียนโรงเรียนอนุบาลในต่างจังหวัดทางภาคอีสาน
ฉันได้เรียนโรงเรียนประถม มัธยมในเมืองหลวง
นั่นเป็นเส้นทางที่พ่อกับแม่สร้างไว้ให้
การเรียนจบมัธยมที่ร่อแร่ของฉัน
ทำให้ฉันเริ่มคิดถึงเส้นทางชีวิตของตัวเองว่า
เราจะเดินไปทางไหนได้บ้าง
ที่ชีวิตพอจะมีสิทธิ์เลือกได้
แน่นอน ฉันโชคดี ชีวิตนี้เป็นของฉัน
ฉันเลือกที่จะออกจากเมืองหลวง
เพื่อไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด
เพื่อเรียนหนังสือ
ฉันเลือกเส้นทางนี้เอง
และมันก็สำเร็จตามที่ตั้งใจ
ถึงแม้จะต้องใช้ความเพียรพยายาม
มากกว่าเพื่อนคนอื่นหลายเท่าก็ตาม
แต่มันก็เป็นความภูมิใจลึก ๆ ว่า
ฉันเรียนจบระดับปริญญากับเขาได้
เรื่องการทำงานฉันก็อยากเป็นแค่
นักวิชาการตัวเล็ก ๆ ที่เดินอยู่ในมหาวิทยาลัย
ไม่ได้คิดจะเป็นครูตามโรงเรียนเหมือนเพื่อน ๆ
ไม่ได้คิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวเหมือนเด็กในสมัยนี้
เพราะในครอบครัวไม่มีใครประกอบธุรกิจกันสักคน
ทำให้มองเส้นทางนี้ไม่ค่อยเห็นชัดเท่าไหร่
ฉันอยากเป็น "นักเดินทาง"
คือ แบกเป้ สะพายกล้อง
เดินทางไปหาธรรมชาติที่ไม่เคยเห็น
เข้าไปอยู่ในบรรยากาศแบบนั้น
เพื่อซึมซับคุณค่าสิ่งเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด
แต่ฉันก็ยังทำได้ไม่เต็มที่
นั่นมันก็แค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ
ที่ยังติดอยู่ในใจ เมื่อมีโอกาสจะทำให้ได้
เส้นทางชีวิตของฉันผ่านความเจ็บปวดมากมาย
หนทางชีวิตไม่เคยโรยด้วยดอกกุหลาบ
ฉันใช้ชีวิตแบบก้าวไปทีละขั้นอย่างช้า ๆ
ช้ามากถ้าเทียบกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
ฉันไม่เคยคิดจะใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ
ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นความสำคัญของชีวิต
ว่า "ชีวิตนี้สั้นนัก"
แต่ฉันพยายามเดินไปทุกฝีก้าวด้วยความระมัดระวัง
แน่นอนว่า หากโค้ชที่สอนความสำเร็จมาเห็น
ฉันคงถูกต่อว่าเป็นการใหญ่แน่
ว่าฉันช้าไป ไม่กระตือรือร้น
ฉันใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ประหยัด มัธยัตถ์ที่สุด
เท่าที่ฉันจะทำได้ตามต้นทุนที่ฉันมี
พร้อมกับศึกษาหาวิธีการใหม่ ๆ
เพื่อบริหารจัดการตัวเองให้มั่นคงที่สุด
ชีวิตของคนเรามีทั้งความสุข ความทุกข์คละเคล้ากันไป
แน่นอนว่า ฉันเป็นมนุษย์โลกธรรมดาที่รังเกียจความทุกข์
ชอบความสุข ฉันชอบใช้คำว่า "สุขนิยม"
แต่ไม่มีใครมีแต่ความสุขอย่างเดียวเป็นแน่แท้
เพียงแต่ทำให้ตัวเองสามารถอยู่กับความทุกข์ได้อย่างมีความสุขต่างหาก
ชีวิตนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ฉันยังไม่ได้ทำ
บางครั้งฉันก็ชอบไปติดบ่วงในหลาย ๆ เรื่อง
กว่าจะฉันจะแกบ่วงเหล่านั้นออกมาได้
บางเรื่องฉันใช้เวลาหลายปี
การทำให้ทุกอย่างที่ฉันเจ็บปวดกลายเป็นความทรงจำ
บางทีมันก็ช่างเนิ่นนาน แสนนาน ไม่รู้จบ
หากยังอยู่ระหว่างทางนั้น ฉันแทบตายอยู่กลางทาง
แต่เมื่อใดฉันผ่านมันมาได้ ฉันคิดว่า ฉันแกร่งขึ้น
ฉันอยากใช้ชีวิตของตัวเองให้มีคุณค่าและความหมายมากที่สุด
ใครที่อยู่รอบข้างของฉัน จะรับรู้เรื่่องนี้ได้ดี
มีทั้งเข้าใจ ไม่เข้าใจ และพยายามจะเข้าใจ
เวลาเดินทางตรงนี้
บางสิ่งบางอย่างของฉัน
เหมือนตกหล่นอยู่ระหว่างทาง
ฉันคิดว่า ฉันเคยมีมัน
แต่ตอนนี้มันหายไปไหนก็ไม่รู้
ฉันอยากเดินย้อนกลับไป
แล้วเก็บมันมาใส่กระเป๋าเดินทางอีกครั้ง
"ความนับถือตนเอง" ฉันหาย
กว่าพ่อแม่จะสร้างฉันมาขนาดนี้
กว่าครูบาอาจารย์จะสั่งสอนฉันมาขนาดนี้
กว่าตัวฉันจะสร้างตัวเองด้วยเส้นทางดีงามมาขนาดนี้
ฉันใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่หลายปี
เพียงแต่ว่า ฉันรู้เท่าทันในหลายเรื่อง
ทำให้ไม่ตกเป็นทาสกระแสบางอย่างที่สังคมมอบให้
"ความนับถือตนเอง"
ฉันคิดถึงเธอ
บุญรักษา ทุกท่าน ;)...
ขอบคุณมากครับ คุณ ถาวร ;)...
นั่นสิครับ อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ;)...
ทาสนี้ยากถอนจริง ๆ 555
ขอบคุณมากครับ คุณหมอ ธิ ;)...
นับถือแต่อย่า..ถือ..ตน..อิอิ
ยินดีครับ คุณ ยายธี 555
ขอบคุณโอกาสที่มีค่ะ เป็นกำลังใจนะคะ
ขอบคุณมากครับ คุณ อังคณา ;)...
"มีทั้งเข้าใจ ไม่เข้าใจ และพยายามเข้าใจ"
ทุกๆบันทึกมีความหมาย ได้ความรู้ แง่คิดมากมาย
ขอบคุณในทุกๆครั้งที่เข้ามาอ่านค่ะ