..
เช้าวันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 ขณะขับรถไปสอนสมาธิตามแนวทางของพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธฺโร ให้กับนักโทษที่เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี ระหว่างทางนั้นอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่เข้าไปสอนนักโทษด้วยกันกับผู้เขียน ได้บอกกับผู้เขียนว่า
...หลวงปู่แสง ชุตินฺธโร....
เมื่อผู้เขียนได้ยินดังนั้น....เกิดความรู้สึกเสียใจและเสียดายต่อการจากไปของพระอริยะสงฆ์องค์สำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานี อย่างไม่มีวันหวนกลับคืนมา....และวินาทีนั้นอีกเช่นกัน....ที่ผู้เขียนได้อธิษฐานจิตส่งหลวงปู่ฯสู่สวรรค์นิพพาน....ขอให้หลวงปู่ฯอยู่ในสถานที่ที่ขาวสะอาดแห่งนี้เป็นอนันตากาล..สาธุ สาธุ สาธุ....ผู้เขียนคิดเช่นนั้น
..
และภาพเก่า ๆ ที่เคยเก็บไว้ในจิตของผู้เขียน ...ก็ผุดขึ้นมาให้เห็นเป็นระลอก ระลอกแล้วระลอกเล่า...
ผู้เขียนนั้น..หาได้เคยอยู่ใกล้ชิดหลวงปู่ หรือได้เคยปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ฯท่าน....แต่อย่างใดไม่?
..
แต่ผู้เขียนนั้น....ได้ซึมซับจริยาวัตรของหลวงปู่ฯ ผ่านศิษย์ของหลวงปู่ฯ ที่มีนามว่า "พระราชไพศาลมุนี" เจ้าอาวาสวัดโมกขธรรมาราม(ดอนเกลี้ยง) ตำบลขุนทะเล อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านนี้ ....เพราะเหตุใดผู้เขียนถึงกล่าวเช่นนั้น
..
..
คำสอนของหลวงปู่ฯ ที่ผู้เขียนจำได้ขึ้นใจ ครับว่า "การสอนที่ดีที่สุดคือการทำตัวอย่างให้เห็น" คำสอนประโยคนี้ ผู้เขียนจำขึ้นใจในครั้งแรกที่ได้อ่าน จากกระดานแผ่นหนึ่งที่เขียนประวัติหลวงปู่ไว้ภายใน "วัดธรรมบูชา" ..วัดที่ผู้เขียนเดินทางผ่านไปมาเกือบ "ครึ่งศตววรษ"
ทำไม!! ผู้เขียนถึงพูดเช่นนี้...เพราะบ้านนี้เมืองนี้.. คือบ้านเกิดแผ่นดินเกิดของผู้เขียนนั้นเอง ...ผู้เขียนเกิดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีจังหวัดนี้ ผู้เขียนโตที่นี่...อยู่มาครึ่งค่อนชีวิตก็สถานที่แห่งนี้
และยังคงระลึกอยู่เสมอว่า...ชีวิตนี้.. ชาตินี้... ก็จะขออาศัยผืนดินเกิดผืนนี้....เป็นเรือนตายของชีวิตด้วยเช่นกัน
..
คิดแล้ว...น้ำตามันก็พาลจะไหลเอาดื้อ ๆ ซะงั้น...
..
ภูมิใจและดีใจเป็นที่สุด...ที่ชั่วชีวิตหนึ่งของใครบางคนได้พบเจอความดีงามของชีวิต... เมื่อเริ่มต้นเดินลงจากสะพานโค้งของชีวิต...ชีวิตที่เริ่มนับถอยหลังไปหาความจริงแท้แน่นอนในชีวิต..
..
...การสอนที่ดีที่สุดคือการทำตัวอย่างให้เห็น..มันได้ตอกย้ำเข้ามาภายในจิตใจของผู้เขียน และสิ่งนี้เองกระมัง!!ที่ทำให้ผู้เขียนได้เห็นจริยาวัตรอันงดงามของหลวงปู่แสงฯ ผ่านท่านเจ้าคุณฯโมทย์(พระราชไพศาลมุนี)
การทำให้ดูอยู่ให้เห็นของท่านเจ้าคุณฯโมทย์...เป็นสิ่งหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผู้เขียน สิ่งนี้เองที่ช่วยตอกย้ำทำให้ผู้เขียนรู้สึกเช่นนั้นต่อหลวงปู่แสง...(หัวใจที่แสนซื่อดวงนี้.. มันไม่เคยโกหกผู้เขียนเลยสักครั้งเดียว... ผู้เขียนคิดเช่นนั้นนะ)
..
..
พระลูกวัดองค์หนึ่งเคยบอกกับผู้เขียน ช่วงที่ผู้เขียนได้เข้ามามีความผูกพันกับวัดแห่งนี้เมื่อสัก 2-3 ปีที่ผ่านมาว่า.."ท่านเจ้าคุณฯโมทย์ ท่านเป็นพระที่ไม่ค่อยพูดนะ....ชาวบ้านที่ไม่เคยรู้จักท่าน หรือญาติโยมที่เข้ามาที่วัดแห่งนี้ หากได้มองท่านครั้งแรกก็จะรู้สึกว่าท่านเป็นพระที่ดุ...น่าเกรงขราม (แม้กระทั่งตัวผู้เขียนเองก็รู้สึกต่อท่านเช่นนั้น ในครั้งแรกที่ได้มองหน้าท่าน) พระลูกวัดองค์นั้นยังพูดมาอีกประโยคหนึ่งว่า...ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ ที่ไม่ค่อยพูด... โดยท่านถือคติที่ว่า... "ทำแล้วไม่พูด... ดีกว่าพูดแล้วไม่ทำ"..
..
สิ่งนี้คือ...ความจริง... ความจริงนี้..เมื่อวันเวลาล่วงเลยผ่านไป
กว่า 3 ปีแล้ว..ที่ผู้เขียนได้เข้ามาผูกพันกับวัดแห่งนี้..ได้เห็นผู้คนที่นี่ ได้เห็นท่าน... ได้ใกล้ชิดท่านในบางห้วงเวลาของชีวิต มันก็เป็นบุญกุศลเหลือเกินแล้วที่คนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งอย่างผู้เขียน...มีโอกาสได้ทำ และได้ปรนนิบัติรับใช้ท่าน
..
..
และนี่คือ..ความจริง ความจริง ที่ทำให้ผู้เขียนได้เห็นจริยาวัตรที่แสนงามในเพศบรรพชิตของหลวงปู่แสงฯ
..
เราจะไม่รู้หรอกว่า...ไม้ผลต้นใหญ่ต้นหนึ่งนั้น..จะเป็นไม้ผลที่ดีเพียงไหน? ตราบใดที่เรายังไม่ได้ลิ้มลองรสชาติของลูกผลของมัน
เมื่อใดก็ตาม...หากเราได้ลิ้มลองรสชาติลูกผลของต้นไม้ใหญ่ต้นนี้แล้ว....มันหอมหวาน กลมกล่อม..นั่นย่อมทำให้เห็นว่า..ไม้ผลต้นใหญ่ต้นนี้นั้น...มันช่างสมบูรณ์แบบซะเหลือเกิน
..
..
...และนี่คือความจริงที่งดงาม….
หลวงปู่ไม่จำเป็นต้องพูด...หากแต่ว่าหลวงปู่นั้นได้ปฏิบัติให้ผู้เขียนเห็นผ่านท่านเจ้าคุณโมทย์ ลูกศิษย์ของหลวงปู่...ใครบางคนอาจเห็นได้มากกว่าผู้เขียน ได้ใกล้ชิด ได้ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่อย่างใกล้ชิด เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า…หลวงปู่แสงเป็นพระอริยสงฆ์ที่สมควรเคารพและสมควรแก่การกราบไหว้บูชา
..
...สิ่งที่ผู้เขียนพูดจึงอาจเป็นเพียงแค่ลมปาก...เท่านั้น...
..
..หากแต่ว่า..ใครบางคน หรือใครหลาย ๆ คนก็ตาม ที่ยังไม่รู้สึกเช่นนั้น …ผู้เขียนเชื่อครับว่า...ไม้ผลลูกหอมหวานลูกนี้ เมื่อเราได้ลิ้มลองรสของมัน ย่อมรู้ครับว่่า...แม่พันธุ์นั้นดีเพียงใด?....หลวงปู่ฯคือไม้ผลต้นใหญ่ต้นนั้นครับ
..
..
..
..
หลวงปู่ฯ จากพวกเราไปเพียงแค่....สรีระสังขาร...
แต่สิ่งที่หลวงปู่ทิ้งเอาไว้ให้ผืนแผ่นดินผืนนี้.... คือ "ธรรมรส" ที่ผู้เขียนเชื่อครับว่า...พวกเราทุกคนจะน้อมรับสิ่งนี้ไปปฏิบัติได้โดยไม่ยาก
..
"การสอนที่ดีที่สุดคือการทำตัวอย่างให้เห็น"
..
ผู้เขียนตื้นตันใจครับ... เพียงแค่ได้เขียนประโยคนี้...ไว้ที่นี่
นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็ก ๆ เสี้ยวหนึ่ง...ในจริยาวัตรอันงดงามของหลวงปู่แสงฯ...ที่ผู้เขียนคิดได้ ณ เวลานี้
..
..
ผู้เขียน ขอขอบคุณ พี่อวยพร นักศึกษาครูสมาธิฯ ที่ผู้เขียนได้เคยมีโอกาสเข้าไปมอบความรู้เรื่องสมาธิของพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ฯ ให้กับเธอและนักศึกษาร่วมรุ่นของเธอ ..
ผู้เขียนพบพี่อวยพร...ในวันที่ ไปกราบศพหลวงปู่แสงฯ ที่วัดธรรมบูชา (วันที่ไปกราบศพหลวงปู่ฯนั้นเป็นช่วง 3 วันในเทศกาลตรุษจีน ที่ชาวจีนเชื้อสายไทย ส่วนใหญ่จะละเว้นพิธีเช่นนี้ แต่พี่อวยพร เธอบอกกับผู้เขียนว่า "สำหรับพี่ พี่มีเชื้อสายจีน แต่เพื่อหลวงปู่แล้ว พี่ละได้ทุกอย่าง"
..
วันที่ผู้เขียนเข้าไปกราบหลวงปู่ฯนั้น พี่อวยพรจะนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ด้วยอาการสงบและสำรวมเป็นอย่างยิ่ง จนผู้เขียนรู้สึกเกรงใจครับว่า..พี่อวยพรได้ให้เวลานั่งคุยกับผู้เขียนได้นานมาก ๆ
..
พี่อวยพรเป็นใคร? ผู้เขียนไม่ทราบได้หรอกครับ.. แต่ผู้เขียนรับรู้ได้ว่า.. พี่อวยพรผูกพันกับหลวงปู่แสงฯ ในฐานะลูกหลานของหลวงปู่แสงคนหนึ่งเลยทีเดียว
..
..
ผ้าแพร สีเหลือง ชมพู ที่ผูกไว้รอบวัดธรรมบูชา คือสิ่งที่ยืนยันได้ครับว่า...นี่คือความรัก ความเคารพ ความเลื่อมใส ศรัทธา ที่พี่อวยพรมีมอบให้หลวงปู่แสงฯ
..
ผู้เขียนเชื่ออยู่อย่างหนึ่งนะครับว่า...ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งใดเลยที่มันเกิดขึ้นโดยบังเอิญหรอกครับ... ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุผลเกื้อกุลกันเสมอ..
..
..
คำสอนของหลวงปู่ คำนี้ "การสอนที่ดีที่สุดคือการทำตัวอย่างให้เห็น" จะเป็นพลังขับเคลื่อนนาวาชีวิตของผู้เขียนเอง.. แม้นทำได้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งในคำสอนหลวงปู่... ผู้เขียนก็ภูมิใจแล้ว ครับ...
..
..
ผู้เขียนขออธิษฐานจิตส่งหลวงปู่ฯสู่สวรรค์นิพพาน....ขอให้หลวงปู่ฯอยู่ในสถานที่ที่ขาวสะอาดแห่งนี้...เป็นอนันตากาล..สาธุ สาธุ สาธุ....
อนุโมทนาสาธุค่ะ
มาสาธุด้วยคน
ถึงท่านจากไปแล้ว แต่ว่าคำสอนดีๆของท่านยังอยู่นะครับ
การสอนที่ดีที่สุดคือการทำตัวอย่างให้เห็น