ไปเสฉวนกลับมารอบนี้ ยาแก้แพ้อากาศกับแพ้อาหารที่พกไปถึงกับหมดแผง สินค้ารอบนี้ที่มีไปจำหน่ายด้วยเป็นสินค้าเครื่องปรุงรสที่ใช้ในการต้ม ผัด ทอด และแกงที่การันตีความอร่อยแบบไม่ต้องใช้ผงชูรส
คนแพ้ผงชูรสแบบผู้เขียนถึงกับปลื้มเมื่อได้มีโอกาสได้แนะนำและจำหน่ายสินค้าคุณภาพดีๆ อร่อยอย่าบอกใครจากประเทศไทย จากผู้ประกอบการไทยแท้ๆ ให้กับผู้บริโภคชาวจีน อยู่งานแฟร์ 5+1 วัน คนจีนที่เสฉวนหยุดชื่นชมซองผลิตภัณฑ์และซักถามรายละเอียดสินค้าวันหนึ่งเป็นสิบๆ ราย แต่ที่รักสุขภาพจนตัดสินใจซื้อไปรับประทานหรือประกอบอาหาร มีแค่ไม่ถึง 3% จากผู้ที่สนใจทั้งหมด
เพื่อนผู้นำเข้าอาหารคนจีน ที่นำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารนานาชาติเข้าซุปเปอร์มาเก็ตที่ได้มีโอกาสได้พูดคุยกันระหว่างงานเกษตรและอาหารแปรรูปบอกแอดมินว่า คนเสฉวนติดผงชูรสมาก ใส่ในอาหารกันเป็นช้อนๆ ไม่เว้นแม้แต่การปรุงอาหารให้คนป่วยในโรงพยาบาลกันเลย ถามเรื่องรักสุขภาพก็รักอยู่ แต่การคำนึงถึงเรื่องราคาเป็นปัจจัยหลักมากๆ ให้มารักสุขภาพเหมือนคนไทยก็อยากทำแต่ติดปัจจัยหลายอย่าง
อ่านมาถึงบรรทัดนี้หลายคนที่ทำอาหารสุขภาพจำหน่ายและอยากเข้าตลาดจีนอาจจะอึ้งจนถอดใจกับจีนไปเลย แต่อยากบอกว่าการทำการค้ากับจีน รู้จักพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนแทบจะเปนการทำงานแบบ 1 มณฑล 1 ประเทศ เราใช้จีนเพียงมณฑลเดียววัดจีนทั้งประเทศไม่ได้เลยค่ะ
ผ่านกลับมาทางผู้นำเข้าหรือร้านอาหารทางมณฑลตะวันออกอย่างกว่างโจว เซียงไฮ้ หรือปักกิ่ง ผู้นำเข้ากลับยอมรับในอาหารแบบพร้อมปรุง รักสุขภาพ และไม่มีสารเคมีมากกว่ามณฑลทางตะวันตก ด้วยสังคมเป็นสังคมเมือง เวลาประกอบอาหารมีน้อย กำลังซื้อมากกว่า เริ่มเปิดใจกับอาหารพร้อมปรุงนอกบ้านและรักสุขภาพมากขึ้น
ดังนั้นถามว่าน่าถอดใจไหมกับเสฉวนหรือความต่างของจีนแบบ 1 มณฑล 1 ประเทศแบบนี้ ตอบเลยว่าไม่ควรค่ะ! ใครจะรู้ได้ว่าอีกแค่ 2-5 ปีข้างหน้าที่สังคมเมือง สังคมคนรักสุขภาพ และสังคมคนแก่คืบคลานไปทั้งภูมิภาค เราจะไม่ได้พบร้านอาหารจีนหรือร้านอาหารไทยแท้ๆ ที่ติดป้ายยืดอกอย่างภาคภูมิใจว่า "ร้านนี้ไม่มีผงชูรส" นะคะ
ไม่มีความเห็น