วันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าบรรยายให้กับนักศึกษาหลักสูตรครูสมาธิ สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขา 133 วัดสามัคคีผดุงพันธ์ สุราษฏร์ธานีฟัง ในหัวข้อเรื่อง "ความสำคัญของสมถะและวิปัสสนา" ตามแนวคำสอนของพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธฺโร (พระอาจารย์ของผู้เขียน)
..
..
หลังจบการบรรยายแล้ว... นักศึกษาท่านหนึ่งได้เข้ามามอบพระสมเด็จฯให้กับผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนทราบจากนักศึกษาท่านนี้ว่า เป็นพระสมเด็จ 100 ปีของสมเด็จพระญานสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
และนักศึกษาท่านนี้(คุณวันทนีย์ อุยยามาฐิติ)ผู้เขียนขอเว้นไว้ เพื่อที่จะขอพิมพ์ชื่อเธอใส่ไว้เป็นที่ระลึกเป็นบันทึกแห่งความทรงจำของผู้เขียน
..
ผู้เขียนรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับพระสมเด็จฯจากมือของนักศึกษาท่านนี้...และเธอยังบอกกับผู้เขียนอีกว่า หากผู้เขียนอยากไปกราบสักการะพระศพของสมเด็จฯท่าน เธอก็ยินดีที่จะพาผู้เขียนไป เนื่องจากเธอมีญาติผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดกับการจัดการพระศพของพระองค์ท่านอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุุงเทพมหานคร..... และนี่คือคำเชิญที่ผู้เขียนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตหนึ่งของผู้เขียนเลยทีเดียว
..
..
นั่นเป็นเพระสิ่งใดหรือ?
นั่นเป็นเพราะสมเด็จฯท่าน ทรงเป็นประมุขของสงฆ์ และทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช ที่มีพระชันษามากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีตและทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกของไทยที่มีพระชันษา 100 ปี
..
แต่มีสิ่งสำคัญยิ่งกว่าอีก....
สิ่งนั้นคืออะไร?รู้มั้ยครับ
สิ่งนั้นคือ..คำสอนของสมเด็จฯ ท่าน.....ซึ่งคำสอนของสมเด็จฯท่านนั้น... ช่างลึกซึ้งกินใจผู้เขียน ..ในทุกครั้งที่ได้อ่านหรือได้ยิน
..
..
ทำให้อดคิดไปถึงเมื่อวันวานไม่ได้..บางครั้งนะ!!ที่ตัวผู้เขียนเองรู้สึกท้อแท้ ในชีวิต จากการทำงานในช่วงสมัยที่ผู้เขียนยังคงรับราชการอยู่ บางครั้งนะ!!ที่มันเปลี่ยวเหงาในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก หรือบางครั้งที่ผู้เขียนก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่..ในบางเวลาที่รู้สึกเสียใจจากงานที่ทำด้วยความซื่อสัตย์มาตลอดชีวิตของความเป็นข้าราชการ.. แต่กลับได้รับการมองเป็นอย่างอื่น
แต่เมื่อได้รำลึกถึงถ้อยคำและคำสั่งสอนของสมเด็จท่านแล้ว ...มันก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างมาปลอบประโลมหัวใจให้คลายความรู้สึกเช่นนั้นไปได้...นั่นเป็นเพราะอะไร?
..
สมเด็จฯท่านเคยบอกไว้ว่า..."เมื่อใดที่เสียใจหรือน้อยใจว่าเราทำดีแล้ว ทำไมถึงไม่ได้ดี หรือว่าเขาทำดีแล้วทำไปถึงไม่ได้ดี สมเด็จฯท่านบอกว่า..ให้พึงรู้ว่าเรากำลังหลงผิด คิดผิดไปจากความจริง.. จริง ๆ แล้วทำดีมันต้องได้ดีเสมอ ไม่มีข้อยกเว้นด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น และเมื่อเรากำลังคิดว่าทำไมคนที่ทำไม่ดีแต่กลับได้ดี สมเด็จฯท่านก็บอกอีกว่า.... จริง ๆแล้วเรากำลังคิดผิดจากความจริง เมื่อทำสิ่งไม่ดี มีหรือทีมันจะได้ดี ...ทำสิ่งไม่ดี มันย่อมได้สิ่งไม่ดีแน่นอน... และไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้นเช่นกัน...
..
เมื่อผู้เขียนนึกถึงถ้อยคำนี้ของสมเด็จฯท่านแล้ว ...
เชื่อมั้ยครับว่า..ในความเปลี่ยวเหงา และคราบน้ำตานั้น.. ผู้เขียนกลับปาดสิ่งนี้ออกไปด้วยหัวใจที่อิ่มเอม ....
และนี่คือ.. ห้วงเวลาหนึ่งในชีวิตทีผู้เขียนได้พบเจอ.... และได้สารภาพสิ่งนี้ไว้กับบันทึกแห่งความทรงจำบันทึกนี้
..
..
ฤาว่า..พระสมเด็จฯทั้งสององค์นี้กระมั่ง!!! อาจเป็นสิ่งที่ได้ตอบแทนคุณงามความดีเล็ก ๆ ที่ผู้เขียนได้สร้างไว้ประดับโลกที่สวยงามใบนี้
..
หากเป็นเช่นนั้น
ผู้เขียนขอขอบพระคุุณนักศึกษาท่านนี้ ที่มีนามว่า คุณวันทนีย์ อุยยามาฐิติ
ที่ทำให้ผู้เขียนรำลึกถึงภาพแห่งวันวาน
วันวานที่ผู้เขียนทำงานด้วยความซื่อสัตย์มาตลอดชีวิตของการเป็นข้าราชการไทยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
..
และสิ่งตอบแทนความดีนี้....ช่างน่าทะนุถนอมยิ่งนัก ...และจะขอเก็บไว้ในความทรงจำที่แสนงาม...ของผู้เขียนตลอดไป
ขอร่วมอนุโทนาในบุญที่ท่านทำ
และร่วมปลาบปลื้มที่ท่านได้สิ่งดีๆ กลับมา
สาธุๆครับ
มีความสุขมากๆ
ขอบพระคุณพี่นุ้ยและอ.ขจิตมากนะครับ
สาธุค่ะ เป็นรางวัลความดีที่สะสมมาเป็นแน่แท้ค่ะ
สาธุ กับการเห็นพระ ก็นึกถึงคำสอนนะครับ
ขอบพระคุณ อ.GD อ.ต้น และ คุณเพชรฯ มากนะครับ
เห็นพระสมเด็จฯ แล้วเห็นคำสอนของท่าน กับวันวานที่ผ่านมา...บันทึกนี้จึงน่าจดจำสำหรับตัวเอง..และอาจให้ข้อคิดสำหรับคนบางคนได้บ้างนะครับ
ขอบคุณมากครับ
โมทนา..สาธุ..เจ้าค่ะ
ขอบคุณยายธีมากนะครับ
ขอบคุณกำลังใจที่ส่งมอบมาให้นะครับ