จดหมายถึงพระคุณเจ้า : พระหลานโทรมาปรึกษา


หลานชายเพิ่งบวชเมื่อก่อนเข้าพรรษาของปีนี้ ในวันบวชผมนั่นหวั่นๆว่า เขาจะสามารถประพฤติตนให้ดำรงอยู่ในสมณสารูปได้หรือไม่ ซึ่งความกังวลผมก็เริ่มคลายลงว่า "ถอดถอนใจเสียบ้าง แล้วคลายลงซะ" เพราะเมื่อบวชเสร็จ พระใหม่รูปนี้ก็เดินดุ่มๆๆ เหมือนกับผู้ชายทั่วไปเดิน จึงต้องบอกหลานพระไปว่า เราต้องเดินให้สงบเสงี่ยม ให้สมกับที่เป็นสมณะ ต้องมีสติตลอดเวลาอย่าเผลอ การเรียกคนอื่นก็ต้องเรียกแบบปกติ ไม่ใช่ส่งเสียงดังเหมือนคนที่ยังไม่บวช..."

ใกล้ออกพรรษาไปทุกขณะ ผมไม่ได้ไปเยี่ยมหลานพระเลย แต่คงไม่เป็นไร เพราะชีวิตนักบวชควรตัดขาดจากบ้านเรือน แม้ในชีวิตจริงเราไม่สามารถจะตัดขาดได้ก็ตาม การบวชตามประเพณีของแต่ละคนแต่ละครั้งนั้นน่าหวาดเสียวไม่น้อย พ่อแม่อยากให้ลูกบวช แต่ลูกที่บวชเข้าไปในบางครั้งนึกว่าการบวชไม่ได้มีอะไร มิหนำซ้ำคนที่บวชอยู่ก่อนก็ไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้เลย เหมือนวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา พระเก่าชอบสักยันต์ เมื่อพระใหม่บวชเข้าไป ก็เลยได้เรียนรู้เรื่องแบบนี้ ผมมีภาพพระสองสามรูปที่กำลังสักยันต์เต็มตัว แล้วโพสน์ทางเฟสบุ๊คเพื่อจะบอกว่า การสักยันต์คือความน่าชื่นชม แล้วเจ้าคนนี้ก็โชว์เก๋าด้วยปืนสวยๆสองกระบอก พฤติกรรมแบบนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าอนาถใจสำหรับการบวชตามประเพณีและกรณีที่เจ้าอาวาสก็ไม่สามารถจะจัดการอะไรได้

หลานชายของผมคนนี้เรียนจบปริญญาตรีประมง ระหว่างนั้นก็ยังไม่ได้ทำงานอะไร เห็นว่าว่างอยู่ เดี๋ยวเกิดมีเหย้ามีเรือน มีการมีงานที่เป็นหลักแหล่ง จะไม่ได้บวช พ่อแม่ก็เลยต้องการให้บวชสักสองสามวัน แต่ทางเจ้าตัวยืนยันว่า ไหนๆ ก็บวชแล้ว ก็บวชเข้าพรรษาไปเลย ทำเอาทางบ้านพากันดีใจ เพราะปกติเจ้านี่เป็นพวกขวานผ่าซาก ไม่ค่อยเชื่อฟังใครทั้งนั้น เขาว่ากันว่า หลานคนนี้หน้าตาเหมือนผม ทำเอาผมแอบงงนิดๆ เหมือนตรงไหน ผมตัวดำเขาตัวขาว ก่อนบวชหน้าตารูปร่างก็เหมือนชาวบ้านทั่วไป แต่วันบวช ผมเป็นคนเดินออกไปห่มจีวรให้ข้างพระประธานในโบสถ์ ผมถึงกับแอบปลื้มว่า บุคลิกแบบนี้สง่างามมาก ในวันบวชมีการบวชพร้อมกัน ๓ รูป แต่เจ้าหลานพระรูปนี้ฉายแววสง่างาม อาจจะเพราะหัวกลมแวว ร่างไม่อ้วน จมูกไม่แฟบ ด้วยกระมัง ผมพยายามห่ม (ดอง) ให้สวยที่สุด แต่คนที่ไม่เคยห่มมาก่อนอาจจะยุ่งยากอยู่ บวชเสร็จ ผมพยายามบอกว่า ถ้าเลิกบุหรี่ได้ก็เลิก และอย่าเข้าไปยุ่งเกีย่วกับมัน บุคลิกพระไม่เหมาะกับบุหรี่ ผมสอนหลายเรื่อง เท่าที่จะทำได้ แต่ก็คงได้แค่ผ่านๆหูพระใหม่ไปเท่านั้น อันที่จริงไม่น่าจะใช่หน้าที่โยมอย่างผม เรื่องแบบนี้เป็นหน้าที่ของอาจารย์และอุปัชญาย์

เมื่อคืนเกือบห้าทุ่ม หลานพระโทรมาจากต่างจังหวัด (ผมอยู่พระนครศรีอยุธยา) ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา การโทรมาครั้งนี้เพื่อขอคำปรึกษา กรณีเจ้าอาวาสต้องการให้รับผ้ากฐิน และต้องการให้ย้ายชื่อออกจากบ้านมาอยู่ที่วัด เพื่อความสะดวกในการทำบัตรพระและการทำหนังสือเดินทาง หลานพระแจ้งว่า เจ้าอาวาสจะไปพม่า และจะพาเขาไปด้วย นอกจากนั้น เจ้าอาวาสจะให้รับผ้ากฐิน ดูเหมือนเขาจะกังวลอยู่ ก่อนที่ผมจะอธิบายอะไรออกไป ผมถามเขาว่า "อยู่ได้หรือ" เขาบอกว่า "อยู่ได้" ผมถามอีกว่า "ไม่คิดจะสึกหรือ" (เขาเคยบอกว่า ออกพรรษาแล้วจะสึก) เขาบอกว่า "ไม่รู้จะสึกไปทำอะไร ที่เรียนจบมาก็เกรดต่ำ จะไปสมัครงานก็มีแต่พวกเส้นสายทั้งนั้น ก็เลยคิดว่า อยู่ไปเรื่อยๆก่อน" ผมได้ฟังอย่างนั้น แอบดีใจว่า หลานพระจะอยู่ในผ้าเหลืองต่อไป แต่แอบกลัวอนาคต หากวันหนึ่งต้องสึกออกมา จะออกมาทำงานทันเพื่อนเขาหรือไม่ ซึ่งผมจะต้องไปคุยกับพ่อแม่ของพระใหม่รูปนี้ อย่างไรก็ตาม ผมก็บอกว่า หากจะอยู่ต่อ เราต้องระมัดระวังตัวให้มากๆ อะไรควร อะไรไม่ควรต้องคิดให้ดี รักษาศีลให้บริสุทธิ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่าเผลอ แล้วสิ่งเหล่านี้จะมีผลดีกับเราในภายหลังโดยที่เราอาจไม่รู้ตัวเลย ผมก็พูดไปเรื่อยตามประสาคนแก่และเป็นห่วงคนที่เข้าไปบวช บางคนเจอเรื่องร้ายที่ไม่ควรเกิดขึ้นในวงการสงฆ์ ได้แต่หวังว่า หลานพระอย่าได้เจอเรื่องแบบนี้ ขอให้พบเจอแต่เรื่องดีๆ

อย่างไรก็ตาม ผมคิดในใจว่า เจ้าอาวาสคงพยายามดึงพระใหม่รูปนี้ไว้ ซึ่งผมไม่แปลกใจ เพราะในวงการสงฆ์ขาดคนทำงาน เมื่อรู้ว่าพระใหม่จบการศึกษาปริญญามา อย่างน้อยก็พอจะรู้หนังสืออยู่บ้าง พอจะช่วยกิจการคณะสงฆ์ได้ อย่างไรก็ตาม ผมได้ให้ความเห็นไปว่า อาจจะยังไม่จำเป็นที่เราจะย้ายชื่ออกจากบ้านเพื่อเข้าไปอยู่ที่วัด น่าจะรอให้สอบนักธรรมได้ก่อน หรือว่าชัดเจนแล้วว่าจะได้ไปดูงานที่ประเทศพม่า ซึ่งค่อยย้ายก็ได้ ส่วนการรับผ้ากฐินนั้น พระต้องครองผ้าดังกล่าวตลอดไปอย่าให้ขาดราตรี หมายถึง อย่าให้ออกห่างจากกาย เมื่อจะไปค้างที่ไหนก็ต้องนำไปด้วย ผมไม่ลืมที่จะกำชับว่า อย่าลืมเรียนหนังสือ เมื่อบวชแล้วต้องรู้ให้ได้ว่า ศาสนานี้เขาสอนอะไร และถ้ามีเวลาต้องไปฝึกจิตภาวนาด้วย อย่างน้อยจะรู้อะไรบางอย่างที่งานวิชาการของโลกไม่ได้สอนกันโดยตรงในมหาวิทยาลัย

วันศุกร์นี้ผมจะไป ตจว.ซึ่งก็ต้องไปเยี่ยมหลานพระด้วย เพราะในเมื่อเขาคิดว่าจะอยู่ต่อไปก่อน การอยู่ต่อไปก่อนเราควรเตรียมตัวเรื่องอะไร โดยเฉพาะอย่าเผลอสติ เพราะกรรมดีและไม่ดีที่เราทำลงไปแล้ว เราจะขึ้นไทม์แมชชีนของโดเรมอนหวนกลับมาลบล้าง ทั้งลดและเพิ่มไม่ได้อีก สิ่งนั้นจะตรึงอยู่ในใจตลอดวันตาย ถ้ากรรมดีก็จะปลื้มใจตลอดชีวิต ถ้าไม่ดีก็จะรู้สึกผิดตลอดไป

หมายเลขบันทึก: 595933เขียนเมื่อ 7 ตุลาคม 2015 09:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม 2015 14:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

แนะนำและสอนดีค่ะ ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท