nui
นาง เสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล

​หนังคนจน ๒ เรื่อง : Children of Heaven และ Angela's Ashes คุณค่าที่ต่างกัน


Children of Heaven กับ Angela’s Ashes เป็นหนังที่เล่าเรื่องคนจน ๒ ครอบครัว ระดับรางวัลหลายสถาบันทั้งสองเรื่อง แต่ให้มุมมองต่อชีวิตที่ต่างกัน

Children of Heaven (1997) เป็นหนังอิหร่าน เรื่องของสองพี่น้อง อาลี – ซาร่า กับรองเท้าที่หายไป เปิดเรื่องในชุมชนเล็กๆ แออัดที่ร้านรองเท้า ช่างกำลังซ่อมรองเท้าเก่าสีชมพูคู่น้อยของเด็กหญิง รองเท้าคู่นี้เป็นที่มาของเรื่องราวอันน่าประทับใจ อาลีมารับรองเท้าแล้วทำมันหายไประหว่างแวะซื้อของที่ร้านชำให้แม่ เขาขอร้องไม่ให้น้องบอกพ่อ และสัญญาว่าจะหารองเท้ามาคืน

ครอบครัวยากจนไม่สามารถหารองเท้าไปโรงเรียนให้ลูกมากกว่าหนึ่งคู่ สองพี่น้องแก้ปัญหาง่ายๆ ซื่อๆ ตอนเช้าซาร่าใส่รองเท้าของอาลีไปโรงเรียนและรีบวิ่งกลับมาถอดรองเท้าให้พี่ชายที่ชะแง้คอยอย่างกระวนกระวายใจ แล้วรีบ “วิ่งสุดชีวิต” เพื่อไปให้ทันเข้าเรียน

ซาร่าทำรองเท้าที่หลวมโพรกหล่นไปในคูน้ำระหว่างวิ่งกลับบ้าน เธอนั่งร้องไห้อย่างน่าสงสาร เราคนดูเอาใจช่วยให้เธอคว้ารองเท้าขึ้นจากกระแสน้ำเชี่ยวด้วยใจระทึก จนมีผู้ใหญ่ใจดีมาช่วยหยิบขึ้นมาให้ วันนั้นพี่ชายถูกครูตีเพราะไปสาย

วันหนึ่งซาร่าเห็นเด็กหญิงเพื่อนร่วมโรงเรียนสวมรองเท้าสีชมพูคู่นั้น เธอติดตามเด็กหญิงคนนั้นไปถึงบ้านอย่างกระตือรือร้น และชวนอาลีไปเฝ้าดูหน้าบ้านเด็กหญิงคนนั้นอีกครั้งในตอนเช้า จนเด็กหญิงคนนั้นเดินออกมาจากบ้านพร้อมพ่อ…

เมื่อเห็นภาพนั้น...สองพี่น้องมองหน้ากัน ภาพจับใกล้ไปที่ใบหน้าและแววตาใสซื่ออ่อนโยนยิ่งของเด็กน้อยทั้งสอง ก่อนที่จะชวนกันเดินกลับไป ไม่คิดติดตามทวงคืนรองเท้าอีก

ฉากนี้น่าประทับใจ สื่อถึงจิตใจอันงดงามยิ่งของเด็กน้อย....ฉันไม่เล่า แต่อยากให้หาหนังมาดูเอง

เธอได้ผูกมิตรกับเด็กหญิงคนนั้น

ความยากจน ขาดแคลน มิได้กดดันบีบคั้นให้มนุษย์ทุกคนเป็นคนเห็นแก่ตัว เด็กๆ ทุกครอบครัวถูกหล่อหลอมโดยการเลี้ยงดู และทำตัวอย่างที่ดีให้ดูของพ่อแม่มิสิ่งอื่นอย่างแน่นอน ตัวอย่างฉากหนึ่งของหนังเรื่องนี้....

แม่บอกให้ซาร่ายกชาไปให้พ่อ ขณะที่พ่อกำลังนั่งทุบก้อนน้ำตาลกรวดให้เป็นก้อนเล็กๆ สำหรับเอาไปเลี้ยงแขกที่วัด

พ่อ “ทำไมไม่เอากระปุกน้ำตาลมาด้วย”

ซาร่า “ก็นี่ไงคะน้ำตาล” เธอชี้ไปที่น้ำตาลกรวดตรงหน้าพ่อ

พ่อ “นี่เป็นน้ำตาลของวัด”

น้ำตาลในบ้านไม่มี เพราะไม่มีเงินซื้อแล้ว ฉากนี้เป็นการสอนลูกเรื่องความซื่อสัตย์ และบอกแก่คนดูว่า ความยากจนมิใช่เหตุผลให้คนละทิ้งความดี

มีฉากน่ารัก สดใสของสองพ่อลูก พ่อไม่มีงานทำ แม่ก็ป่วยและมีลูกเล็ก วันหนึ่งพ่อชวนอาลีถีบรถจักรยานเข้าเมือง ไปเคาะประตูบ้านคนมีเงินเพื่อขอทำงานในสนามแลกเงินเล็กน้อยพอยังชีพ ความซื่อใสของอาลีช่วยให้พ่อได้งานทำ

ไคลแมกซ์ของเรื่องอยู่ที่อาลีพยายามทำตามสัญญาว่าจะหารองเท้ามาคืนให้น้อง ด้วยการสมัครไปแข่งวิ่งวิบาก ด้วยรางวัลที่จูงใจยิ่งคือ “รางวัลที่ ๓” เป็นรองเท้า!! นี่คือความหวังอันสดใสของเด็กทั้งสอง

อาลีทำไม่สำเร็จ เขาร้องไห้น้ำตานองหน้าตอนไปรับรางวัลที่ ๑ และเดินกลับบ้านอย่างเศร้าสร้อยไปนั่งเศร้าอยู่หน้าบ้าน ไม่กล้าไปเจอหน้าซาร่า

หนังเดินเรื่องเรียบง่าย เข้มข้น ทว่าอ่อนโยน ไม่ยัดเยียดความดี แต่ให้เราได้สัมผัสเองจากตัวละครที่แม้ยากจนขัดสนยิ่งแต่ไม่ยอมให้ความจนบีบคั้นให้ทำชั่ว

ต่างจากหนังอีกเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้....

………………………

Angela’s Ashes (1999) เป็นหนังฮอลลีวูดสร้างจากหนังสืออัตชีวประวัติของผู้ลี้ภัยชาวไอริชชื่อ Frank McCourt เป็นหนังสือขายดีได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ เล่าเรื่องครอบครัวไอริชที่ยากจนแสนสาหัส พ่อขี้เหล้าตกงาน แม่ที่มีลูกหัวปีท้ายปีต้องไปต่อคิวพรรณนาความยากจนเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐ บางครั้งต้องไปกู้เงินมาซื้ออาหารเพื่อต่อชีวิตไปวันๆ เด็กๆ สกปรกมอมแมม อดมื้อกินมื้อ เติบโตในสภาพแวดล้อมที่แสนโสโครก

แม้อดอยากลำเค็ญแต่สายใยแห่งความรักความผูกพันก็ยังมีอยู่จางๆ ให้เห็น เด็กๆ ดีใจกระโดดโลดเต้นเมื่อพ่อกลับมา และพ่อก็แสดงออกว่ารักลูกรักเมีย

หลายครั้งที่พ่อหายหน้าไปเพื่อทำงาน แล้วกลับมามือเปล่าเพราะเงินไปลงขวดเหล้าจนหมด หนหนึ่งแม่บอกแฟร้งค์ที่เป็นลูกชายคนโตให้ไปหาพ่อที่ร้านเหล้าแล้ว “ตะโกนดังๆ” ตามคำ “ด่า” ของแม่ แฟร้งค์ไปยืนมองพ่อที่กำลังเมาหนักแล้วเดินคอตกกลับบ้าน บอกแม่ว่า “หาพ่อไม่เจอ”

แม่ลูกช่วยกันเก็บเศษถ่านหินที่ร่วงอยู่บนถนนเอามาใช้ ขณะที่พ่อบอกว่าเป็นเรื่อง "น่าอับอาย"

สุดท้ายพ่อหายหน้าไปจากครอบครัว ไม่กลับมาอีกเลย ทิ้งลูกเมียเผชิญชีวิตเพียงลำพัง ความจนนำมาซึ่งความหดหู่สูญสิ้นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ฉากที่บรรดาคนยากจนไปต่อแถวตอบคำถามเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์นั้นชวนหดหู่ยิ่ง เมื่อแองเจล่าตอบคำถามแล้วเจอคำพูดเยาะเย้ย คนจนอื่นๆ ในแถวหัวเราะ...ผู้เป็นแม่นั้นได้สลัดทิ้งความอับอายแบกรับความอัปยศเพื่อให้ลูกได้มีกิน ยอมทอดกายให้ชายอ้วนกักขละโสโครกเพื่อให้ลูกได้มีที่ซุกหัวนอน

ชีวิตลูกเมียของชายขี้เหล้าคงรันทดหดหู่เหมือนกันทั่วโลก

ฉากสุดท้าย แฟร้งค์ที่โตเป็นหนุ่มเข้าไปในบ้านของนายทุนเงินกู้แล้วพบว่าเธอนอนตายอยู่บนเก้าอี้ เขาค้นเงินในห้อง ขโมยมันไปเพื่อซื้อตั๋วเรือเดินทางไปทำงานในอเมริกา

ความจนอันบีบคั้นทำให้เขาสลัดทิ้งความเป็นมนุษย์กลายเป็น “โจร” ปล้นทรัพย์คนตายเพื่อทางรอดของตัวเอง แม้เขาจะหยิบเอาสมุดรายชื่อลูกหนี้ไปขว้างทิ้งลงทะเลเป็นนัยว่าเขาได้ปลดปล่อยลูกหนี้คนจนทั้งหมดจากนายทุนหน้าเลือด แต่ก็มิได้ทำให้เขาดูเป็นคนดีขึ้นมาได้

Frank McCourt ไปอเมริกา ทำงาน สร้างตัว และเขียนหนังสือเรื่องชีวิตตัวเองจนได้รับรางวัล

สำหรับฉัน (คติส่วนตัวล้วนๆ) หนังมิได้ทิ้งข้อคิดใดๆ แก่คนดู นอกจากความหดหู่เกินประมาณ จึงไม่คิดจะดูซ้ำ หรือ หาหนังสือมาอ่าน.

.............................

บทสรุป

หนังทั้งสองเรื่องเป็นหนังระดับรางวัลมากมายหลายสถาบันจึงรับรองความเป็น “หนังดี” ในแง่มุมของงานสร้าง การกำกับ และบทหนัง ทำหน้าที่เล่าเรื่อง (Narrative) การสู้ชีวิตลำเค็ญของคนจนเหมือนกัน แต่คุณค่า (Motivation) ที่หนังมีให้คนดูนั้นต่างกันลิบลับ คนจนที่ถูกบีบคั้นจนกระทั่งยอมทำบางอย่างเพื่อความอยู่รอด กับคนจนที่ยังยืนหยัดในความรับผิดชอบของตนและความดีนั้นคุณค่าย่อมต่างกัน.

………………………………..

อาทิตย์ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๘

ป.ล. แนะนำให้ดูหนังเรื่อง Children of Heaven ค่ะ ดูได้ทั้งครอบครัว เด็กๆ ดูได้ทุกคน ดูได้ทั้งโรงเรียน อาจหาซื้อไม่ง่ายนัก ฉันยินดีอย่างยิ่งที่จะซื้อส่งไปให้ทุกท่านที่สนใจ ขอให้บอกมาทาง Mail นะคะ

หมายเลขบันทึก: 594085เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2015 10:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 สิงหาคม 2015 10:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

ขออนุญาตคุณ Nui นะคะ

ดิฉันกำลังเตรียมตัวจะออกไปทำธุระ ระหว่างนี้มีเวลาสักหน่อยจึงเข้ามาอ่านบทความรอ อ่านมาถึงบทความนี้ยังไม่ทันจบ ต้องลุกไปเปิดคอมพ์ ตั้งโต๊ะเพื่อสะดวกในการพิมพ์อักษรจำนวนมาก ดิฉันทราบว่าไม่มีใครอยากทราบ แต่ดิฉันอยากบอกค่ะ

หนังเรื่องแรก Children of Heaven กับ Angela’s Ashes ดิฉันแค่อ่านเรื่องย่อที่คุณเขียนก็ถึงกับนั่งร้องไห้ เพราะชีวิตของดิฉันในวัยเด็กเหมือนเพลง "ด.ญ.มะปราง" ที่คุ้นเขี่ยหาสิ่งของบางอย่างที่จะนำไปขายแลกเงินมาประทังชีวิต แล้วก็ไปเจอรองเท้าคู่หนึ่ง ชีวิตลำเค็ญในช่วงนี้พ่อ-แม่ไม่ทราบหรอกค่ะ เราจะออกไปคุ้นขยะตอนพ่อแม่ออกไปทำมาหากิน แต่สิ่งที่ดิฉันได้รับคือ 'คำสอนของพ่อ' พ่อดิฉันสอนลูกด้วยการกระทำ ละเอียดอ่อนมาก เหมือนที่พ่อสอนลูกในหนังเลยค่ะ

หนังเรื่อง Angela’s Ashes (1999) ดูหยาบไปนิด แต่มีคนเช่นนี้ในชีวิตจริง ดิฉันเคยต่อแถวเพื่อไปเล่าถึงความทุกข์ยากของครอบครัวเพื่อแลกกับทุนการศึกษามาแล้ว แต่ดิฉันไม่ได้รับทุนหรอกค่ะ ผู้ที่รับทุนเป็นเพื่อนคนที่เรารู้จักกันดี และรู้ว่าเธอโกหกแต่งเรื่อง ที่เจ็บปวดกว่านั้น ในวันที่ซ้อมรับทุนเธอไม่ไปซ้อม อาจารย์เรียกดิฉันออกไปซ้อมรับแทน ดิฉันกลับมาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับจากสังคม

ดิฉันไมได้เล่าเรื่องอดีตให้สงสารหรือเห็นใจ แต่อยากบอกคุณ Nui ว่า หาหนังมาดูเสียนะคะ ดูเพื่อเรียนรู้ผู้คนรอบข้างซึ่งมีที่มาแตกต่างกัน จะได้ไม่คาดหวังให้ทุกคนพูดจานุ่มนวล มีกิริยามารยาทแบบผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วเหมือนสังคมที่ดิฉันพลัดหลงเข้ามา .. คาดหวังว่าทุกคนจะเป็นคนดีของสังคมดีกว่านะคะ ดิฉันจะได้มีโอกาสกับเขาบ้าง

ขอบคุณผู้เขียน คุณ Nui และขอบคุณท่านอาจารย์ดารนี ที่กรุณาแลกเปลี่ยนเรียนรู้

อยากดูหนัง Children of Heaven ค่ะ จะลองหาดูเองก่อนนะคะ ถ้าหาไม่ได้ คงจะขอความกรุณาจากคุณ Nui อีกครั้งนะคะ

ด้วยความขอบคุณและเคารพค่ะคุณ ดารนี ชัยอิทธิพร ที่ได้เล่าเรื่องราวเพื่อแลกเปลี่ยน

ดิฉันประทับใจมากนะคะ และเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะดิฉันเองก็มีวัยเด็กที่ลำเค็ญเช่นกัน

ดิฉันดูหนังทั้งสองเรื่องในวันเดียวกัน จึงอดเปรียบเทียบกันไม่ได้ สำหรับ Angela's Ashes นั้นเป็นหนังที่ดูแล้วหดหู่เกินประมาณในความแร้นแค้นของตัวละคร ชีวิตจริงคนเรามีเช่นนั้นจริง แต่ที่น่าเศร้ากว่า คือ พ่อขี้เหล้าที่ "ซ้ำเติมครอบครัว" ค่ะ ขณะที่พ่อในครอบครัวของอาลีกับซาร่าในเรื่อง Children of Heaven นั้น "ทำงานหนัก รับผิดชอบ และปกป้องครอบครัว" ค่ะ

พ่อแบบนี้ก็มีจริงเช่นกันค่ะ เด็กๆ ทุกคนในโลกใบนี้ย่อมอยากมีพ่อแบบอาลีกับซาร่านะคะ

ในฉากที่อาลีแข่งวิ่ง หนังตัดไปที่พ่อปั่นจักรยานกลับบ้าน ท้ายรถมีรองเท้าเด็ก ๒ คู่โผล่มาให้เราเห็น

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ขอบคุณค่ะอาจารย์ จิตศิริน

อย่าได้เกรงใจ ดิฉันเข้ากรุงเทพทุกวันเสาร์เพื่อหาซื้อหนังค่ะ

บอกมาได้เลยนะคะ

ทำไม 2 เรื่องจึงแตกต่างเป็นอย่างยิ่งครับ รึคนเราถูกผูกติดโดยวัฒนธรรมและสังคมเสมอ?

ยังไม่เคยดูเลยครับ น่าสนใจทั้ง 2 เรื่องเลยพี่หนุ่ย

Children of Heaven (1997) เป็นหนังอิหร่าน.....น้อยนัก ที่จะมีภาพยนตร์จากประเทศนี้ แต่เมื่อปรากฎกลับแง่มุมงดงามเสมอ ๆ ที่สะท้อนสังคมและวัฒนธรรมบริบทได้ลึกซึ้ง และกวาดรางวัลไปมากมาย...ความยากจนไม่เป็นอุปสรรคในการทำความดี และมอบความรักให้แก่กัน และคนทั้งโลก...ถ้าได้ดูคงต้อง....555 ครับ.....

ส่วน Angela’s Ashes (1999) กับชีวิตของ Frank McCourt ดูหดหู่ และรันทดนะครับ น่าทึ่งกับการเขียนเรื่องราวที่ไม่น่าพิสมัยของตนเอง แต่ชื่นชมในควากล้าหาญของเขาในการเขียน (จนได้รางวัล) เป็นการเขียนเรื่องเล่าเพื่อการเยียวยาตนเอง (และผู้อื่นด้วยนะครับ) ขอบคุณบันทึกที่ดีมาก ๆ ของพี่หนุ่ยครับ

ปล.

งานเหล้าเข้าพรรษา

แต่

อย่างงดเล่าเข้าพรรษานะครับ

ขอบคุณอาจารย์ อาจารย์ต้น

ดิฉันตั้งข้อสังเกตทำนองนี้เช่นกันค่ะ สังคมตะวันตกเน้นความสำเร็จของบุคคลระดับปัจเจกมากจนเมินเฉยกับความผูกพันกับบุคคลรอบตัว (จากประสบการณ์ดูหนังนะคะ)

ขอบคุณค่ะน้อง ทิมดาบ ที่มาช่วยเติมเต็ม

สำหรับ Children of Heaven เป็นหนังในดวงใจตลอดกาลสำหรับพี่ไปแล้ว อย่าได้เกรงใจถ้าต้องการแผ่นและหาไม่ได้แถวบ้าน บอกพี่มานะคะ พี่ซื้อไม่ยาก

พี่ชอบคำ "เรื่องเล่าเพื่อเยียวยาตัวเอง" สำหรับเรื่อง Angela's Ashes มากนะคะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนดูหนัง พี่ไม่เคยมองมุมนี้เลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ หลายๆ คั้งเราก็ทำเช่นนั้นกันนะคะ

ขอบคุณที่ช่วยเปิดวิสัยทัศน์พี่

ป.ล. ลืมขอบคุณมุกนี้ค่ะน้อง ทิมดาบ

พี่จะไม่ "งดเล่า เข้าพรรษา" นะคะ ขอสัญญา 555...

น่าดูทั้งสองเรื่องเลยครับ

แต่ชอบเรื่องแรก

ต้องไปหามาดูแล้ว

ขอบคุณมากๆครับพี่นุ้ย

น่าดูมากๆเลยค่ะ

อ่านไปแล้วอมยิ้มไป ต้องไปหาดูแล้วล่ะคะ

เคยได้ดูและประทับใจมากครับกับเรื่อง Children of Heaven

ขอบคุณครับ อ,nui ที่แชร์เรื่องดีๆแก่กันเสมอ

ขอบคุณค่ะ อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง

พี่สนับสนุนให้ดูนะคะ หาไม่ได้บอกพี่นะ

ขอบคุณค่ะคุณ for far

หาหนังไม่ได้บอกนะคะ อย่าเกรงใจ

ด้วยความยินดีค่ะ อ.โรจน์ rojfitness

ดีใจนะคะเวลาได้รู้ว่ามีคนชอบดูหนังใน G2K

...เศร้าจังนะคะ...และแปลกใจที่คนจนทำไมต้องสกปรกด้วย...สมัยเป็นเด็กวัยรุ่นได้รู้จักเพื่อนที่จนมากๆ...แม่พับถุงกระดาษขาย พ่อเป็นกรรมกร มีพี่น้องผู้หญิงสามคนเป็นสาวแล้วไม่ได้เรียนหนังสือรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า...แต่เพื่อนคนนี้และคนในครอบครัว เนื้อตัว สะอาดสะอ้าน เสื้อผ้าขาดก็มีรอยเย็บเรียบร้อย บ้านก็สะอาดเรียบร้อย ...บ้านเขากินข้าวด้วยจานสังกะสี...ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆในบ้าน...ความที่อยากให้เขาได้เรียนหนังสือได้แนะนำให้เขาไปติดต่อเรียนที่สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย...ดีใจมากที่เห็นเขาแต่งชุดนักเรียนของสมาคม..ทุกวันนี้ยังคิดถึงเขาอยู่เสมอ...

:) :) มายิ้มหวานเฉยๆพี่นุ้ย 555 // คงไม่กล้าดู กลัวน้ำตาท่วม อิอิ

ให้พี่มาสรุปก็เห็นภาพ....

ขอบคุณค่ะอาจารย์ Pojana Yeamnaiyana Ed.D.

เรื่องเพื่อนของอาจารย์น่าประทับใจมากนะคะ น่ายินดีที่อาจารย์ได้มีส่วนช่วยให้เพื่อนได้เรียน

นั่นสิคะ ทำไมคนจนต้องดูสกปรก มอมแมมด้วย??

ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ วิชญธรรม

แค่มาอ่านแล้วแจกยิ้มหวานพี่ก็ขอบคุณแล้ว 5555..

เดี๋ยวดูหนังแล้วจะเอามาเล่าอีก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท