บทความวิชาการ...คาสิโน..คลื่นกระทบฝั่ง ดร.ธีรกานต์ โพธิ์แก้ว


บทความวิชาการ...คาสิโน......การพนันกับสังคมไทย

โดยดร.ธีรกานต์ โพธิ์แก้ว

เขียนเมื่อ ปี 2551

ปรับปรุง และบันทึกเมื่อ 29 สิงหาคม 2558

เมื่อข่าวเด่นประเด็นร้อนนี้ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง“คาสิโนกับสังคมไทย” คลื่นกระทบฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่า....ประเด็นร้อนแรงเรื่อง“คาสิโน” ได้บังเกิดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคม 2551 เมื่อนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวชได้ออกมาผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติโดยต้องการให้ประเทศไทยเปิด “บ่อนคาสิโน”อย่างถูกกฎหมาย 5 แห่งทั่วประเทศ ตามหัวเมืองใหญ่ๆ ประเด็นนั้นได้นำมาซึ่งความขัดแย้งอย่างรุนแรงทางความคิดของคนในสังคมที่แบ่งแยกเป็น “เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย”

ฝ่ายที่เห็นด้วยมีมุมมองที่ว่าการเปิดบ่อนคาสิโนเป็นเรื่องธรรมดาที่ประเทศอื่นๆ ก็ทำกัน โดยเฉพาะรายได้จากคาสิโนนั้นมีจำนวนมหาศาล ซึ่งจะสามารถนำมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในช่วงวิกฤติได้และจะส่งผลให้ประเทศเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ และประเทศจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักพนันชาว

ต่างประเทศ ที่จะเข้ามาเที่ยวในลักษณะ “เที่ยวไปเล่นไป” นอกจากนี้ยังมองว่าคาสิโนไม่กระทบต่อศีลธรรมเพราะมีระบบการควบคุมที่เคร่งครัดเพราะคาสิโนที่จัดตั้งจะเป็นเขตควบคุมพิเศษ ผู้ที่เข้าไปเล่นได้ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติ สำหรับคนไทยที่ต้องการเข้าไปเล่นจะมีระเบียบกำหนดพิเศษต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด

ฝ่ายไม่เห็นด้วยมองว่าการเปิดบ่อนคาสิโนจะทำให้คนไทยติดการพนันมากขึ้น จะเกิดปัญหาร้ายแรงต่อสังคม เพราะการพนันนั้นถือเป็น อบายมุขที่ขัดต่อหลักพระพุทธศาสนาที่คนส่วนใหญ่ของประเทศนับถือ

อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องการพนันนั้นต้องยอมรับว่าอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานจากบันทึกและการศึกษาค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้อง สรุป ได้ดังนี้

Casino หมายถึง การพนัน

ความหมายของการพนัน

รุ่งโรจน์รื่นเริงวงศ์ (2519 : 76)กล่าวว่าการพนัน หมายถึงสัญญาที่ก่อให้เกิดการได้เสียเงิน หรือทรัพย์สินโดยคู่สัญญาถือเอาผลแห่งเหตุการณ์ในอนาคตอันไม่แน่นอน ซึ่งคู่สัญญาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเครื่องชี้ขาด

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน( 2525 : 565) การพนันหมายถึง การเล่นเอาเงินหรือสิ่งอื่นด้วยการเสี่ยงโชคหรือฝีมือ

สุรเชษฐ์ผ่องธัญญา และคณะ(2546 : 2-3)การพนัน หมายความว่าพฤติกรรมที่เกี่ยวกับการได้หรือเสียโดยมีการวางเดิมพันด้วยเงินหรือของมีค่าการพนันจะกระทำต่อสิ่งที่มีผลไม่แน่นอนบางอย่างอาจจะอาศัยทักษะความสามารถในการเล่นเช่น เล่นไพ่ แข่งม้าและบางอย่างจะอาศัยโชค เช่นการพนันอิเล็กทรอนิค ล็อตเตอรี่หวย หวยหุ้นหวยออนไลน์เป็นต้น

ธีรกานต์โพธิ์แก้ว (2551)การพนันหมายถึง พฤติกรรมที่นำมาซึ่งการได้หรือเสีย ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินมีค่า โดยถือเอาผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันไม่แน่นอนเป็นที่ตั้งผ่านกิจกรรมการเล่นที่มีทักษะ หรือไม่มีทักษะก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบ และความชำนาญในการเล่น

การพนันนั้นอยู่คู่กับสังคมไทยมาเป็นเวลานานแล้ว ในอดีตคนไทยนิยมเล่นการพนันโดยเอาสัตว์เป็นเครื่องมือตั้งแต่ไก่ชนพระลออีกทั้งการกัดจิ้งหรีดปลากัด การชนวัวชนควาย การแข่งม้าและยังมีนิยมมาจนถึงปัจจุบันความนิยมในการเล่นจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ สำหรับวิธีการเล่นพนันของคนไทยนั้นได้รับอิทธิพลมาจากการเล่นพนันจากสังคมจีนและอินเดียเช่น การเล่นสกาถั่ว โปไพ่และหวย

ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพที่ได้กล่าวถึงการเล่นพนันของคนไทยว่า การพนันของคนไทยได้เริ่มมีการเล่นเกิดขึ้นตั้งแต่ราว 1450 หรือก่อนพระราชวงศ์พระร่วงได้ครองกรุงสุโขทัยลมีการเล่นโปราว พ.ศ. 2100 ล้วนแล้วแต่เป็นการเล่นพนันของคนจีนที่เข้ามาค้าขายกับคนไทยในสมัยสุโขทัยตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เรื่อยมาจนถึงสมัยอยุธยา จนได้มีการเรียกเก็บภาษี ตั้งเป็นค่า“บ่อนเบี้ย หรืออากรบ่อนเบี้ย” ขึ้น ในปี พ.ศ. 2231-2235 และได้ยกเลิก“บ่อนเบี้ย” ในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อปี 2460

ต่อมาในปีพ.ศ. 2478 ได้แบ่งการพนันออกเป็น 2 ประเภท

ประเภที่ 1 ประเภทห้ามเล่นเด็ดขาดเว้นแต่จะเล่นในสถานที่รัฐบาลอนุญาตมีการกำหนดออกเป็นพระราชกฤษฎีกาได้แก่ คาสิโน ถั่วโปบาคาร่า ไฮโลสล็อตแมชชีนจับยี่กี่ แปดเก้าไพ่สามใบเป็นต้น

กรณีศึกษาในสมัยนายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้เคยออกพระราชกฤษฎีกา พ.ศ. 2482 จัดให้มีสถานเล่นการพนันหรือคาสิโนขึ้นที่อำเภอปราณบุรีจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพื่ออนุญาตให้เล่นการพนันได้โดยมีจุดมุ่งหมายให้คนที่มีฐานะร่ำรวยเข้าไปเล่นมุ่งหวังที่จะเอาเงินหมุนเวียนมาพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ผลที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติประชาชนทั่วไปก็ได้เข้าไปเล่นทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อมาจึงได้ประกาศปิดคาสิโนของรัฐในเวลาต่อมา

การพนันประเภทที่ 2คือ อนุญาตให้เล่นได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 17 พ.ศ. 2503 แต่ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าพนักงานของรัฐก่อนได้แก่ ไพ่โป๊กเกอร์ไพ่นกกระจอกไพ่ผ่องจีน ไก่ชนการชนโค เป็นต้น

ในสังคมไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน การพนันแม้นจะเป็นที่รู้กันว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายที่นำไปสู่หนทางเสื่อมแต่ในประเทศไทยมีคนนิยมเล่นการพนันถึง 8 ล้านคนและมีเงินทุนหมุนเวียนมากกว่า 500,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามการพนันนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมในทางพระพุทธศาสนา เพราะคำสอนของศาสนาพุทธไม่สนับสนุนให้ศาสนิกชนเล่นการพนัน เนื่องจากการพนันถือเป็นอบายที่นำไปสู่ทางเสื่อมและจัดว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายในชีวิต ซึ่งการพนันนั้นจัดอยู่ในอบายมุขทั้ง 2 หมวดคือ

อบายมุข 4 คือ เป็นนักเลงพนันเป็นนักเลงผู้หญิงเป็นนักเลงสุราและการคบมิตรชั่วและอบายมุข 6สำหรับสิ่งชั่วร้ายต้องห้าม 6 อย่างทางพระพุทธศาสนา คือ การงดดื่มน้ำเมาการงดเที่ยวกลางคืนการงดเที่ยวดูการละเล่นการไม่เป็นนักเลงพนันและการไม่คบมิตรชั่วนอกจากนี้การพนันยังถือว่าเป็นหนทางแห่งความพินาศย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ครอบครัว และสังคม เพราะการพนันมีโทษอย่างร้ายแรงต่อชีวิตขของผู้เล่น6 อย่างดังต่อไปนี้

1. เมื่อเล่นการพนันชนะย่อมก่อเวร

2. เมื่อเล่นการพนันแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่สูญเสียไป

3. หากไม่รู้จักหยุดทรัพย์จะค่อยๆ หมดไป

4. คนในสังคมจะไม่เชื่อถือถ้อยคำของผู้เล่นการพนัน

5. เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อนและผู้ร่วมงาน

6. ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของคู่รอง

กิติกรมีทรัพย์ ได้กล่าวถึงอุทาหรณ์สอนใจที่อยู่คู่กับคนไทยในเรื่องการพนันว่า

“ไฟไหม้สิบครั้ง ไม่เท่ากับการสูญเสียทรัพย์ด้วยการเล่นการพนันเพียงครั้งเดียว”

แม้ว่าการพนันจะนำมาซึ่งความเสื่อม แต่จากอดีตจนถึงปัจจุบัน คนไทยก็ยังนิยมเล่นการ

พนันอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะการพนันที่เข้าประเภทต้องห้ามเล่น และผิดกฎหมาย

สังศิตพิริยะรังสรรค์ และคณะ (2544)มองเห็นปัญหาการพนันในสังคมไทยจึงได้ทำการวิจัยเรื่องเศรษฐกิจนอกระบบทางเลือกในเชิงนโยบาย ซึ่งได้แบ่งเศรษฐกิจนอกระบบออกเป็นหลายประเภท แต่ผู้เขียนขอนำเสนอเพียงตัวอย่างของเรื่องการพนันซึ่งการวิจัยสอดคล้องกับเรื่องการเปิดคาสิโน จากผลการวิจัยพบว่า

คนไทยเล่นการพนัน7.15ล้านคน

คิดเป็นร้อยละ 15.7 ของประชาชนที่มีอายุมากกว่า 15 ปี

มีการเล่นการพนันในประเทศประมาณ4.10 ล้านคน (ไม่รวมที่เล่นในงานศพ)

มีการเล่นพนันตามชายแดนซึ่งมี 32 บ่อน2.96ล้านคน

มีเงินหมุนเวียนจากการเล่นพนัน 500,000-800,000 ล้านบาท

เจ้าของบ่อนได้รับกำไร100,000-165,000 ล้านบาท

ภายในประเทศข้าวของบ่อนมีกำไรประมาณ 20 % แต่ถ้าต่างประเทศเจ้าของบ่อนจะได้กำไร 10% และเพราะต้องเสียค่าโสหุ้ยอื่นๆ 10%

ทางด้านการปราบปรามจับกุมการลักลอบเล่นการพนันผิดกฎหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถจับกุมผู้เล่นในปี 2540-2545 ได้เฉลี่ย ปีละ 24,000 ราย คิดเป็นร้อยละ 5.9 ของผู้เล่นตามบ่อนการพนันภายในประเทศ

นวลน้อยตรีรัตน์ ได้สำรวจพฤติกรรมของผู้เล่นสำหรับการเล่นพนันสำหรับบ่อนพนันภายในประเทศจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปจำนวน 5,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่า

กลุ่มคนที่นิยมเล่นการพนันส่วนใหญ่ เป็นเกษตรกรร้อยละ 22.7 เป็น เกษตรกรที่เหลือจะเป็นประกอบอาชีพส่วนตัว รับจ้างทั่วไปลูกจ้างเอกชน และนักเรียนนักศึกษาตามลำดับ สำหรับกลุ่มผู้เล่นการพนันจะพบว่าเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงส่วนใหญ่การศึกษาอยู่ในระดับมัธยมลงมา

สรุปบ่อนการพนันมีผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างไร จากนโยบายการควบคุมบ่อนการพนันในอดีตที่ผ่านมาส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมไทย 8 ประการ คือ

1. ทำให้เกิดอิทธิพลในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ

2. ทำให้เกิดแหล่งผลประโยชน์มิชอบของตำรวจ “ส่วย”

3. ทำให้ตำรวจละเลยการปฏิบัติภารกิจในการคุ้มครองดูแลประชาชน

4. ทำให้เกิดการรั่วไหลของเงินไปยังบ่อนต่างประเทศมากขึ้น

5. ทำให้เกิดการฟอกเงินของนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่คิดหาช่องทางทุจริต

6. ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นขาดรายได้จากการจัดเก็บภาษีนอกระบบ

7. นโยบายการบังคับใช้กฎหมายต่อบ่อนการพนันไม่มีประสิทธิภาพ

8. ทำให้เกิดผลกระทบทางสังคมในเรื่อง “ปัญหาครอบครัวและอาชญากรรม”

รวมถึง การเป็นบุคคลล้มละลาย การฆ่าตัวตาย และความเจ็บป่วยทางจิต ตามมา

อรุณ เชาวนาศัย ได้ศึกษาการเจ็บป่วยทางจิตของนักพนันโดยมองว่า “การพนันเป็นสิ่งเสพย์ติดโดยกลุ่มนักพนันจะมีพัฒนาการการเล่น

1. เล่นเพื่อสังคม เป็นครั้งคราว

2. เล่นเป็นประจำกับเพื่อนฝูง

3. ติดการพนัน

สาเหตุเบื้องต้นของการติดการพนัน

1. เคยใช้สารเสพย์ติด

2. เรียนรู้การเล่นพนันตั้งแต่อายุยังน้อย

3. เติบโตมาในครอบครัวที่มีการเล่นการพนันหรือมีแม่เล่นเป็นแบบอย่าง

จากการศึกษาข้อมูลตั้งแต่ประวัติศาสตร์ทำให้ทราบว่าการพนันเป็นปัญหาทางสังคม จักวรรดิโรมัน ได้บังคับให้คนที่เสียการพนันต้องเป็นทาสของผู้ที่เล่นได้ และประณามว่า

การพนันเป็น “สิ่งชั่วร้าย”

นอกจากนี้ นายแพทย์ J.T Taylor ค.ศ. 1838 ได้บรรยายถึงสภาพ การติดพนันว่าเป็นเช่นเดียวกับการติดยาเสพย์ติดเพราะการติดพนันจะนำมาซึ่ง ความอับอายรู้สึกผิด ผู้เล่นจะเฝ้าวนเวียนอยู่ในวงพนัน ไม่สนใจภรรยาและครอบครัวรวมถึงบุตร มีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยเมื่อเล่นได้จะใจใหญ่ใช้เงินไม่คิด แต่เมื่อเล่นเสีย จะมักกระทำความผิด คิดคดโกง ขโมยเพื่อให้ได้เงินมาเล่นต่อจนสุดท้ายหากหาเงินมาเล่นพนันไม่ได้ ก็จะ “ฆ่าตัวตาย” ในที่สุด

จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องนำมาสู่การวิเคราะห์ในเชิงทฤษฎีทางสังคมได้ดังนี้

ประวัติศาสตร์การเล่นพนันของคนไทยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยได้ผ่านพ่อค้าชาวจีนมากระทั่งถึงปัจจุบันคนไทยก็ยังนิยมเล่นพนันอยู่ ถึงแม้ว่าการเล่นพนันจะถือว่าผิดกฎหมายและเป็นอบายมุขก็ตาม ปัจจุบันรูปแบบการพนันได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตามยุคสมัย

ในสมัยในอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์การพนันก็จะมีการพัฒนารูปแบบมาเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามสื่อต่างๆ ที่เล่นง่ายสร้างความสนุก ทำให้เสียง่าย มีความรวดเร็วในการเล่น และสะดวกขึ้น แนวคิดนี้สอดคล้องกับแนวคิดวิวัฒนาการแบบสากลของเลสลี่ ไวน์ที่ชี้ให้เห็นว่าอิทธิพลของเทคโนโลยีเศรษฐกิจ และกระบวนการผลิตที่ทันสมัยเป็นพื้นฐานในการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและความคิดของมนุษย์ เพราะ เลสลี่ ไวน์กล่าวว่า อิทธิพลทางวัตถุมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโดยตรง ดังแผนภาพต่อไปนี้

สี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน: เทคโนโลยี เศรษฐกิจ การผลิต

</span>


วิวัฒนาการสากลทางวัฒนธรรมมี 3 องค์ประกอบคือ

1. ระบบเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และกระบวนการผลิตที่ทันสมัย

2. ระบบสังคม โดยโครงสร้างทางสังคม การรวมตัวทางสังคม และพฤติกรรมของมนุษย์

3. ระบบความคิด และอุดมการณ์ของมนุษย์ในสังคม

เลสลี่ ไวน์มองว่าส่วนนี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมสากล ซึ่งทฤษฎีนี้

สอดคล้องกับกลุ่มที่เห็นด้วยในนโยบายการจัดตั้งคาสิโนแบบถูกกฎหมายซึ่งผ่านการพิจารณาจากระบบการคิดอุดมการณ์ของนักการเมือง และนักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่มที่มองว่า “คาสิโน” จะเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ เพื่อที่รัฐบาลจะได้นำเงินรายได้จากการบริหารจัดการคาสิโนที่ทันสมัยมาพัฒนาประเทศโดยใช้ความสะดวกรวดเร็วในการก่อตั้งภายใต้กระบวนการผลิตที่เป็นสากล ซึ่งทั้งสามส่วนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลต้องการนำพาประเทศเข้าสู่ความเป็นสากลในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งถือเป็นวิวัฒนาการทางวัตถุนิยมอย่างแท้จริง

แนวทางการบริโภควัตถุนิยมนี้ได้เริ่มแพร่กระจายเข้ามาสู่สังคมไทยตั้งแต่สมัยหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ในช่วงหลังสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ในยุคการล่าอาณานิคมของชาวตะวันตก การบริโภคนิยมได้แพร่หลายในสังคมไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากประเทศไทยได้รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาอย่างมาก จนเกิดปัญหาจากการหลงลืมวัฒนธรรมเกิดการเลียนแบบต่างชาติแม้จะมีการแก้ไขด้วยวิธีการต่างๆมีการร่างกฎหมายวัฒนธรรมเพื่อบังคับห้ามปราม การลอกเลียนแบบมีการจัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อให้เข้ามาควบคุม ป้องปรามแต่ก็ไม่สามารถยับยั้งวัฒนธรรมสากลได้มาจนถึงยุคปัจจุบัน

ดังเช่นเรื่อง“คาสิโน” แม้นว่าปัจจุบันจะยังไม่มีการก่อตั้งอย่างเป็นรูปธรรม แต่ก็มีการผลักดันให้เปิดคาสิโนภายในประเทศเป็นระลอกในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำหาทางออกไม่ได้ เนื่องจากไม่ประเทศไทยไม่สามารถต้านทานการกระจายของนักพนันที่มีอยู่โดยรอบถึง 32 แห่งในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงซึ่ง

จากข้อมูลพบว่ามีผู้เล่นคนไทยนิยมไปเล่นเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คาสิโนกำลังจะแพร่กระจายเข้ามาสู่ประเทศไทยในไม่ช้า

รูปแบบการแพร่กระจายเรื่องคาสิโน ในสังคมไทย สอดคล้องกับแนวคิดของฟรัน โบแอส ที่กล่าวว่าการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม จะมีการแพร่กระจายไปทุกทิศทุกทางจากจุดศูนย์กลาง หรือจุดกำเนิดเป็นสำคัญ การแพร่กระจายจะมีองค์ประกอบที่ซับซ้อนจากสังคมหนึ่งเชื่อมโยงไปสู่สังคมหนึ่งและศูนย์กลางในการแพร่กระจายจะมีอายุเก่าแก่มีการสะสมพลัง ประสบการณ์แนวคิดและขอบเขตที่ชัดเจนเช่น รูปแบบที่ผู้เขียน ได้ออกแบบไว้ ดังนี้


ธีรกานต์โพธิ์แก้วออกแบบ 29 ส.ค. 2558

รูปแบบการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมจะมีลักษณะเป็นชั้นเหมือนกับวงรัศมีโดยเปล่งแสงออกจากศูนย์กลางหรือจุดกำเนิด หรือลักษณะเป็นวงเหมือนการกระเพื่อมของน้ำที่มีวัตถุตกกระทบลงบนพื้นผิว

สำหรับประเทศไทยในปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะรอยต่อตะเข็บชายแดนที่เป็นกรณีศึกษาไปมาสะดวก บางที่มีคนไทยเป็นหุ้นส่วนใหญ่ จึงทำให้มีผลกระทบกับคนไ ทยโดยตรง จนทำให้รัฐบาลมองว่า คาสิโนนั้นมีอิทธิพลต่อคนไทยจำนวนหนึ่ง ซึ่งอิทธิพลนั้นมีผลกระทบต่อสภาวะทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศการแพร่กระจายของคาสิโนนั้นไม่ได้พึ่งแพร่กระจายเข้ามา แต่การแพร่กระจายได้เคยเกิดการแพร่มาตั้งแต่ครั้งอดีตดังที่กล่าวมาในกรณีศึกษา “ปราณบุรี”

ในสมัยท่านนายกฯ สมัคร รัฐบาลยังคงพยายามผลักดันให้มีการเปิดคาสิโนขึ้นอีกถึง 5 แห่งแสดงว่าอิทธิพลการแพร่กระจายของคาสิโนนี้มีพลังอำนาจต่อสังคมไทยมากขึ้นกว่าครั้งอดีตเสียอีก

แน่นอนหากประเทศไทยยอมรับการแพร่กระจายในเรื่องนี้มุมมองของผู้บริหารประเทศมองว่าคาสิโนจะมีผลได้มากกว่าผลเสียสามารถนำเงินภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคาสิโนไปบริหารจัดการสร้างสังคมไทยให้มั่นคงและมีเสถียรภาพมากขึ้นซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ แรดคลิฟฟ์-บราว์ ที่มอง

ว่า สังคมเปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิต เพราะระบบสังคมมนุษย์ไม่แตกต่างอะไรกับอวัยวะต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ที่จะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งมิได้หากมีระบบใดหยุดนิ่งย่อมมีผลต่อระบบโดยรวมนั่นคือหากมีสิ่งใดผิดปกติก็จะส่งผลทำให้สิ่งต่างๆ ผิดปกติไปด้วย เพราะฉะนั้นหากจะสร้างความเป็นปึกแผ่น และการรักษาสมดุลทางสังคม รัฐบาลจะต้องพยายามสร้างให้คนในชุมชนมีมุมมองไปในทิศทางเดียวกันพยายามรักษาเสถียรภาพทางสังคมเช่นเดียวกับที่รัฐบาลที่จะจัดการเศรษฐกิจนอกระบบให้มีความโปร่งใสและนำเงินรายได้มาพัฒนาประเทศในทุกภาคส่วนและเพื่อดำเนินการให้ราบรื่นแต่สิ่งที่ต้องคำนึงคือ สิ่งนั้น ประชาชนในชาติมองว่าเป็นสิ่งปกติ หรือสิ่งผิดปกติกันแน่

เมื่อคนส่วนใหญ่มองว่าผิดปกติดย่อมเกิดผลกระทบในเชิงลบเพราะผู้ที่ไม่เห็นด้วยมีความเห็นว่าผู้บริหารไม่ควรมองในเชิงโครงสร้างและวัตถุนิยมเพียงอย่างเดียวแต่ควรจะมองในเรื่องของ “ศีลธรรม”และด้านจิตใจของประชาชนเป็นหลัก เพราะประชาชน 96.4 % ของประเทศ นั้นนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งนโยบายนี้ขัดต่อหลักศีลธรรมอย่างชัดเจนซึ่งหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน ก็คือปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระบาทสมเด็จองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่สอนว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วละเว้นอบายและสิ่งชั่วร้าย ที่จะสร้างความฉิบหาย ต่อชีวิตและทรัพย์สิน เพราะอบายมุขนั้นนำมาซึ่งความเสื่อมแนวคิดนี้สอดคล้องกับแนวความคิดของหน้าที่นิยมมาลินอสกี้มองว่า การขับเคลื่อนสังคมจะต้องมองถึงความต้องการของมนุษย์ 3 อย่างคือ

</span>


สำหรับการเปิดคาสิโนในเชิงนโยบายมองว่าอาจจะทำให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยมี

การวางแผนการทำงานในเชิงบูรณาการทางด้านสังคมในทุกภาคส่วน เพื่อต้องการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสังคมเฉพาะหน้าในปัจจุบันโดยมีมุมมองว่าจะสามารถควบคุมได้และมีการพัฒนารูปแบบให้เหมาะสมกับสังคมไทย แต่เมื่อมองถึงความมั่นคงทางจิตใจนั้นค่อนข้างสวนทางกันและเป็นไปได้ยาก เพราะรัฐบาลไม่สามารถบอกได้ว่า คาสิโนจะนำมาซึ่งความสุขทางใจของคนไทยอย่างแท้จริง แล้วคาสิโนจะสามารถผสมกลมกลืนความคิดไปสู่ความสุขทางใจได้หรือไม่ผลที่ได้รับจะนำไปสู่เป้าหมายให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้นจริงหรือ?

แนวคิดนี้เริ่มทำให้มองเห็นภาพความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกลุ่มที่มองในแง่บวกและกลุ่มคนที่มองในแง่ลบในเชิงนโยบาย โดยมีเรื่องจิตใจเป็นปัญหาหลัก ความขัดแย้งจึงไปสอดคล้องกับทฤษฎีในเชิงโครงสร้างหน้าที่ของ ลิวอิสเอ.โคเซอร์ ที่มองว่าความขัดแย้งจะก่อให้เกิดทั้งผลบวก และผลลบความขัดแย้งมักจะนำมาซึ่งการขัดเกลาทางสังคม ไม่มีกลุ่มสังคมใดที่มีความสามัคคีโดยสมบูรณ์กลุ่มที่ขัดแย้งจะมีทั้งความเป็นมิตร และศัตรูอยู่ด้วยกันสุดท้ายโคเซอร์จึงมองว่าความขัดแย้งนำมาซึ่งเหตุแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม สามารถทำให้สังคมเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่จากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่งได้ เพราะหากสมาชิกภายในสังคมเกิดความไม่พึงพอใจในสังคมที่เขาเป็นอยู่เขาจะพยายามทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สถานการณ์นั้นๆเป็นไปตามที่เขาต้องการ จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ฉะนั้นเมื่อเกิดความขัดแข้งคนในสังคมจึงต้องหาทางออกร่วมกันเพื่อลด หรือยุติความขัดแย้งนั้น“ยุติจุดต่าง สร้างจุดร่วม” โดยใช้กรณีศึกษานี้สอดคล้องกับแนวคิดการบริหารของ โดนัลแคมเบลล์ คือ สังคมจะต้องมีการเรียนรู้และรับทราบปัญหาร่วมกันทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายปฏิบัติการโดยผ่านกระบวนการ 6 อย่างต่อไปนี้

1. มีการลองผิดลองถูก

2. มีการคิดที่จะทำ

3. มีการสังเกต

4. มีการออกแบบ

5. มีการฝึกออกคำสั่ง

6. มีการเชื้อเชิญ และโน้มน้าวใจ

สำหรับประเทศไทย การเรียนรู้เรื่อง “คาสิโน” น่าจะผ่านมาครบทุกขั้นตอนแล้วก็ว่าได้ แต่สุดท้ายแล้วแคมเบลล์ให้ชี้ประเด็นสำคัญไปที่การลองผิดลองถูก เพื่อให้ผลการเรียนรู้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนเพราะการที่คนเราจะตัดสินใจทำอะไรต้องทำให้เขาได้เรียนรู้จากการกระทำเพราะการกระทำจะนำมาซึ่งภาพและผลที่นำมาสู่การตัดสินใจได้ง่ายขึ้น สามารถสรุปผลได้ว่า ดี หรือไม่ดี และการลองผิดลองถูกถือเป็นพลังสำคัญในการต่อรองแต่ก่อนจะมีการลองผิดลองถูกจะต้องมีการตรวจสอบเบื้องต้นมีการตรวจสอบระบบของสังคมทั้งภายใน และภายนอกแล้วจากนั้นนำมาวิเคราะห์ถึงผลดี และผลเสียร่วมกัน สอดคล้องกับ ทฤษฎี ระบบที่ประกอบไปด้วย



ตัวอย่างการวิเคราะห์ในเชิงระบบด้านบวกและด้านลบ

การวิเคราะห์เชิงระบบในด้านบวก


มุมมองในด้านบวกมองว่าการเปิดคาสิโนอย่างถูกกฎหมายเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เมื่อรัฐมีรายได้มากขึ้นส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมดีขึ้น รัฐจะสามารถนำรายได้นั้นมาทำประโยชน์แก่กิจกรรมสาธารณะต่างๆ ได้เพื่อที่จะบริหารจัดการโครงการทางสังคมให้เข้มแข็งขึ้น สอดคล้องกับแนวคิดของชาวตะวันตกในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ต้องเร่งระดมทุน หาวิธีการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รัฐบาลเห็นว่าควรเปิดคาสิโนให้ถูกกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม เป็นการจัดระเบียบสังคม และรัฐบาลเป็นตัวกลางในการจัดการ รักษาและควบคุมธุรกิจนี้ให้ถูกกฎหมายและนำรายได้มากระจายสู่สังคมอย่างทั่วถึง

การวิเคราะห์ปัญหาในระบบเชิงลบ


มุมมองในเชิงลบ มองว่าในระบบสังคมไทยเป็นระบบ “บุญนิยม”ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยส่วนใหญ่ในประเทศนับถือศาสนาพุทธ การพนันเปรียบเสมือนเชื้อโรคร้ายแรงในมุมมองของศาสนาซึ่งจะนำมาซึ่งปัญหาสังคมมากมายคาสิโนจะเป็นตัวทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของไทยคาสิโนจะทำลายซึ่งความเชื่อและความผูกพันกับศาสนาเพราะเป็นข้อขัดแย้งอย่างรุนแรงในเชิงจิตวิทยาเพราะพระพุทธศาสนาเป็นศูนย์รวมจิตใจเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชาติ พระพุทธศาสนาจึงเป็นระบบสำคัญส่วนลึกที่ฝังแน่นอยู่ในโครงสร้างทางสังคมของไทย มีอิทธิพลอันทรงพลังอันหนักแน่นที่จะปฏิเสธได้ยากเพราะความเชื่อที่ว่า “คาสิโนเป็นศูนย์รวมแห่งความเสื่อมทั้งปวง”

ความขัดแย้งทางความคิดในเรื่องการเปิดคาสิโนให้ถูกกฎหมาย สะท้อนให้เห็นมุมมองของคนส่วนใหญ่ที่มองแบบหน้าที่นิยม คือมีมุมมองว่าคาสิโนทำหน้าที่อะไรให้กับสังคมไทย แต่ยังไม่ได้มองถึงความสำคัญในลักษณะของโครงสร้างมากนักเพราะหากมองในลักษณะของโครงสร้างหน้าที่นิยมลึกๆ แล้วจะมองเห็นความสัมพันธ์ของเรื่อง เศรษฐกิจ และการเมืองในระดับสูง ที่แฝงได้ด้วยผลประโยชน์มหาศาล และอำนาจของนายทุนข้ามชาติและมีนายทุนทางการเมืองที่จะเข้ามาผูกขาด เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน การพนันที่ถูกกฎหมายจึงเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง ทุน นักการเมืองและภาครัฐ เพราะในขณะที่รัฐต้องการสร้างรายได้อันรวดเร็วเพื่อมาชดเชยรายจ่ายที่สูญเสียไปในอดีตและต้องการนำผลประโยชน์ที่ได้มาบริหารจัดการบ้านเมืองให้มี และกระจายรายได้สู่ชุมชนจำนวนหนึ่งเพื่อความมั่นคงทางการเมืองในอนาคต

คนไทยควรมองปัญหาให้ลึก และหากจะมีการเปิดคาสิโน5 แห่งขึ้น จะต้องมีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อหาทางออกร่วมกันรัฐบาลไม่ควรด่วนสรุป และกระทำทันทีควรมีการทำประชาวิจารย์รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ และในวงกว้าง รับฟังความคิดเห็นของประชาชนมีการทำวิจัยครอบคลุมทุกด้านวิเคราะห์ผลดี ผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาผลในเชิงลึกนำมาวิเคราะห์ สรุปและเรียนรู้ร่วมกัน จะเป็นหลักประกันที่ดีให้แก่ประเทศไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต

สำหรับทางออกในเรื่องนี้ น่าจะสอดรับกับแนวความคิดของ โดนับ แคมเบลล์คือการลองผิดลองถูก ซึ่งต้องบอกว่าเคยลองมาแล้วแต่หากจะลองอีกโดยการ “เปิดคาสิโนเชิงทดลอง”ในเชิงบวกจะเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ เงื่อนไขในการทดลองเปิดจะประกอบไปด้วย

1. พื้นที่ทดลองจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนในเขตพื้นที่นั้น

2. การดำเนินการทดลองมีระยะเวลาจำกัดมีการติดตามประเมินผลโครงการอย่างเป็นรูปธรรม

3. หากเกิดปัญหาข้อผิดพลาดใดๆ ต้องปิดกิจการทันที

4. ปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องมีผู้รับผิดชอบ

แต่สุดท้ายผู้ที่คัดค้านมีมุมมองที่ว่า“อย่าเอาประเทศเป็นเดิมพัน”

จากการศึกษาเรื่องนี้ก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพราะเห็นว่าการศึกษา และอภิปรายเรื่อง คาสิโนมีมุมองไปที่ด้านเศรษฐกิจ แต่ยังขาดมุมมองเรื่องความสัมพันธ์ของคาสิโนกับวัฒนธรรมในเชิงลึกคาสิโนกับสังคมไทยจึงเป็นประเด็นร้อนแรง ที่นักวัฒนธรรมไม่ควรมองข้ามหัวข้อที่น่าสนใจ

คาสิโนผลกระทบทางวัฒนธรรม

ทำไมคนไทยจึงชอบเล่นการพนัน

อดีตปัจจุบันและอนาคตของคาสิโนในมิติทางวัฒนธรรมไทย

ความสัมพันธ์ของคาสิโนในชนชั้นต่างๆ

คาสิโนในมุมมองของคนในแต่ละภูมิภาค

นี่เป็นตัวอย่างที่อยากนำเสนอ จากการศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ด้านเศรษฐกิจ สังคมและจิตวิทยากับคาสิโนมาตั้งแต่ปี 2551ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นนักวัฒนธรรมจึงมองว่าการศึกษาเรื่อง “คาสิโน”ต้องมีการศึกษาให้ครบทุกมิติ โดยเฉพาะในประเทศไทยเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมอันดีงามการศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งนักและสุดท้ายคำตอบในเรื่องนี้ อาจจะเป็นข้อมูลสำคัญที่นำมาซึ่งการตัดสินใจในเชิงนโยบายของรัฐบาลหรืออาจจะนำมาซึ่งการลดความขัดแย้งความแตกต่างทางความคิดของสังคมปัจจุบันได้

หมายเลขบันทึก: 594079เขียนเมื่อ 29 สิงหาคม 2015 23:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม 2018 20:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท