เห็นคนยุคนี้แล้วรู้สึกละเหี่ยใจ ยุคนี้ ยุคอะไร ยุคที่ข้อมูลส่งถึงกันผ่านอุปกรณ์มือถือ แท็ปเล็ต ได้อย่างรวดเร็วในพริบตาเดียว.. ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ คุณแม่ผมอายุ 75 ปีแล้วสามารถใช้แอปพลิเคชั่น LINE คุยกับเพื่อนๆ ลูกๆ หลานๆ ... หลานผมอายุไม่ถึง สามขวบใช้สมาร์ทโฟนได้แล้ว การสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตช่างครอบคลุมช่วงอายุของประชากรที่กว้างเสียจริงๆ...
แล้วละเหี่ยใจอะไร.... ก็อดรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ เมื่อเห็นใครหลายๆ คน บริโภคของแบรนเนม ที่เกินกำลังของตัวเอง ...
แบบไหนล่ะที่เรียกว่าเกินกำลัง? เอาง่ายๆ นะครับ ตัวชี้วัดของผม ใช้เกณฑ์จากมนุษย์เงินเดือนนี่แหละ ถ้าใครมีเงินออม หรือเงินที่เหลือใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว ทั้งหนี้สิน กิน เที่ยว ซื้อของ ฯลฯ ต่อเดือน มากกว่า 10% ของรายได้ต่อเดือน อันนี้ถือว่าเป็นปกติ..... ของที่เขาใช้อยู่ รถ บ้าน โทรศัพท์มือถือ กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ หรือ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่เขาทำอยู่เหมาะสมกับตัวของเขาเอง คือภาพลักษณ์สะท้อนตัวตนที่แท้จริง
แต่คนส่วนใหญ่ที่ผมรู้จัก และนำมาซึ่งความละเหี่ยใจ มักจะใช้ของเบรนด์แนม โดยมีภาระหนี้สินหรือเรียกว่า เข้าสู่ภาวะปลอดเงินออม เพียงเพื่อที่จะ "อวด" สิ่งของเหล่านั้นกับบรรดาผู้คนในสังคม
อยากให้คนยุคนี้ กล้า ที่จะทำอะไร สวน ทางกลับคนอื่นบ้าง กล้า ที่จะเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการบริโภคนิยม
"ออมในวันนี้ จะมั่งมีในวันหน้า" "ไม่มีเงินออมในวันนี้ จะรวยหนี้ในวันหน้า"
เป็นหนี้(ที่เกินพอดี)ในวันนี้ ยังไม่เห็นหนทางว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตกันวันต่อวัน วันต่อวัน
ขอความสุขจงมีแก่ทุกท่านครับ
ไม่มีความเห็น