DLTV...บางแง่มุมที่..สพฐ.ยังไม่รู้...


สพป.กจ.๔..เขตพื้นที่ของผมทราบดี..มีการนิเทศติดตามอย่างใกล้ชิด..มีการศึกษาดูงาน มีการอบรมสัมมนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง...เพื่อ..ทำความเข้าใจให้ตรงกัน..แต่ละฝ่ายปรับบทบาทหน้าที่ และใช้ DLTV. บนพื้นฐานความรู้และความรับผิดชอบ...อย่างจริงจัง..วัดและประเมินได้

เช้าวันนี้..เป็นคิวของนักเรียนชั้นป.๑ ซึ่งมีทั้งหมด ๙ คน..ผมขอพบตั้งแต่เวลา ๐๗.๔๕ น. จนถึง ๐๘.๑๐ น. ก่อนเวลาเคารพธงชาตินั่นเอง..ก่อนหน้านี้..พบเด็กชั้นนี้ มาแล้ว ๓ - ๔ ครั้ง ได้คำตอบว่า เด็กป.๑ ทั้งหมดอ่านคำง่ายๆ ที่ไม่มีตัวสะกดได้ ต่อเมื่อให้อ่านคำพื้นฐานที่ยากขึ้น และมีตัวสะกด นักเรียนจะอ่านไม่คล่อง ซึ่งแสดงว่าเขายังไม่มีความพร้อม ครูต้องรีบแก้ไข โดยสอนสระทั้งรูปและเสียง ให้นักเรียนแม่นยำ เพื่อการอ่านสะกดตัวผสมคำของนักเรียน..จะได้เกิดเป็นทักษะที่คล่องตัวยิ่งขึ้น

ข้อสงสัยของผมวันนี้ก็คือ..นักเรียนมีความแม่นยำ..ในพยัญชนะไทยทั้ง ๔๔ ตัวมากน้อยเพียงใด..จึงทดสอบโดยพิมพ์พยัญชนะเป็นแถวๆ แต่ละแถวพยัญชนะจะไม่เรียงกัน นักเรียนจะเดาไม่ได้เลย ปรากฎว่า นักเรียนทุกคนรู้จักและอ่านได้คล่อง..ก็แสดงให้เห็นว่า..พยัญชนะไม่มีปัญหา..ครูต้องรีบเดินเครื่องไปสู่การสะกดคำ โดยให้นักเรียนเข้าถึง..สระ..ให้ได้โดยเร็ว

นักเรียนอ่านไปได้พักใหญ่..ก็มีหญิงสาวที่เป็นผู้ปกครองนักเรียน..จูงมือเด็กในชุดนักเรียน สะพายกระเป๋าพร้อม..ผมเชิญให้นั่ง..จากนั้นก็สัมภาษณ์ทันที

ได้ความว่า..ลูกชายอยู่ชั้น ป.๒ เรียนอยู่ที่โรงเรียน...ห่างจากโรงเรียนบ้านหนองผือราว ๔ กม. สาเหตุที่ต้องไปเรียนที่....เพราะตามพี่ไป และหมู่บ้านไม่ได้อยู่เขตอำเภอเลาขวัญและ ไม่ใช่เขตบริการของหนองผือ...

"...แล้ววันนี้..คิดอย่างไร..จึงจะย้ายลูกมาเรียนที่นี่.." ผมถามผู้เป็นแม่..เป็นคำถามที่ผมจะถามผู้ปกครองทุกคน และขอร้องให้พูดความจริง..เพื่อโรงเรียนจะได้ใช้เ่ป็นข้อมูล...ดูแลและแก้ปัญหา

การย้ายมา..หลังจากโรงเรียนเปิดเรียนไปแล้ว..ย่อมมีเหตุผลที่สำคัญทั้งสองฝ่าย ผู้ปกครองไม่ผ่านการประชุมรับทราบนโยบาย..และ..ไม่ได้เรียนมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล..ย่อมต้องพูดคุยรู้จักกันก่อน

ผู้เป็นแม่บอก ครอบครัวไม่มีปัญหาอะไร..ตอนที่ลูกชายอยู่ชั้น ป.๑..สนใจเรียน อยากไปโรงเรียน..พอขึ้นชั้นป.๒ ได้เรียนกับครูผู้ชาย..ครูเขาจะปล่อยให้ดูแต่ทีวี ไม่ค่อยได้สอน ลูกชายบอกจดไม่ค่อยทัน ..ตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้..ไม่อยากไปโรงเรียน.."

นี่คือข้อมูล..ของผู้ปกครอง..ที่บอกให้ผม..ทราบ ในแง่มุมเดียว..ถามว่า..ผมเชื่อไหม..ก็ต้องฟังหูไว้หู ข้อเท็จจริง..อีกไม่นาน..สัมภาษณ์เด็กนิดเดียวก็รู้แล้ว..ผมใจเย็นไว้ก่อน..แต่ก็คิดในใจว่า..DLTV...บางแง่มุมก็มีปัญหา..ที่การสื่อสารและการบริหารจัดการ..ที่ครูและผู้ปกครองเอง ยังไม่ปรับให้ตรงกัน..และถามว่า ..สพฐ.ทราบไหม..ผมไม่แน่ใจ...

แต่ สพป.กจ.๔..เขตพื้นที่ของผมทราบดี..มีการนิเทศติดตามอย่างใกล้ชิด..มีการศึกษาดูงาน มีการอบรมสัมมนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง...เพื่อ..ทำความเข้าใจให้ตรงกัน..แต่ละฝ่ายปรับบทบาทหน้าที่ และใช้ DLTV. บนพื้นฐานความรู้และความรับผิดชอบ...อย่างจริงจัง..วัดและประเมินได้

ก่อนที่หญิงสาว..ผู้เป็นแม่จะลากลับไป..เพื่อให้ลูกชาย ป.๒ ได้อยู่กับครูใหม่ เพื่อนใหม่..และเข้าแถวเคารพธงชาติ..ก่อนเข้าเรียนเป็นครั้งแรก..ในโรงเรียนขนาดเล็ก..ใกล้บ้านแต่ต่างสังกัด..ผมบอกผู้ปกครองว่า...

"...แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ...ผมกับครูจะสอนลูกแม่อย่างดีที่สุด แต่ผมก็ต้องขอบอกก่อนนะครับ..ที่นี่ก็เรียนกับทีวีเหมือนกัน..แต่ครู..จะอยู่ในห้องตลอด จัดเตรียมอุปกรณ์และคอยเดินดู สังเกตนักเรียนว่าตั้งใจเรียนมากน้อยแค่ไหน เรียนทันหรือไม่ ขาดเหลืออะไร..ถ้าเรียนไม่ทัน ไม่เข้าใจ ก็จะเสริมเติมเต็มให้ตอนกลางวันและตอนบ่ายสองโมงครึ่ง....เรื่องจดไม่ทัน..ของเราไม่ได้เน้นครับ...." ผู้เป็นแม่ยิ้ม..เหมือนจะเบาใจ

ผู้ปกครอง..แม่ของเด็ก ป.๒ ยกมือไหว้แล้วลุกขึ้นเดินไปที่รถ..ผมเดินไปส่ง..อดไม่ได้..ที่จะถามประโยคเด็ด..ที่ค้างคาใจ..

"เมื่อกี้แม่พูดว่า...เด็กหนองผือ..อ่านเก่ง..แม่รู้ได้อย่างไรครับ...." ผมถาม...เพื่อต้องการคำตอบ

"อ๋อ...มากินก๊วยเตี๋ยวที่นี่บ่อย...ร้านก๊วยเตี๋ยวเขาเล่าให้ฟัง....."

ชัดเจนเลย..นึกว่ารู้มาจากที่ไหน..ก็เจ้าของร้านก๊วยเตี๋ยวที่ว่านี้..อยู่หลังโรงเรียน เป็นกรรมการโรงเรียนด้วย และลูกชายเขาอยู่ ป.๓ ก็อ่านคล่อง....ช่วยบอกต่อกันแบบนี้...เดี๋ยวก็ย้ายมากันเพียบหรอก...

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘


หมายเลขบันทึก: 592105เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2015 20:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม 2015 20:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ทั้ง " ครูตู้" ของวังไกลกังวล หรือ " ครูคอม ฯ "

ของ DLTV ย่อมมีช่องว่าง ช่องโหว่เหมือนกัน

แต่....ถ้าหากโรงเรียนปลายทางได้ศึกษา วิธีการขั้นตอน

การเียนรู้จากทีวี หรือจากคอมฯ และเตรียมความพร้อม

ล่งงหน้า ก่อนที่จะให้เด็กเรียนรู้ ผลดีย่อมเกิดขึ้น

แก่ผู้เรียน แต่หาก " การบริหารจัดการ" ของ

โรงเียนปลายทาง ไม่่มี หรือไม่พร้อม ก็ย่อมจะ

เกิดผลเสียอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ คือ..ให้เด็กดูทีวี

ให้เด็กดู YOUTUBE ที่ไม่เกิดผลดีแก่นักเรียน

ถามว่า สพฐ.ทราบถึงปัญหานี้ไหม...

ก็คงทราบดีอยู่แล้ว....จุดอ่อนของครูตู้

อยู่ที่ เป็นการถ่ายทอดสด โรงเียนปลายทาง

ไม่มีโอกาสได้ทบทวนบทเรียน ส่วน DLTV

เป็นYOUTU BE จะใช้ตอนไหน ก็ได้ และครู

สามารถตั้งข้อคำถาม สื่อสารกับครู DLTV ได้

ความจริงข้อหนึ่งก็คือ...ไม่มีสื่อใดใช้ได้ผลดี

หรือสมบูรณ์แบบในตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ที่เหมาะสมที่สุดเท่ากับ " ครู" ที่ยืนอยู่

ที่หน้ากระดานดำที่พร้อมด้วย " วิญญาณครู"

...อย่างแน่นอน


คงต้องกำจัดจุดอ่อนกันต่อไปครับ ผอ. ;)...

ครูต้องอยู่กับนักเรียน เหมือนเพาะปลูกไม้ผล ที่ต้องเอาใจใส่ดูแลแก้ไขให้ไม้ผล ปลอดภัยจากศัตรู หรือจะให้ครูเป็นวิศวกรทางจิตวิญญาณ ที่จะสรรสร้างให้วิญญาณเด็กมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง พร้อมที่เผชิญกับปัญหาสังคมมากมาย

รัฐมักจะมอบนโยบายจากบนลงล่าง แต่ไม่สร้างเครือข่ายจากล่างขึ้นบน รัฐต้องสนใจ"ใจ"ครู อบรมครูผู้สอน อำนวยการด้านการศึกษา ถ้าครูมีศักยภาพพร้อม ผลจะตกที่นักเรียน ถ้ารัฐเอาใจเด็กเช่น เด็กนิยม คือซื้อแท๊บเลตให้ ซื้อสื่อให้ เด็กกำลังหลงทางว่า ตนเป็นผู้เรียกร้องมากกว่า เป็นผู้เรียนรู้

อนิจจา! เด็กไทยใจกำลังกระเจิงตามสื่อ จนมือหงิกกกก หน้ามืด หูหนวก สายตากำลังจะสั้น ปัญญาจะอ่อน และปัญหาทั้งหมดไปกระจุกที่ครูประจำชั้น และผอ.รร. แต่สังคมกลับไม่รับรู้ว่าเด็กเช่นนี้ จะแก้อย่างไร อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน พระสงฆ์ จงอนุเคราะห์กัน อย่าปล่อยให้รร. แก้ปัญหาอย่างเดียว ได้ยินไหมหนอผู้ใหญ่ในรัฐครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท