น้ำขิงพุทราจีนเห็ดหูหนูดำรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ ลดไขมันฯ


ขิงพุทราจีนเห็ดหูหนูเพื่อสุขภาพ



สมุนไพร 3 ชนิดคือ ขิง พุทราจีน เห็ดหูหนุดำ แต่ละชนิดมีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อนำมารวมกันโดยต้ม/ตุ๋น/ปั่น ให้เป็นน้ำดื่มหรือซุป ประโยชน์ก็ยิ่งมากขึ้น ได้ทราบว่าสมุนไพร 3 อย่างมารวมกันอาหารเป็นยารักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบให้หายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด มีผู้นำมาฝากไว้ที่กลุ่มสบายใจกับสุขภาพที่ facebook ที่ตั้งกลุ่มนานแล้วคงเป็นช่วงที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ออกเผยแพร่เมื่องช่วงเดือน กพ.58 และไม่กี่วันนี้ก็มีมาฝากให้อ่านชมอีก พึ่งได้ต้มดื่ม เมื่อได้ลองทำเอง ถึงได้ทราบว่าดื่มง่ายโดยที่ไม่ต้องเพิ่มความหวาน หรือเนื้อหมูตุ๋น ตามที่มีผู้แนะนำกันไว้ก็ดื่มได้ง่าย

เมื่อนำน้ำออกมาดื่ม ก็จะมี ขิง พุทราจีน และเห็ดหูหนู ในหม้อจะทิ้งก็เสียดายจะทำอาหารอื่นๆก็คิดไม่ออกนอกจากผัดขิง พอทำมากก็มีมาก จึงได้ใส่โถปั่นให้เป็นซุปเพราะส่วนที่เราต้มตุ่นไม่เป็นน้ำมีมาก ถ้าทำทุกวันหรือพอหมดแล้วทำใหม่ ก็จะมีเนื้อของสมุนไพรสามอย่างเหลือทุกครั้ง พอเป็นซุปก็ได้ประโยชน์ อิ่มแทนอาหารหนักๆได้เลยในบางมื้อ ไม่ต้องทิ้งและจะเหมาะมากกับผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ที่ต้องใช้อาหารเหลว หรืออยากกินซุปอุ่นๆบ้างรวมทั้งคนปกติ จึงนำมาฝากพร้อมๆกันนะคะ เรามาทราบกันก่อนนะคะว่า สมุนไพร 3 อย่างนี้แต่ละอย่างมีประโยชน์อย่างไรบ้างพอประมาณก่อน ดังนี้


สรรพคุณตามตำราแพทย์แผนไทย

ขิง

เหง้า รสหวานเผ็ดร้อน ขับลม จุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน

แก้หอบไอ ขับเสมหะ แก้บิด เจริญอากาศธาตุ

สารสำคัญในน้ำมันหอมระเหย จะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้

ใช้เหง้าแก่ทุบ หรือบดเป็นผง ชงดื่มแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้จุกเสียด แน่นเฟ้อ

เหง้าสดตำคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำมะนาวเติมเกลือเล็กน้อย จิบแก้ไอ ขับเสมหะ


ข้อควรระวัง น้ำขิงที่เข้มข้น จะออกฤทธิ์ตรงข้ามกัน ควรใช้ปริมาณที่ไม่เข้มเกินไป

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/511971


พุทรา

ผลสุก รสหวานฝาดเปรี้ยว ขับเสมหะ แก้ไอ เป็นยาระบาย


เห็ดหูหนู รสเย็นหวาน บำรุงร่างกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กระจายโลหิต

แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ต้มกับน้ำตาลกรวดจิบแก้ไอ.....

อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/501898




ขิง ภาษาจีนเรียกว่า จี่เกีย ซึ่งหมายถึง ขิงอ่อน ส่วนขิงแก่เรียกว่า บอเกีย

สรรพคุณ

มีฤทธิ์อุ่น รสเผ็ด กลิ่นหอมสารประกอบที่ให้รสเผ็ดร้อนทั้งจิงเจอรอล( gingerol) และ โวกาออล ( shogaol) มีมากในขิงแก่ มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร ขับเหงื่อ ขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ ลดเสมหะ แก้ไอ รักษาอาการหวัด แก้อาการเมารถเมาเรือ แก้อาเจียน ท้องเสีย รักษาโรคกระเพาะ ช่วยการไหลเวียนของเลือด แก้ปวด

ใบ มีสรรพคุณ ขับลม ช่วยยิ่ย รักษานิ่ว รักษาอาการฟกช้ำ ทำให้เลือดไหลเวียนคล่อง

ดอก ช่วยย่อยอาหาร แก้ขัดปัสสาวะ

ผล กินแก้ไข้ เจ็บคอ คอแห้ง

เปลือกขิง ช่วยขับปัสสาวะ ลดบวม

ขิงสด และขิงแห้ง จะให้สรรพคุณแตกต่างกัน

ขิงสด มีฤทธิ์อุ่น จึงดีต่อการทำงานของม้าม ปอด กระเพาะ ช่วยแก้หอมหืด ขับเหงื่อ แก้อาเจียน

ส่วนขิงแห้ง มีฤทธิ์ร้อน ช่วยแก้อาการปวดจากความเย็น ท้องเสีย อาการมือเท้าเย็นและรักษาโรครูมาติก

ขิงอ่อน และขิงแก่ะให้สรรพคุณแตกต่างกัน

ขิงอ่อน มีสรรพคุณ แก้คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร

ส่วนขิงแก่ มีสรรพคุณ แก้ไอ หอบ ท้องอืด ปวดท้อง ปวดเอว (มีความเย็นมาก)

มือเท้าเย็น รักษาภาวะน้ำตาลมาก แก้อาเจียน





พุทราจีน ภาษาจีนเรียกว่า อั่งจ๊อ และหมุยจ้อ

สรรพคุณ

มีฤทธิ์อุ่น รสหวาน นิยมนำมาประกอบในตำรับจีนเพื่อลดฤทธิ์ความรุนแรงของเครื่องยาจีน

ช่วยให้ร่างกายดูดซึมยาได้ดีขึ้น และลดอาการแพ้ยา

ผลสดและแห้ง บำรุงร่างกาย ม้าม ตับ สมอง ช่วยขับปัสสาวะ เพิ่มปริมาณเลือด บรรเทาอาการโลหิตจาง รักษาเบาหวาน แก้อาการนอนไม่หลับ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดไขมันในเลือด รักษาอาการตับแข็งในผู้ที่ดื่มสุรา

พุทราจีนแห้ง กินป้องกันมะเร็ง แก้ท้องเสีย

ราก ใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลเปื่อย โรคทางเดินอาหาร และแก้ไข้

ใบ มีรสฝาด เพราะมีสารแทนนิน (tannin) สูงใช้เป็นยาลดไข้

เนื้อในเมล็ด ช่วยผ่อนคลายประสาท ทำให้นอนหลับสบาย

สารเพกทิน ( pectin) ในพุทราจีน ช่วยจับโลหะหนักที่ตกค้างในร่างกาย และลดคอเลสเตอรอล




ห็ดหูหนูดำ ภาษาจีนเรียกว่า โอวหมักยื่อ

สรรพคุณ

มีฤทธิ์เป็นกลาง รสหวาน บำรุงกำลัง บำรุงเลือด

ขับลมในกระเพาะ ช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนดี

ช่วยห้ามเลือด จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องการถ่ายปัสสาวะ

หรือ อุจจาระปนเลือด หรือมีเลือดออกในช่องท้อง

มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์

มีเส้นใยอาหารสูงและมีไขมันต่ำ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

มีเบตาแคโรทีน มีโปรตีนที่ดี และย่อยง่าย ทั้งยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ที่ร่างกายต้องการ


( ขอบคุณสรรพคุณประโยชน์ ขิง พุทราจีน เห็ดหูหนูดำจากหนังสือมหัศจรรย์สมุนไพรจีนบ.ซีเอ็ดยูเคชั่น ฯ)





ไฟเขียววิจัย 3 สมุนไพร รักษาเส้นเลือดตีบ


" จากกรณี นพ.ประชา กัญญาประสิทธิ์ หรือ

“ หมอเบิร์ด” ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท

โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม จ.เชียงใหม่


ออกมาระบุว่า ได้รับคนไข้ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบมารักษาหลายราย แต่อาการไม่ดีขึ้น เพราะต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด เพื่อทำบัลลูนขยายหลอดเลือด แต่คนไข้กลัวการผ่าตัดมาก จึงหลีกเลี่ยงและขอไปรักษาด้วยการกินยาสมุนไพร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา น่าตกใจ เมื่อเอกซเรย์ และฉีดสีดูเส้นเลือดที่ตีบ พบว่าเส้นเลือดจากผิวขรุขระ กลายเป็นผิวเรียบสวย โดยคนไข้เล่าให้ฟังว่า “พุทราจีนแห้ง-ขิง-เห็ดหูหนูดำ” เมื่อนำมาตุ๋นรวมกันแล้วดื่มในตอนเช้าและเย็น จนมีอาการดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ข้อมูลทั้งหมดยังไม่มีงานวิจัยออกมารองรับ หากโรงพยาบาลของรัฐมีความสนใจ ทางโรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม พร้อมที่จะให้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการป้องกันและรักษาในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ นพ.ประชา กล่าวกับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า ขณะนี้ได้รับอนุญาตจากนพ.วรพันธ์ อุณจักร ผอ.โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม ให้ประสานไปยังแพทย์อายุรกรรมผู้เชี่ยวชาญระบบประสาทของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อต่อยอดในการทำวิจัยสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด มาใช้รักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ แต่เบื้องต้นได้รวบรวมเก็บข้อมูลของคนไข้ไว้เรื่อยๆ ซึ่งหากต้องการทราบถึงผลกระทบด้านลบ จำเป็นต้องศึกษาและวิจัยคนไข้อย่างละเอียด คาดว่าต้องใช้เวลาดำเนินการอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี


“ พุทราจีนแห้ง 20-30 ผล, เห็ดหูหนูดำ 10 ช่อ (ช่อหนึ่งจะมีหลายดอก) หรือหากเป็นช่อเล็กก็เพิ่มเป็น 20 ช่อ และขิง 1 ขีด ใช้เวลาตุ๋นประมาณ 2-4 ชั่วโมง ต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วกรองเอาแต่น้ำ จะได้น้ำ ดื่มกินขณะท้องว่าง ในตอนเช้าและเย็น”


นพ.ประชากล่าว ด้านนพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กล่าวกับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า ในเรื่องดังกล่าว ตนแนะนำให้นพ.ประชา นำข้อมูลที่ผ่านการศึกษาแล้ว เผยแพร่ลงในวารสารทางการแพทย์เป็นภาษาอังกฤษ โดย “ขิง-ยาร้อน” ช่วยลดไขมันในเลือดและกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือด ต่อมา “เห็ดหูหนูดำ-ยาสุขุม” ลดความดันโลหิตสูงหรือเส้นเลือดแข็งตัว และมีส่วนช่วนในการฟอกเลือด ส่วน “พุทราจีน-ยาเย็น” เพิ่มภูมิต้านทานโรค บำรุงสมองและประสาท ลดการอุดตันของเส้นเลือด อีกทั้งพุทราจีนยังช่วยบำรุงไตอีกด้วย โดยสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด เมื่อออกฤทธิ์พร้อมกัน ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “กลูคากอน” (Glucagon) เพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ป้องกันร่างกายเกิดภาวะน้ำตาลในเส้นเลือดต่ำ"




ขอบคุณ ที่มา : http://www.dailynews.co.th/article/303275


นำมาฝากอ่านชมเพิ่มได้นะคะ


ขอบคุณมากค่ะ

-โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม http://www.hedlomnews.com/?p=6662


- ประสบการณ์ ผู้ป่วยคนไข้โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม
http://www.hedlomnews.com/?p=6699






วิธีทำ

1. ขิงแก่ ปอกเปลือกหรือไม่แล้วแต่ ล้างน้ำให้สะอาด ทุบหรือหั่นชิ้นบางๆ

2. พุทราจีนแช่น้ำ ล้างให้สะอาด ฉีกครึ่งลูก

3. เห็ดหูหนูสดหรือแห้ง แช่ล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

4. สมุนไพร ทั้ง 3 อย่างใช้แต่ละครั้งในปริมาณเท่ากัน เช่น

อย่างละ 1 กำมือใช้น้ำ 1 ลิตร หรือ อย่างละ 100 กรัม ต่อน้ำ 2 ลิตร ต้มในน้ำเดือดเบาๆ

เมื่อต้มไปสักพักใช้ทัพพีนำพุทราจีนที่ลอยมากดข้างหม้อให้เนื้อพุทราจีนกระจาย

จะต้มนาน 30 นาที หรือตุ๋นนาน มากกว่า 1 ชั่วโมงแล้วแต่สะดวก

( เพราะตามสูตรที่เผยแพร่ตุ๋นนานถึง 2-4 ชม.)

5. เมื่อต้มนานตามต้องการ ก็กรองหรือตักแต่น้ำใส่ถ้วย/แก้วดื่มอุ่นๆ หรือเย็นตามชอบ

6. เนิื้อ ขิง พุทราจีน เห็ดหูหนู ที่นำน้ำออกไปแล้วจะนำไปทำอาหารอื่นๆ

หรือปั่นเป็นซุปปรุงรสตามชอบ แต่ถ้าต้มตุ๋นใส่เนื้อหมู ฯ

( ระวังไขมันในเนื้อสัตว์ด้วย ควรใช้เนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมัน) ก็กินไปด้วยกันได้เลย




ส่วนที่เนื้อสมุนไพรทั้ง 3 ถ้าไม่ทิ้งนำมาทำอาหารต่อได้อีก



ซุปแบบข้น เพิ่มเครื่องปรุง

เช่น ตำรากผักชีกระเทียมพริกไทย เคี่ยวให้หอมมากขึ้นก็ได้ตามชอบ



ซุปทำเป็นน้ำไม่ข้นก็ได้



เนื้อสมุนไพรที่นำน้ำออกไปแล้ว ปั่นเป็นน้ำดื่ม เพิ่มความหวานหรือไม่ตามชอบ





คงมีผู้อ่านชมหลายท่านทำดื่มแล้ว ได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง เล่าให้ทราบบ้างนะคะ สมุนไพรทั้ง 3 อย่าง อาหารเป็นยา มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่างตามสรรพคุณที่กล่าว ไม่ต้องรอให้เกิดไขมันอุดตันแล้วถึงทำดื่มนะคะ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า สมุนไพรมีอีกมากอย่างที่ช่วยลดไขมัน คลอเลสเตอรรอลได้ แต่ทั้ง 3 ชนิดได้ผลดีต่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ ทำให้เลือดไหลเวียนดี การทำดื่มต่อครั้งควรใช้ในปริมาณที่พอดีไม่ควรใช้มากเกินไป การดื่มน้ำสมุนไพรถ้ามีความเข้มข้นเกินไปเมื่อดื่มแล้วไม่ดื่มน้ำตาม ไตของเราก็ทำงานหนักได้นะคะ เช่นเดียวกับการกินยาแล้วดื่มน้ำตามนิดเดียว ยาเข้มข้น ยาแรง ฯ ก็จะทำให้ไตแย่ลงได้ ต้องระวังด้วยค่ะ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต และมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไต ควรศึกษาก่อนว่า สมุนไพรทั้ง 3 กินได้หรือไม่นะคะ


ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี

วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มิถุนายน พศ. ๒๕๕๘


หมายเลขบันทึก: 590991เขียนเมื่อ 11 มิถุนายน 2015 13:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2015 09:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ทำดื่มหายหม้อแล้วค่ะ รสดีมาก ชอบค่ะ แต่เสันเลือดจะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่เคยตรวจ แต่เชื่อว่าจะดีแน่นอนค่ะ

จะดื่มไปเรื่อย ๆ ขี้เกียจต้มก็หยุดไปบ้าง

สวัสดีค่ะ,

อยากจะเป็นพยานของการดื่มน้ำ ขิง-พุทธาจีน และเหน็ดหนู, ดิฉันอายุตอนนี้ 54ปี อาศัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสค่ะ ทางครอบครัวพี่น้องที่เมืองไทยเป็นโรคความดันสูงกันทั้งครอบครัว และตัวเองก็เพิ่งจะค้นพบว่าตัวเองเป็นโรคนี้เมื่อ 3ปีที่

เรียน

ดื่มไหม่ เน้นหน้าอก ดื่มไป 3 4 แก้วดีขึ้น มีใครทราบเป็นเพราะอะไร ตนเองเป็นโรคหัวใจตีบ หมอแนะทำบอลลูนไม่กล้าทำ เพราะคำแนะนำให้ทำน่ากลัวจะตาย ก่อน เพราะคำแนะนำหมอสมัยนี บอกผลเสีย เพราะกลัวฟ้องกลับ ถ้าตายจริง

1 วัตถุดิบเดิม ต้ำน้ำ 2 3 ได้ไหม และเก้บไว้ได้นานเท่าไรในตู้เย็น

2 คำว่า ความเข้มข้น หรือ เบาบาง จะมีผลต่อหัวใจหรือไม่

3 หากเอากากไปทำซุป จะมีผลเสียมากกว่าผลดีหรือไม่ และมีคณค่าทางอาหารมากน้อยเพียงไร

4 การกินเป็นระยะเวลานานๆ หลายๆ เดือนมีผลข้างเคียงสะสมไปในทางลบ มากกว่าบวกหรือไม่

5 หากเราเสริมด้วย ผลกระเจี๊ยบ และดอกอันชัน และมะตูมเข้าไปด้วย จะมีผลเสีย หรือ ผลดี ทำได้หรือไม่ คุณสมบัติแต่ละชนิดไปทำลายกันเอง หรือ สร้างผลบอกให้เราหรือไม่ อย่างไร

6 การฝังเข็มช่วยทางตรงหรือทางออ้ม

7 ทำไมหมอไม่ยาแผนปัจจุบัน ขยายเส้นเลือด ด้วย จะให้ทำบอลลูนอย่างเดียว หมอแนะให้มาทำเดือน 8 แต่ไ่ม่กล้าทำ ฝัง

เข้็มมาตลอดจะช่วยให้การรักษาเส้นเลือดอุดตัวดีขึ้นไหม พร้อมดื่ม

น้ำยาดังกล่าว ผมอายุ 67 เป็น เบาหวาน 130 ความดัน 130


รอคำตอบครับ

28/12/2015



อาการผมเหมือนลุงอ้วนครับ ผมทำดื่มคู่กับยาที่หมอให้มาเกือบเดือนแล้วครับ

หมอนัดล่าสุด ผลตรวจเลือดปกติทุกอย่าง แต่บางครั้งยังมีอาการเจ็บแน่นเหนื่อยอยู่บางครับ

คงต้องทานให้ถึง3เดือนก่อนมั๊งครับ ถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน

หาซื้อได้ที่ไหนคร้พุทธาจีน

เพิ่งต้มกินได้ 2 หม้อค่ะ แต่มาเมื่อวานกับวันนี้ (16.08.2018) กินแล้วเหมือนแพ้อาหาร มีผื่นเม็ดใหญ่ขึ้นที่หน้าค่ะ เคยมีใครแพ้สูตรนี้บ้างมั้ยค่ะ พอดีกินข้าวเสร็จแล้วกินยาแก้เส้นเอ็นอับเสบ และอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มากินสูตร พุทราจีน+เห็ดหูหนูดำ+ขิง ต้มค่ะ มันเกี่ยวกันมั้ยค่ะ

เพิ่งต้มกินได้ 2 หม้อค่ะ แต่มาเมื่อวานกับวันนี้ (16.08.2018) กินแล้วเหมือนแพ้อาหาร มีผื่นเม็ดใหญ่ขึ้นที่หน้าค่ะ เคยมีใครแพ้สูตรนี้บ้างมั้ยค่ะ พอดีกินข้าวเสร็จแล้วกินยาแก้เส้นเอ็นอับเสบ และอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มากินสูตร พุทราจีน+เห็ดหูหนูดำ+ขิง ต้มค่ะ มันเกี่ยวกันมั้ยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท