บันทึก ๑๒๓ การวัดและประเมินผล ๑๑ : การใช้คำถาม
การใช้คำถาม
........คำถามเป็นสิ่งสำคัญที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนใคร่เรียนรู้ สนใจ ตั้งใจเรียน การตั้งคำถามที่ดีช่วยให้ครูผู้สอนสามารถกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิดในด้านต่างๆ การประเมินผลการเรียนรู้โดยใช้คำถามเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาการคิดของผู้เรียนได้
........สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (๒๕๕๓) ได้อธิบายว่า การใช้คำถามเป็นเรื่องปกติมากในการจัดการเรียนรู้ แต่ข้อมูลงานวิจัยบ่งชี้ว่าคำถามที่ครูใช้เป็นด้านความจำ และเป็นเชิงการจัดการทั่ว ๆ ไปเป็นส่วนใหญ่ เพราะถามง่ายแต่ไม่ท้าทายให้ผู้เรียนต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้ให้ลึกซึ้ง การพัฒนาการใช้คำถามให้มีประสิทธิภาพแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก แต่สามารถทำได้ผลรวดเร็วขึ้น หากผู้สอนมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินในชั้นเรียน โดยทำการประเมินเพื่อพัฒนาให้แข็งขัน (Clarke, 2005) Clarke ยังได้นำเสนอวิธีการฝึกถามให้มีประสิทธิภาพ ๕ วิธี ดังนี้
........วิธีที่ ๑ ให้คำตอบที่เป็นไปได้หลากหลาย เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้นเปลี่ยนการถามแบบความจำให้เป็นคำถามที่ต้องใช้การคิดบ้าง เพราะมีคำตอบที่เป็นไปได้หลายคำตอบ (แต่พึงระวังว่าการใช้คำถามแบบนี้ผู้เรียนต้องผ่านการเรียนรู้ มีความเข้าใจพื้นฐานตามตัวชี้วัดที่กำหนดให้เรียนรู้มาแล้ว) คำถามแบบนี้ทำให้ผู้เรียนต้องตัดสินใจว่า คำตอบใดถูก หรือใกล้เคียงที่สุดเพราะเหตุใด และที่ไม่ถูกเพราะเหตุใด นอกจากนี้การใช้คำถามแบบนี้จะทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ยิ่งขึ้นอีก หากมีกิจกรรมให้ผู้เรียนทำเพื่อพิสูจน์คำตอบ
คำถามจำ : การออกกำลังกายแบบใดทำให้หัวใจทำงานดี
คำถามคิด : การออกกำลังกายแบบใดต่อไปนี้ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น การขี่จักรยาน การเดิน การว่ายน้ำ การเล่นกอล์ฟ
การพุ่งแหลน
........ที่ ๒ เปลี่ยนคำถามจำให้เป็นประโยคบอกเล่า เพื่อให้ผู้เรียนระบุว่าเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยพร้อมเหตุผล การใช้วิธีนี้จะต้องให้ผู้เรียนได้อภิปรายกัน ผู้เรียนต้องใช้การคิดที่สูงขึ้นกว่าวิธีแรก เพราะผู้เรียนจะต้องยกตัวอย่างสนับสนุนความเห็นของตน เมื่อให้ประโยคที่ผู้เรียนจะต้องสะท้อนความคิดเห็น ผู้เรียนจะต้องปกป้องหรืออธิบายทัศนะของตน การฝึกด้วยวิธีการนี้บ่อย ๆ จะเป็นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้ฟังที่ดี มีจิตใจเปิดกว้างพร้อมรับฟังและเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นผ่านกระบวนการอภิปราย ครูใช้วิธีการนี้กดดันให้เกิดการอภิปรายอย่างมีคุณภาพสูงระหว่างเด็กต่อเด็ก และให้ข้อมูลเพื่อการพัฒนาแก่ทุกคนในชั้นเรียน
คำถามความจำ : การออกกำลังกายแบบใดทำให้หัวใจทำงานได้ดี
คำถามคิด : "การออกกำลังกายแบบต่างๆนั้นทำให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น" ท่านเห็นด้วยหรือ เพราะเหตุใด
........วิธีที่ ๓ หาสิ่งตรงกันข้าม หรือสิ่งที่ใช่/ถูก สิ่งที่ไม่ใช่/ผิด และถามเหตุผล วิธีการนี้ใช้ได้ดีกับเนื้อหาที่เป็นข้อเท็จจริง เช่น จำนวนในวิชาคณิตศาสตร์ การสะกดคำ โครงสร้างไวยากรณ์ในวิชาภาษา เป็นต้นเมื่อได้รับคำถามว่าทำไมทำเช่นนี้ถูก แต่ทำเช่นนี้ผิด หรือทำไมผลบวกนี้ถูก แต่ผลบวกนี้ผิด หรือทำไมประโยคนี้ถูกไวยากรณ์ แต่ประโยคนี้ผิดไวยากรณ์ เป็นต้น จะเป็นโอกาสให้ผู้เรียนคิดและอภิปรายมากกว่าเพียงการถามว่า
ทำไมโดยไม่มีการเปรียบเทียบกัน และวิธีการนี้จะใช้กับการทำงานคู่มากกว่าถามทั้งห้อง แล้วให้ยกมือตอบ
คำถามจำ : พืชต้องการอะไรเพื่อการเจริญเติบโต
คำถามคิด : ทำไมต้นไม้ต้นนี้จึงสมบูรณ์ แต่อีกต้นหนึ่งกำลังจะตาย
........วิธีที่ ๔ ให้คำตอบประเด็นสรุปแล้วตามด้วยคำถามให้คิด เป็นการให้ผู้เรียนต้องอธิบายเพิ่มเติม
คำถามจำ : จงบอกคำที่เป็นคำเชื่อม
คำถามคิด : ทำไมเราจึงเรียนคำว่า "แต่" และ "ดังนั้น" ว่าเป็นคำเชื่อม
........วิธีที่ ๕ ตั้งคำถามจากจุดยืนที่เห็นต่าง เป็นวิธีที่ต้องใช้ความสามารถมากทั้งผู้สอนและผู้เรียนเพราะมีประเด็นที่ต้องอภิปรายโต้แย้งเชิงลึก เหมาะที่จะใช้อภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ สังคมปัญหาสุขภาพ ปัญหาเชิงจริยธรรม เป็นต้นนอกจากนี้
คำถามจำ : การสูบบุหรี่มีอันตรายอย่างไร
คำถามคิด : การสูบบุหรี่ควรเป็นสิ่งที่เลือกกระทำหรือไม่
........ใช้ Bloom's Taxonomy เป็นกรอบแนวคิดในการตั้งคำถาม ก็เป็นวิธีการที่ดีในการเก็บข้อมูลการเรียนรู้จากผู้เรียน ซึ่งผู้เขียนจะกล่าวในบันทึกต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
ชุดฝึกอบรมการวัดและประเมินผลการเรียนรู้หลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศึกราช ๒๕๕๑.กรุงเทพฯ : สพฐ.,๒๕๕๓.
การใช้คำถามให้คิดมีความสำคัญ
พยายามกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดครับ
ขอบคุณสำหรับตัวอย่างคำถามครับพี่
ใช่ค่ะ การใช้คำถามช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนได้คิด
ครูสามารถประเมินผลด้านการคิดได้อีกค่ะ
ขอบคุณค่ะ อาจารย์ ดร.ขจิต
การกระตุ้นให้ คิดๆๆ และคิด เป็นการเรียนรู้ที่เยี่ยมากๆๆค่ะ